ยุทธวิธี 19 ประการสำหรับภาวะผู้นำที่ประสบความสำเร็จ
1. รักษาสัมพันธภาพที่ดีกับนายของท่าน สัมพันธภาพที่ดีมีผลโดยตรงกับความสามารถของท่านที่จะสร้างความพอใจ และผูกใจผู้ใต้บังคับบัญชา ผู้นำที่มีความสามารถได้รับอำนาจจากนายของเขา
2. ทำตัวอย่างที่ดี ในสิ่งที่ท่านอยากให้ผู้ร่วมงานปฏิบัติ เช่น มีความจริงใจ ซื่อสัตย์ ควบคุมอารมณ์ใช้ปัญญา กล้าตัดสินใจ ยืดหยุ่นมีเหตุผล กำหนดวัตถุประสงค์ ริเริ่ม กระตือรือร้น ท่านต้องให้มีคุณสมบัติเหล่านี้ ท่านต้องเป็นแบบอย่าง การเป็นแบบอย่างเป็นยุทธวิธีที่ดีมากสำหรับผู้นำที่มีความสามารถ
3. บอกความคาดหวังท่านชัดเจน ท่านคาดหวังอย่างไรกับผู้ร่วมงานที่เขาจะทำให้เกิดความพึงพอใจกับท่าน อย่าคิดเอาเองว่าเขาจะทราบไม่ต้องกลัวที่จะบอกเขาว่าท่านต้องการอะไร บอกเขาก่อนที่เขาจะทำงาน และเตือนเขาบ่อย ๆ เท่าที่จะทำได้
4. นัดประชุมเพื่อสร้างทีมให้เข้มแข็ง ส่งเสริมการมีส่วนร่วมแลกเปลี่ยนความคิดให้กลุ่มมุ่งเน้นที่เป้าหมาย
5. ให้รางวัลผู้ให้ความร่วมมือและทำงานหนัก ถ้าให้รางวัลเขาแล้ว เขาจะทำงานดีขึ้น
6. ยอมรับความแตกต่างระหว่างบุคคล และหาประโยชน์จากความแตกต่างเหล่านั้น
7. ให้คำชมบางคนที่ให้ความร่วมมือกับทีมดูวัตถุประสงค์ ความจริงใจ และความถี่ ท่านแน่ใจว่าเขาทำตามความคาดหวังของท่าน และสามารถปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้น
8. รับฟังผู้ใต้บังคับบัญชา ผู้ร่วมงานจะรู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ ท่านจะได้รับความนับถือและไดรับความจริงใจมากขึ้น ท่านจะได้ทราบความเป็นไปในเรื่องต่าง ๆ มากขึ้น
9. เลือกบุคคลที่สามารถทำงานกันเป็นทีม ไม่มีการฝึกอบรมชนิดใดที่จะเปลี่ยนแปลงบุคลากรที่แปลกแยกจากทีมของท่านได้มากนัก ให้พิถีพิถันในการเลือกคน อย่าต้องมาจ่ายเงินเพื่อเปลี่ยนแปลงแก้ไขสิ่งผิด ๆ ทิ้งไว้ให้คู่แข่งของท่านจะสวยกว่า
10. ร่วมกันกำหนดเป้าหมายทัศนภาพ สร้างแรงจูงใจ และเหตุผลต่าง ๆ ไม่ต้องบอกว่าเขาต้องทำอะไรในสถานการณ์ต่าง ๆ และให้เขาช่วยตัดสินใจในวิธีการที่ดีที่สุดในการที่จะทำให้บรรลุผลตามความต้องการต่าง ๆ เหล่านั้น
11. ยอมรับความผิดพลาด การยอมรับความผิดพลาดแสดงถึงความเข้มแข็งมากกว่าการแสดงความอ่อนแอ
12. อย่าให้คำมั่นสัญญาอะไรง่าย ๆ มีสองสิ่งที่จะเกิดขึ้น เวลาให้สัญญาไม่เป็นสิ่งที่ดีนัก นั่นก็คือ มีความคาดหวังให้เป็นไปตามสัญญา และถ้าไม่เป็นไปตามสัญญา มิตรภาพก็จะสลายไป
13. บริหารเวลาให้ดี ควรมีเวลาให้เพื่อนร่วมงานของท่านบ้าง
14. มอบหมายงานให้เหมาะสมกับคนสอดคล้องกับความต้องการขององค์กร สิ่งนี้เป็นคำตอบที่ดีสำหรับคำถามที่ว่า "ข้าพเจ้าจะจู.ใจลูกน้องได้อย่างไร"
15. ท่านต้องยอมรับค่าของคนตามความแตกต่างของบุคลากร ท่านก็คงทราบว่าสิ่งใดที่จะทำให้ท่านรู้สึกดีขึ้น คนอื่น ก็เช่นเดียวกับท่าน ทุกคนต้องการมีความรู้สึกว่าตนเองสำคัญ ถ้าท่านยกย่องเขา เขาก็ยกย่องท่าน
16. แก้ปัญหาความขัดแย้งอย่างซื่อตรง และยุติธรรม ให้ตระหนักถึงสไตล์การแก้ปัญหาความขัดแย้งของท่าน เรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาความขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์
17. ให้ข้อมูลในการทำงานก่อนที่เขาจะทำงาน เพื่อนร่วมงานต้องการข้อมูลที่จำเป็นในการทำงาน เมื่อท่านมอบหมายงานท่านต้องให้ข้อมูลเขา
18. ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นจากแรงกดดันของแต่ละวันบ้าง ท่านต้องมีเวลาคิดว่าจะทำอย่างไรดีให้เป้าหมายบรรลุผล ควรจะวางแผนอย่างไร มิฉะนั้นท่านก็จะต้องต่อสู้กับปัญหาต่าง ๆ โอกาสที่ท่านจะประสบความสำเร็จยากมากต้องปล่อยวางบ้าง
19. อย่าเป็นคนที่เคร่งเครียดจนเกินไป ร่าเริงและเป็นกันเองกับลูกน้องบ้าง
· Tab 3
ความกล้า คือการต่อสู้ความกลัว เป็นการเอาชนะความกลัว แต่ไม่ใช่ไม่รู้สึกกลัว " Courage is the resistance to fear, mastery of fear, not absence of fear."
Mark Twain นักเขียนชาวอเมริกันได้กล่าวไว้
ข้อความนี้เป็นความจริงที่ผู้ทำหน้าที่ “นำ” ผู้อื่น สมควรเรียนรู้
ความกล้าหาญ เป็นลักษณะชีวิตพื้นฐานที่มักพบในบุคคลที่มีแนวโน้มเป็นผู้นำ ผู้ที่มีความกล้าหาญจะสงบเมื่อเผชิญวิกฤตร้ายแรง โดยพยายามที่จะเอาชนะความกลัว ไม่ยอมให้ความกลัวมาขัดความมุ่งมั่นของตน ในขณะที่คนอื่นอาจหวั่นไหวและเกิดความกลัว ความกล้าหาญจะเป็นแรงกระตุ้นให้คิดแง่บวกต่อปัญหา พยายามคิดหาทางออก และถ่ายทอดเป็นคำพูดที่มีพลังและให้กำลังใจทกคนให้กล้าเผชิญปัญหา
ในยามเผชิญหน้ากับสถานการณ์หรือปัญหาบางอย่างที่มีลักษณะ ...เป็นเรื่องร้ายแรง ...เป็นเรื่องที่แก้ไขไม่ได้ ...เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ...เป็นเรื่องที่สร้างความเสียหายอย่างรุนแรง หรือเรื่องอื่นใดในลักษณะเช่นนี้ที่ทำให้เกิดความหวั่นวิตก หวาดกลัว ตระหนกตกใจ เพราะไม่รู้จะหาทางออกอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น คนบางคนอาจตอบสนองสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยการบ่นต่อว่า ร้องไห้คร่ำครวญ ท้อแท้สิ้นหวัง ยอมแพ้ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่การตอบสนองปัญหาในเชิงลบเช่นนี้ กลับเป็นเรื่อง “ต้องห้าม” ของผู้ที่อยู่ในบทบาทผู้นำ
ทั้งนี้ เพราะความหวาดกลัวของผู้นำ จะนำความพ่ายแพ้ ล้มเหลวมาสู่คนที่อยู่ภายใต้ทั้งทีม ผู้นำจึงต้อง “ซ่อน” ความกลัว แต่การจะทำเช่นนี้ได้ จำเป็นต้องแทนที่ด้วยคุณลักษณะอันสำคัญ นั่นคือ ความกล้าหาญ
หากผู้นำขาดความมั่นใจ แสดงความหวาดกลัวออกไป ไม่เด็ดขาดในการตัดสินใจแก้ไขปัญหา ไม่เพียงแต่จะนำทั้งทีมสู่ความพ่ายแพ้ ยังนำมาซึ่งการสูญเสียความเชื่อมั่นการยอมรับในตัวผู้นำ อาจก่อให้เกิดปัญหาต่อการบังคับบัญชาได้ในที่สุด แต่หากผู้นำที่สามารถซ่อนความกลัวและเผยความกล้าหาญ จะได้รับการยอมรับจากคนที่อยู่ภายใต้
ดังนั้น เส้นทางการพัฒนาภาวะผู้นำที่สำคัญ เราจำเป็นฝึกฝนลักษณะนิสัยแห่งความกล้าหาญ โดยต้องปรับความเชื่อ ความคิด และความกล้าหาญในการตัดสินใจ
ความเชื่อ... เชื่อว่าทุกปัญหามีทางออก โดยไม่ย่อท้อต่อแรงกดกันใดๆ เชื่อมั่นในตนเองและทีมงาน ว่าจะสามารถหาทางออกได้ ความเชื่อเช่นนี้สะท้อนจิตใจที่เข้มแข็ง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บุคคลนั้นสามารถเผชิญปัญหาและอุปสรรคใด ๆ ได้ด้วยความมั่นคง เริ่มต้นด้วยการตัดสินใจที่จะไม่กลัวและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ตัดสินใจเผชิญหน้ากับปัญหาด้วยใจที่สงบและมั่นคง
ความคิด...ใคร่ครวญปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ตัดสินใจรีบด่วนวู่วาม ไม่ใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ แต่ต้องใช้ความสุขุม คิดใคร่ครวญ ใช้เหตุผลพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ความกล้าของเราต้องไม่ใช่ความกล้าแบบบ้าบิ่น เหมือนดั่งแรมโบ้ กล้าแบบกล้าเสี่ยงเข้าหาอันตราย ที่สำคัญควรปรึกษาหารือกับทีมงานเพื่อหาทางออกร่วมกัน เมื่อความคิดหาทางออกตกผลึกแล้ว จึงวางแผนดำเนินการ
ความกล้า...ในการตัดสินใจและลงมือดำเนินการ ผู้นำต้องกล้าตัดสินใจทันท่วงที รู้จักฉวยจังหวะและโอกาส ไม่ลังเลหรือขาดความเชื่อมั่น และที่สำคัญต้องเป็นผู้ถือธงรบออกวิ่งไปข้างหน้า ต้องไม่ทำตัวเป็นเหมือนนกกระจอกเทศ เมื่อเห็นปัญหาก็ปักหัวลงในทราย ไม่รับรู้ปัญหาและหวังว่าปัญหาจะหายไปเอง แต่ต้องยืดอกสู้ เผชิญปัญหาด้วยความกล้าหาญ
มาดามรูสเวลท์ (แอนนา เอลินอร์ รูสเวลท์) ได้เขียนถึงนิสัยใจคอสามีประธานาธิบดี แฟรงคลิน ดี รูสเวลล์ ไว้ในหนังสือ This I Remember ว่า
“ข้าพเจ้าไม่เคยรู้จักบุคคลใดที่มีความรู้สึกเชื่อมั่นในตนเองยิ่งไปกว่าแฟรงคลิน ทั้งนี้เพราะข้าพเจ้าไม่เคยได้ยินเขาบ่นว่ามีปัญหาหนึ่งปัญหาใดยากลำบากเกินไปกว่าวิสัยมนุษย์จะแก้ให้ตกได้ แม้เขาเคยเผชิญต่อความยุ่งยากนานาประการ แต่ทั้งๆที่เขายังหาวิธีแก้ไขไม่ได้ เขาพูดว่า เขามั่นใจอย่างที่สุดว่า จะต้องมีหนทางแก้ไข และว่าจะต้องมีใครคนหนึ่งสามารถจะแก้ไขได้ ...เมื่อเขาวางแผนการจะกระทำสิ่งใด เขาจะปรึกษาหารือกับใครๆหลายคน และรับคำแนะนำที่เขาเห็นว่าดีที่สุด และครั้นเมื่อเขาตกลงใจให้ปฏิบัติแล้ว เขาจะไม่ยอมเสียเวลาเป็นทุกข์เป็นห่วง”
ความกล้าเป็นลักษณะของบุคคลที่มีความพยายามเอาชนะความกลัว พร้อมรับมือกับความกลัวที่เข้ามาในชีวิตของเราในรูปแบบต่าง ๆ กล้าเผชิญปัญหาที่ดูเหมือนหมดหนทางแก้ไข กล้าเผชิญต่อการเปลี่ยนแปลง กล้ายอมรับในความผิดพลาดของตน หากเราต้องการดำรงตำแหน่งผู้นำที่ประสบความสำเร็จ เราจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะเผยความกล้า
· Tab 4
คุณลักษณะผู้นำ 14 ประการ
1. ลักษณะท่าทางหรือการวางตัว (Bearing) คือ การสร้างความประทับใจในเรื่องท่าทาง การวางตัว และความประพฤติ ให้อยู่ในระดับสูงสุด เป็นที่นิยมของผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา มีความสุภาพนุ่มนวล หลีกเลี่ยงการพูดด้วยถ้อยคำหยาบคาย หรือเหยียดหยามผู้อื่น เป็นบุคคลที่มีความสง่าผ่าเผย ควบคุมตนเองได้ทั้งในการปฏิบัติตนและอารมณ์ แต่งกายสะอาดเรียบร้อยถูกต้องตามระเบียบแบบแผน
2. ความกล้าหาญ (Courage) คือ การบังคับจิตใจตนเองให้อยู่ในความสงบ ไม่เกรงกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่สะทกสะท้านหรืออ่อนไหว กล้าทำ กล้าพูด กล้ายอมรับผิดหรือคำติเตียน เมื่อมีความผิดพลาด หรือบกพร่อง ยึดมั่นในสิ่งที่ถูกที่ควร ถึงแม้ว่าสิ่งนั้นจะไม่เป็นที่สบอารมณ์ผู้อื่นก็ตาม
3. ความเด็ดขาด (Decisiveness) คือ ความสามารถในการตกลงใจโดยฉับพลัน และประกาศข้อตกลงใจอย่างเอาจริง และชัดแจ้ง โดยพิจารณาจากข้อเท็จจริงต่างๆ รวมทั้งประสบการณ์ของตนเองและบุคคลอื่นอย่างมีเหตุผลและมีความมั่นใจในลักษณะที่รวดเร็ว ไม่พูดอ้อมค้อม ถูกต้อง และทันเวลา
4. ความไว้เนื้อเชื่อใจ (Dependability) คือ การได้รับความไว้วางใจในการปฏิบัติงานตามหน้าที่ หรืองานที่มอบหมายได้ถูกต้องไม่ผิดพลาด ด้วยความคล่องแคล่ว ว่องไว เฉลียวฉลาด กระทำการอย่างเต็มความสามารถและพิถีพิถัน เป็นคนตรงต่อเวลา ไม่กล่าวคำแก้ตัว มีความตั้งใจ และจริงใจ
5. ความอดทน (Endurance) คือ พลังทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งวัดได้จากขีดความสามารถในการทนต่อความเจ็บปวด ความเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า ความยากลำบาก ความเคร่งเครียด งานหนัก รวมถึงความอดกลั้นต่อสถานการณ์ที่บีบคั้น
6. ความกระตือรือร้น (Enthusiasm) คือ การแสดงออกซึ่งความสนใจอย่างจริงจัง และมีความจดจ่อต่อการปฏิบัติงานอย่างจริงจัง หมายถึง การทำงานด้วยความร่าเริงและคิดแต่แง่ดีเสมอ
7. ความริเริ่ม (Initiative) คือ การเป็นผู้รู้จักใช้ความคิดในการเสาะแสวงหางานทำ และเริ่มหาหนทางปฏิบัติถึงแม้จะไม่มีคำสั่งให้ปฏิบัติ หรือการแสวงหาแนวทางในการปฏิบัติงานใหม่ ๆ ที่ดี มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม และการกระทำทันทีโดยไม่รีรอหรือชักช้า
8. ความซื่อสัตย์สุจริต (Integrity) คือ ความเที่ยงตรงแห่งอุปนิสัยและยึดมั่นอยู่ในหลักแห่งศีลธรรมอันดีงาม เป็นคุณสมบัติของการรักความจริง มีสัจจะ และมีความซื่อสัตย์สุจริตอย่างแท้จริง
9. ความพินิจพิเคราะห์ (Judgment) คือ คุณสมบัติในการใคร่ครวญ โดยใช้เหตุผลตามหลักตรรกวิทยา เพื่อให้ได้มูลความจริงและทนทางแก้ไขที่น่าจะเป็นไปได้นำมาใช้ในการตกลงใจได้ถูกต้อง
10. ความยุติธรรม (Justice) คือ การไม่ลำเอียงเข้าข้างใคร มีความเที่ยงตรง ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง มีความเสมอต้นเสมอปลายในการบังคับบัญชา หมายรวมถึง การให้รางวัลและการลงโทษแก้ผู้ที่กระทำผิดด้วย
11. ความรอบรู้ (Knowledge) คือ ข่าวสารที่บุคคลหามาได้รวมทั้งความรู้ในวิชาชีพของตน และความเข้าอกเข้าใจในตัวผู้ใต้บังคับบัญชา
12. ความจงรักภักดี (Loyalty) คือ คุณสมบัติของบุคคลที่มีจิตใจเชื่อมั่น และยึดมั่นต่อประเทศชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ต่อกองทัพ ต่อหน่วย ต่อผู้บังคับบัญชา ต่อผู้ใต้บังคับบัญชา และผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ
13.ความรู้จักกาลเทศะ (Tact) คือ ความสามารถในปฏิบัติตนกับบุคคลอื่น โดยไม่เกิดความขุ่นข้องหมองใจ ไม่ก่อให้เกิดศัตรูหรือเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน ในทัศนะของบุคคลทั่วไป กาลเทศะ หมายถึง ความสามารถที่จะพูด หรือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้ถูกต้อง เหมาะสมแก่กาลเวลาและสถานที่ ความสุภาพอ่อนโยนถือเป็นส่วนหนึ่งของกาลเทศะด้วย
14. ความไม่เห็นแก่ตัว (Selflessness) คือ การไม่ฉวยโอกาสตักตวงความสุข ความสะดวกสบาย ความเจริญก้าวหน้าให้กับตนเอง โดยทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนหรือเสียผลประโยชน์ หมายถึงการร่วมเป็นร่วมตายกับเพื่อนร่วมงาน การแบ่งปันสิ่งของเครื่องใช้ให้กับผู้ขาดแคลน ยกย่องผู้ใต้บังคับบัญชาเมื่อปฏิบัติงานดีเด่น หรือให้ความช่วยเหลือตามสมควร