การทำไม้ในอดีตของประเทศไทยส่วนใหญ่คือไม้สัก ซึ่งมีปริมาณมากในภาคเหนือของประเทศ แต่เนื่องจากตลาดค้าขายไม้อยู่ในกรุงเทพ และการส่งออกไม้สู่ต่างประเทศก็ต้องผ่านท่าเรือบริเวณกรุงเทพเช่นกัน ดังนั้นการขนส่งไม้สักจากภาคเหนือลงมากรุงเทพในสมัยก่อนจึงใช้ทางน้ำเป็นหลัก เพราะเส้นทางถนนหรือการขนส่งด้วยรถยนต์ยังไม่สะดวกเท่าในปัจจุบัน การขนส่งทางน้ำถือเป็นวิถีปกติของคนไทยในอดีตที่มีความผูกพันกับสายน้ำ มีแม่น้ำลำคลองเข้าถึงเกือบทั่วประเทศ การขนส่งไม้ทางน้ำจึงเปรียบเสมือนภูมิปัญญาไทยอย่างหนึ่ง
การขนส่งไม้ทางน้ำด้วยการล่องแพ เป็นการขนส่งไม้ที่มีต้นทุนถูกที่สุด สามารถขนส่งไม้ได้จำนวนมาก แต่มีข้อเสียที่อาจควบคุมได้ยากคือ ระดับน้ำ หากแม่น้ำที่ล่องแพมีปริมาณน้ำน้อยเกินไปก็อาจจะล่องแพไม่ได้ หรือปริมาณน้ำมากเกินไปก็อาจทำให้แพเสียหายได้เช่นกัน (อำนวย, 2524) และใช้เวลาในการเดินทางนานหลายวันจากภาคเหนือถึงกรุงเทพ
ลักษณะของแพไม้แบ่งออกได้เป็น 2 แบบ ตามลักษณะและสภาพของลำน้ำ คือ
1. แพแบบปลาตะเพียน มีรูปร่างแผ่กว้างและสั้นคล้ายกับปลาตะเพียน จะใช้ในกรณีลำน้ำที่ตื้น กว้าง และไม่คดเคี้ยว เช่น แม่น้ำปิง แม่น้ำวัง
2. แพแบบงูไซ มีรูปร่างยาว ท่อนไม้หรือซุงผูกกันอย่างหลวมๆ ทำให้สามารถเลี้ยวไปตามความโค้งของแม่น้ำคล้ายการเคลื่อนที่ของงู ใช้สำหรับล่องแม่น้ำที่แคบและคดเคี้ยว เช่น แม่น้ำยม
ส่วนประกอบหลักของแพไม้ ได้แก่
- ทับแพ คือ บ้านพักชั่วคราวที่อยู่บนแพ สำหรับอยู่อาศัยของคนควบคุมแพ เพราะว่าต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะเดินทางถึงปลายทาง
- พุ้ย มีลักษณะคล้ายไม้พาย อยู่ด้านท้ายของแพมีง่ามพุ้ยเป็นที่รองรับ พุ้ยมี 2 อัน มีส่วนช่วยในการพายให้แพเลี้ยวไปตามลำน้ำ
- ถ่อ เป็นไม้ไผ่ขนาดยาว 2 อัน ใช้ในการควบคุมทิศทางของแพ ช่วยค้ำเมื่อแพเกยตื้นหรือจะชนฝั่ง
- พะอง อยู่ด้านหน้าทับแพ ทำจากไม้ไผ่ ติดตั้งสูงขึ้นไปคล้ายหอคอย ใช้สำหรับมองสำรวจเส้นทางน้ำด้านหน้า เพื่อกำหนดทิศทางของแพ
ทับแพ
พุ้ย
ถ่อ
พะอง
เมื่อไม้ถูกขนส่งมายังริมแม่น้ำ ไม้จะถูกดันลงน้ำและผูกต่อกันเป็นแพ ซึ่งในอดีตการชักลากไม้ในป่าจะมีการเจาะไม้ เรียกว่า จมูกซุง เพื่อใช้ในการคล้องโซ่ในการชักลากไม้ เมื่อผูกแพจึงร้อยเชือกผ่านจมูกซุงเหล่านี้ แพไม้ในยุคที่พัฒนาขึ้นจะใช้เรือมานำทางและควบคุมแพอยู่ด้านหน้า
ปัจจุบันการขนส่งไม้ทางน้ำด้วยการล่องแพจากภาคเหนือลงมาที่กรุงเทพไม่มีแล้ว เพราะการขนส่งทางรถยนต์มีความสะดวกและรวดเร็วขึ้น ภาพเหล่านี้จึงเป็นเพียงอดีตที่เล่าสู่กันฟัง
ท้ายนี้ผู้เขียนขอขอบพระคุณภาพถ่ายที่ทรงคุณค่าเหล่านี้ ซึ่งได้รับถ่ายทอดมาจากอาจารย์ทวี แก้วละเอียด อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมป่าไม้ คณะวนศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำไม้ของประเทศไทยคนหนึ่ง ภาพถ่ายฟิล์มสไลด์ถูกปรับให้เป็นไฟล์ดิจิทัล ขอบพระคุณอาจารย์ทวีเป็นอย่างสูง
ยังมีภาพถ่ายอีกหลายภาพ สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/ForestLab.th