เก่งงานได้ทั้งง่ายและสนุก
· Tab 1
คนเราใช้เวลาครึ่งหนึ่งของชีวิตอยู่กับการทำงาน ถ้าหากทำงานแล้วไม่มีความสุขทั้งชีวิตก็คงไม่มีความสุขตามไปด้วย หนังสือเล่มนี้จะแนะนำเทคนิคการบริหารจัดการกับงานที่ยุ่งเหยิง ให้เป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายโดยไม่ต้องฝืนใจ เป็นวิธีเพิ่มศักยภาพในการทำงาน ทั้งการบริหารเวลา การสื่อสารกับคนรอบข้าง การจัดเก็บข้อมูล การวางแผน และการแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้สามารถทำงานสำเร็จลุล่วงด้วยผลงานที่ดี มีเวลาเหลือให้กับตัวเองและครอบครัวได้อย่างจริงจังและสมบูรณ์มากขึ้น นอกจากนี้ยังเสนอวิธีการใช้กลยุทธ์กับการดำเนินชีวิตอย่างมีเป้าหมาย ช่วยให้สามารถหาโอกาสและสร้างความก้าวหน้าให้กับตัวเองได้ จึงเป็นประโยชน์ทั้งในชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว
1. เพิ่มเวลาของตนเองและลดเวลาของคนอื่นลง ปฏิบัติงานโดยคิดด้วยตัวของตัวเอง เพิ่มเวลาของตนเองให้มากขึ้น เพียงแต่เปลี่ยนแปลงวิธีการทำงาน ก็สามารถที่จะเปลี่ยนเวลาของคนอื่นให้เป็นเวลาของตัวเองได้
2. ใช้เวลาของวันนี้เตรียมการสำหรับงานในวันพรุ่งนี้ ทำตัวให้มีเวลาว่างสัก 5% สำหรับเตรียม การเพื่อวันพรุ่งนี้ จะทำให้สามารถบรรลุผลงานในวันนี้ได้อย่างราบรื่น ทำให้มีเวลาว่างใหม่ๆ เพิ่มขึ้นได้อีก
3. แทนที่จะรอให้ถูกตามงาน ต้องส่งมอบงานก่อนเวลา กำหนดเวลาส่งมอบงานของตัวเอง ให้เร็วกว่าเวลาส่งมอบงานจริง แล้วเคลียร์งานให้เรียบร้อย
4. เทคนิคการใช้เวลาในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ ต้องแบ่งเวลา 1 วันเป็น 3 ส่วน แล้วผ่อน หนักผ่อนเบาในการทำงานแต่ละวัน
ช่วงเช้า เหมาะที่จะใช้ทำงานที่ต้องใช้ความคิดสติปัญญา เช่น คิดหาไอเดียใหม่ๆ ทบทวนวิธีการทำงานที่ทำอยู่ เป็นช่วงเวลาที่เหมาะมากกับงานที่ต้องใช้สัญชาติญาณหรืองานที่ต้อง มีการวางแผน
ช่วงกลางวัน เป็นช่วงเวลาที่ควรจะตั้งใจใช้เวลาที่มากเพียงพอเพื่อทำงานอะไรสักอย่าง ให้เสร็จสิ้นไป เพราะความสามารถในการพิจารณาตัดสินและความฉับไวในการคิด จะลดน้อยลงไปตามเวลา ที่ผ่านไป ช่วงกลางวันจึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะจะทำงานที่มีวิธีการกำหนดไว้แล้ว
ช่วงเย็น เป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับส่วนตัวของแต่ละคนที่สามารถกำหนดวิธีการใช้เวลาได้ ด้วยเจตนารมณ์ของตนเอง ช่วงเย็นนั้นเป็นช่วงเวลาที่สำคัญอย่างยิ่งที่เราสามารถใช้ปรับสภาวะจิตใจของเรา ในแต่ละวันได้
5. กำหนดความสำคัญของงานแต่ละอย่าง แล้วทำให้เสร็จทีละอย่าง ใช้วิธีบันทึกงานที่ควร จะทำลงในสมุดบันทึก หากใช้กระดาษติดแปะ (แบบ Post-it) จะทำให้สะดวกยิ่งขึ้น เพราะจะเห็นได้ง่าย และ หากเป็นกระดาษสีเหลืองก็จะช่วยกระตุ้นสมอง กระตุ้นให้อยากทำงานมากขึ้นอีกด้วย เมื่อทำงานเสร็จไปหนึ่ง อย่าง ก็เอากระดาษติดแปะที่เป็นเรื่องของงานนั้นทิ้งลงตะกร้าไป ทำให้รู้สึกว่างานได้สำเร็จลุล่วงไปอย่างหนึ่ง แล้ว เป็นการเปลี่ยนความรู้สึกให้มีความสบายใจมากขึ้น สำหรับงานใหญ่ที่ต้องใช้เวลามากนั้น ต้องเขียนลงไป ในกำหนดการว่าจะทำช่วงไหน เมื่อไร เพื่อจะได้เตรียมเวลาเอาไว้ หากจำไว้ในใจเพียงอย่างเดียว ก็จะมีแต่ ความกดดันจากความรับผิดชอบที่มีอยู่ ทำให้รู้สึกว่ามีภาระหนักมาก
6. ต้องมีเวลา Golden Time เป็นของตัวเอง คือเวลาที่ทำงานแล้วรู้สึกสนุกสนาน สามารถ ทำงานอย่างมีสมาธิ และมีประสิทธิภาพสูง เวลาทองสำหรับตัวเองก็คือเวลาที่ตัวเองสามารถ ทำงานอดิเรก หรือสิ่งที่ตัวเองชอบได้ นอกจากนั้นยังต้องค้นหาเวลาทองสำหรับครอบครัวด้วย เพิ่มความรวดเร็วในการทำงานด้วย การกำจัดความสูญเปล่า ความไม่สม่ำเสมอ และการฝืนทำ
กำจัดความสูญเปล่า เวลาทำงานที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์โดยตรง จริงๆ แล้วมีไม่ถึงครึ่ง การกำจัดความสูญเปล่า จะทำให้เราเพิ่มงานที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้ได้มากขึ้น การวางแผนแล้วทำงานอย่างมีแผน จะช่วยลดความสูญเปล่าได้
กำจัดความไม่สม่ำเสมอ ได้แก่ ความไม่สม่ำเสมอของวิธีการทำงาน ปริมาณงาน ผลลัพธ์ของงาน เป็นต้น การสร้างมาตรฐานในการทำงานจากวิธีการที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และให้ทุกคนทำงาน โดยรักษามาตรฐานนั้น จะทำให้ประสิทธิภาพของงานเพิ่มสูงขึ้น
กำจัดเรื่องของการฝืนทำ การทำเพราะฝืนทำมักจะทำให้เกิดผลกระทบในระยะยาว ขึ้นได้ เช่น การวางแผนที่เป็นการฝืน การรับปากว่าจะส่งมอบให้เร็วแบบฝืนทำ นอกจากนี้การทำงานล่วงเวลา เพราะความเคยชินจะเป็นการฝืนร่างกายของเรา การฝืนทำเหล่านี้ล้วนส่งผลให้ประสิทธิภาพตกต่ำลงได้
7. เลือกทิ้งงานบางอย่าง เพื่อทำงานที่มีมูลค่าเพิ่มสูงกว่า ถ้าอยากทำ ไปหมดทุกเรื่อง ก็ไม่สามารถทำงานที่สำคัญจริงๆ ได้ ต้องทำงานแต่ละอย่างที่อยู่ในมือ ให้เสร็จเรียบร้อย งานที่ทำได้ทันทีก็ต้องรีบจัดการเคลียร์ให้เรียบร้อยไปก่อน เป็นการลด จำนวนของงานลงได้ชัดเจน ถ้างานแต่ละอย่างล้วนแต่ทำคั่งค้างครึ่งๆ กลางๆ ก็จะทำให้กังวลใจ ไม่มีสมาธิที่จะทำงานอย่างอื่นต่อไปได้
8. ต้องเน้นเพิ่ม Output มากกว่าเพิ่มความพยายาม ต้องมีความสนใจต่อเรื่องที่ไม่ได้อยู่ ในสาขาของตนเอง ต้องเข้าร่วมการฝึกอบรม อ่านหนังสือ เพิ่มการเรียนรู้ด้วยตัวเองให้มากขึ้น
9. การสรุปทันที ตัดสินใจทันที ลงมือทำทันทีด้วยความรวดเร็ว ช่วยให้เกิดกำลังใจในการ ทำงาน และกระตุ้นความรู้สึกใน การบรรลุเป้าหมาย อย่าผัดวันประกันพรุ่ง ให้ใช้วิธีหักลบในการทำงาน
10. สะสางสิ่งที่อยู่รอบตัว เพื่อให้ทำงานได้คล่องตัวมากขึ้น สะสาง สะดวก คือการทิ้ง เก็บรวบรวม กำหนดสถานที่เก็บ ดูแลรักษา ซ้ำหลายๆ ครั้ง เป็นประจำ จะทำให้สามารถใช้พื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัด ให้เป็นประโยชน์สูงสุด
11. ถ้าอยากเปลี่ยนงานเพื่อให้ตัวเองเก่งขึ้น ต้องเปลี่ยนงานไปในสาขาที่ตัวเองถนัดเท่านั้น ต้องคิดว่าจะมีทักษะที่เป็น ตัวของตัวเองได้อย่างไร
12. เพิ่มความสามารถในการสื่อสาร เพื่อเพิ่มเพื่อนร่วมงานให้มากขึ้น ความสามารถในการ สื่อสารที่ดีจะทำให้เป็นที่น่าเชื่อถือ การสื่อสารก็เหมือนกับการ Catch Ball ข่าวสารข้อมูล ถือเป็นการแลกเปลี่ยน ข้อมูลข่าวสารแบบ 2 ทาง
13. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้บังคับบัญชา โดยใช้การ รายงาน แจ้งให้ทราบ ปรึกษา เมื่อจะนำเสนองาน ก็ทำให้สมบูรณ์สักประมาณ 90-95% ก็พอ เพื่อเปิดช่องว่างไว้บ้างสำหรับ ให้ผู้บังคับบัญชา ได้ติติงก็จะเป็นวิธีการที่ดี การที่ได้ใส่ความเห็นเพิ่มเติมเข้าไป แล้วให้ ผู้ใต้บังคับบัญชานำไปแก้ไขนั้น จะทำให้ผู้บังคับบัญชามีความพึงพอใจเพิ่มสูงขึ้นได้
14. สร้างความแตกต่าง ด้วยความสามารถด้านการจัดการข้อมูล ใช้แผนภูมิ และใช้วิธีการแบ่งกลุ่มในการจัดการข้อมูล โดยการรวบรวมเอาเรื่องราวที่เป็นประเภทเดียวกัน แล้วเรียกชื่อร่วมกัน ก็จะช่วยให้ความสามารถในการสื่อสารเพิ่มสูงขึ้น เป็นเทคนิคพื้นฐานในการ จัดระเบียบข้อมูลข่าวสาร จะทำให้มองภาพรวมได้ชัดเจนยิ่งขึ้น การถ่ายทอดข้อมูลข่าวสารโดยใช้เวลาที่น้อย และไม่มีขั้นตอนยุ่งยาก ก็เป็นเรื่องที่สำคัญ ทิ้งข้อมูลข่าวสารที่ไม่จำเป็น คัดสรรแต่ข้อมูลข่าวสารที่จำเป็น เท่านั้น แล้วใช้ให้เป็นประโยชน์ในการทำงาน
15. อินเทอร์เน็ตช่วยให้สามารถค้นหาข้อมูลข่าวสารได้ง่ายขึ้น เพื่อเพิ่มความสามารถในการ รวบรวมข้อมูลข่าวสาร นอกจากนี้เคล็ดลับในการอ่านหนังสือโดยใช้เวลาสั้น คือให้อ่านสารบัญก่อน เพราะ สารบัญอธิบายสาระสำคัญ โดยรวมของหนังสือเล่มนั้นอยู่แล้ว
16. เรียนรู้เทคนิคการจัดเก็บข้อมูล โดยการจัดระเบียบข้อมูลข่าวสารด้วยคอมพิวเตอร์ จัดทำเป็นโฟลเดอร์ เมื่อทำการปรับปรุงแก้ไขให้จัดทำโฟลเดอร์ กำจัดทิ้งชั่วคราว ส่วนเอกสาร ที่ไม่ต้องการใช้แล้ว ให้เก็บไว้ในกล่องกำจัดชั่วคราว A4 เมื่อผ่านไป 2-3 สัปดาห์ ก็เอานั้นไปกำจัดทิ้งจริง
17. เพิ่มความสามารถในการวางแผน ทำงานเหมือนเป็นโปรดิวเซอร์ในองค์กร คือการวางแผนใหม่ๆ เพื่อค้นหาโอกาสที่จะทำลาย สภาพปัจจุบันให้หมดไป เมื่อจัดทำเอกสารแผนงาน ขอแนะนำให้จัดทำำสารบัญขึ้นมาก่อน เพราะทำสารบัญได้เรียบร้อยแล้ว ก็จะทำให้สามารถจัด ระเบียบความคิดต่างๆ ในสมองของเราได้
18. ใช้แผนภูมิภาพเป็นเครื่องมือสื่อสารในยุคที่ต้องการความรวดเร็ว ฝึกฝนให้มีทักษะการเขียนและการคิดโดยใช้แผนภูมิภาพ ในการนำเสนอเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น สมองซีกซ้ายเหมือนกับการคิดแบบ Word Processor คือต้องเสียเวลาทำความเข้าใจ ในขณะที่สมองซีกขวาเหมือนกับการคิดแบบ Power Point คือ ใช้เวลาน้อยก็ทำความเข้าใจได้ สมองซีกขวาจะมีความเร็ว และความชำนาญในเรื่องของประสาทสัมผัสหรือประกายความคิด ดังนั้น หากได้ใช้สมองซีกขวามากๆ ก็จะทำให้ความสามารถในการคิดสร้างสรรค์เพิ่มสูงมาก ขึ้นด้วย ความคิดของสมองซีกขวา มักจะใช้แผนภูมิในการถ่ายทอด หรือในการคิด
19. อธิบายให้เข้าใจตรรกะ ให้สรุปสิ่งที่อยากพูดเป็นประมาณ 3 เรื่อง กล่าวกันว่าคนเรานั้น มีความสามารถในการจัดการ ข่าวสารข้อมูลได้ครั้งละไม่เกิน 7 เรื่อง แต่ในความเป็นจริงถ้าจะไม่ให้เป็นการฝืน จนเกินไปประมาณ 3 เรื่องก็จะเป็นจำนวนที่เหมาะสมและไม่เกินความสามารถจนเกินไป จะจำได้โดยไม่ต้องมี การจดบันทึก
20. เพิ่มความสามารถในการนำเสนอ เพื่อให้แผนงานที่จัดทำไว้ได้รับการยอมรับ เป็นเทคนิค การอธิบายที่ทำให้ เข้าใจได้ง่ายขึ้น ถ้าเข้าไปมีส่วนร่วมในการวางแผนงาน งานนั้นก็จะน่าสนุกมากขึ้น เพราะตัวเองได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ หรือเพิ่มไอเดียเข้าไป แทนที่จะอยู่และพึ่งพิงองค์กรเพียงอย่างเดียว ให้องค์กรได้พึ่งพิงเรา จะทำให้รู้สึกว่ามีคุณค่าในการทำงานมากขึ้น
21. ความสามารถในการค้นหาปัญหา จะช่วยยกระดับความสามารถในการแก้ปัญหาให้สูงขึ้น ถ้าถึงทางตันให้ใช้วิธีระดมสมอง เพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างไอเดียอย่างอิสระ เช่น ทิ้งแนวคิด หรือสามัญสำนึกเดิมที่มีอยู่โดยไม่ต้องกลัวอะไร เรื่องอะไรก็ได้ ขอให้คิดออกมาให้มากๆ อย่าวิจารณ์ อย่าถกเถียง อย่าอธิบายยืดยาว ใช้ไอเดียของคนอื่นมาคิดต่อ (เกมคิดต่อเนื่อง) ไอเดีย ที่คิดออกมาได้ให้เขียนบันทึกเป็นข้อๆ เอาไว้
22. มีปัญหาเรื่องมาตรการแก้ไข ก็ให้ลองจัดทำข้อเสนอทางเลือกไว้หลายๆ ทาง ประเมิน ข้อเสนอทางเลือกต่างๆ เพื่อเลือกสรรข้อเสนอสุดท้ายที่ดีที่สุด และกระบวนการตัดสินใจต้องชัดเจน เพื่อให้ ทุกคนมีส่วนร่วมในการแสดงความคิด
23. วิธีการปรับปรุงและปฏิรูปที่ได้ผล โดยเน้นที่กระบวนการ คือการทำให้ดีขึ้นบนเส้นต่อเนื่องจากสภาพปัจจุบัน ก้าวไปข้างหน้าเพื่อภาพที่ควรจะเป็นในจินตนาการ
24. ทำงานอย่างมีกลยุทธ์ ลองตรวจสอบกลยุทธ์การดำเนินชีวิตของตัวเองด้วยการวิเคราะห์ SWOT เพื่อขยายวิสัทัศน์ให้กว้างขึ้น คือการรับรู้และเข้าใจ จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค จุดแข็ง และจุดอ่อน จะเป็นการวิเคราะห์ปัจจัยภายใน (ภายในองค์กรเองหรือตัวเอง) สำหรับโอกาสและอุปสรรค เป็นการ วิเคราะห์ปัจจัยภายนอก (ภายนอกองค์กรหรือตัวเอง)
25. กำหนดขอบเขตที่ตัวเองชำนาญ เพื่อมุ่งสู่ความเป็นมืออาชีพ(Professional) หมายถึง คนที่สามารถมีความรับผิดชอบต่อเรื่อง QCD : คุณภาพ ต้นทุน และระยะเวลาส่งมอบงาน และเป็นคนที่ สามารถมอบหมายงานให้ทำได้ด้วยความสบายใจ สามารถสร้าง output ได้มากกว่าที่ผู้มอบหมายคาดหวัง จงเป็นบุคลากรที่จะถูกนึกถึง (ไว้วางใจได้) เป็นคนแรกเสมอ “Top of Mind”
26. ค้นหาสมรรถนะหลักของตัวเอง (Core Competency) เพื่อความเป็นมืออาชีพ โดยการถามตัวเองว่า
ทักษะความสามารถที่ชำนาญในการทำงานปัจจุบันคืออะไร
ถึงแม้ว่าจะต้องใช้เวลานานในการทำงาน แต่ก็ไม่รู้สึกว่ ามีความลำบาก งานนั้นคืองานอะไร
งานที่คิดว่าจะยกระดับความสามารถได้เร็วกว่าคนอื่น คืองานอะไร
ทักษะที่ตัวเองเท่านั้นจึงจะทำได้ หรือตัวเองจะต้องรับผิดชอบ คืออะไร
งานที่สามารถทุ่มเทตั้งใจทำอย่างจริงจังจนลืมเวลาได้คืองาน อะไร
งานที่คิดว่าทำแล้วสนุก หรือมีคุณค่าในการทำ คืองานอะไร
27. อย่าเคยชินกับสภาพปัจจุบัน จงคิดริเริ่มด้วยตัวเองทุกวัน ที่จะขยายขอบข่ายงานให ้กว้างขึ้น เพื่อกลยุทธ์การเติบโต ให้มีเวลา Golden Time ที่ทำงานได้ด้วยความคึกคักและมีประสิทธิผล ต้องเพิ่มเวลาที่ สามารถทำงานด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มให้มากขึ้น คนที่รู้จักผ่อนหนักผ่อนเบาในการทำงานได้จะเป็นคนที่บริหารเวลาเก่ง
28. จงเป็นบุคลากรที่สามารถสร้างความแตกต่างจากพนักงานคนอื่นๆ โดยการคัดเลือกขอบเขตความเป็นมืออาชีพของตนเ ที่มุ่งสู่ชัยชนะ แล้วคิดสร้างความแตกต่างต่อทักษะความสามารถที่ไร้ความหมาย ที่พนักงาน คนอื่นก็มี และรวมศูนย์เวลาไว้กับเรื่องที่สำคัญ ก็จะทำให้การยกระดับทักษะและการสร้างความแตกต่างเกิดเป็นจริงขึ้นมาได้
การจัดความสำคัญก่อนหลัง
· Tab 1
การจัดความสำคัญก่อนหลัง เพื่อความสำเร็จในชีวิต
การรับมือกับโลกยุคปัจจุบันที่แปรเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา จำเป็นต้องมีการบริหารชีวิต และการบริหารเวลาอย่างเหมาะสม เพื่อรับมือกับสิ่งต่างๆ ที่ดูเหมือนว่า มีความสำคัญเท่าๆ กันไปหมดทุกเรื่อง การบริหารเวลาให้ถูกต้องมิใช่เรื่อง การทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือมิใช้เพียง การเน้นความสามารถในการตอบโต้มากขึ้น แต่เป็นเรื่องของการสร้างสมดุลให้กับความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ 4 อย่าง นอกจากนั้น หากขาดวิจารณญาณที่ดี (Intuitive wisdom) ก็ไม่สามารถบริหารเวลาให้สมดุลได้ตามต้องการ
ความต้องการพื้นฐาน 4 อย่าง ของมนุษย์
· ปัจจัย 4 (Physical need) ประกอบด้วย อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค รวมถึงความแข็งแรงทางกายและทางใจ
· ความต้องการทางสังคม (Social need) คือความต้องการที่จะมีปฏิสัมพันธ์ที่ดี ที่อบอุ่นกับคนรอบข้าง หากความสัมพันธ์กับ คนรอบข้างไม่ดี จะทำให้ประสิทธิภาพในการทำสิ่งต่างๆลดลง
· ความต้องการทางจิตใจ (Mental need) คือความต้องการความสงบทางใจ
· ความต้องการทางจิตวิญญาณ (Spiritual need) คือความต้องการที่จะเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเอง และการสร้างอะไรบางอย่าง เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นต่อไป
ความต้องการทั้ง 4 อย่าง จะต้องมีความสมดุลกัน จึงจะเกิดพลังชีวิตที่จะทำสิ่งต่างๆอย่างมีความสุข และไม่เกิดความย่อท้อหรือเบื่อหน่าย
การจัดความสำคัญก่อนหลัง เพื่อความสำเร็จในชีวิต
การบริหารเวลา หรือการจัดลำดับความสำคัญก่อนหลังในการทำสิ่งต่างๆ เป็นเรื่องของการใช้วิจารณญาณในการรู้แล้วเลือก ดังนั้นการมีวิจารณญาณที่ดีจะช่วยให้เราสามารถเลือกทำสิ่งต่างๆได้อย่างสมดุล
วิจารณญาณในการรู้แล้วเลือกที่ดีประกอบด้วยปัจจัย 4 อย่าง คือ
· Self-awareness หรือการรู้จักตัวเอง คือรู้ว่าตัวเราเองเป็นเช่นไร คิดอะไรอยู่ อยู่ในอิริยาบถไหน และมีอารมณ์กับความรู้สึกต่างๆ ในแต่ละขณะเป็นอย่างไร รวมทั้งรู้ว่าเป้าหมายของเราคืออะไร และรู้ว่าเราชอบอะไร มีความถนัดทางด้านไหน
· Conscience คือหิริโอตตัปปะ หรือความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่อยู่ภายในจิตสำนึก โดยรู้ได้จากเสียงที่อยู่ภายในตัวเรา (Inner voice) ที่จะเกิดขึ้นเมื่อจิตใจค่อนข้างสงบและมีแต่ความรู้สึกเพียงอย่างเดียว
· Independent will คือการมีเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ สามารถเลือกและตัดสินใจสิ่งต่างๆด้วยตนเอง จะเกิดขึ้นได้ต้องหัด ตั้งเป้าหมายในชีวิต และต้องทำให้ได้ หัดรักษาคำสัญญาต่อตนเองและผู้อื่น และอย่าให้อารมณ์มีความสำคัญกว่าสิ่งที่ทำอยู่
· Creative imagination คือการมีจินตนาการที่กว้างไกล คนที่จะมีจินตนาการได้จะต้องมีความสามารถ ที่จะมองเห็นภาพ จากภายในใจได้ และต้องกล้าคิด กล้าทำ กล้าตัดสินใจ และกล้ายอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างได้
รากฐานที่สำคัญของการมีชีวิต 4 ประการ
· To live คือการมีชีวิตที่สอดคล้องกับความรู้สึกผิดชอบชั่วดี สอดคล้องกับเข็มทิศที่ติดตัวมาแต่เกิด หรือศักยภาพสูงสุดที่คนอื่น จะมีไม่เหมือนเรา ตราบใดที่ยังไปไม่ถึงจุดหมายมที่เข็มทิศของชีวิตชี้ไว้ชีวิตเราก็จะไม่มีความสุข
· To love คือการใช้ชีวิตอย่างเผื่อแผ่ และเอื้ออาทรต่อผู้อื่น เพื่อความร่มเย็นและความสงบสุขในสังคม
· To learn คือการเรียนรู้จากการกระทำและการใช้ชีวิตของตัวเองในแต่ละวัน เพื่อให้มีการยกระดับคุณภาพของจิต และคุณภาพของชีวิตให้ดีขึ้นทุกวัน
· To leave a legacy คือการที่เราได้สร้างประโยชน์เพื่อสังคมและคนรุ่นต่อไป
การบริหารเวลา หรือการบริหารชีวิต จำเป็นต้องมีความสมดุลในทุกๆด้าน มิฉะนั้นทุกอย่างจะจบลงที่ความเครียด และความล้มเหลวในด้านต่างๆ
การบริหารเวลา
· Tab 1
ความหมายและความสําคัญของการบริหารเวลา
ความหมายของเวลาและการบริหารเวลา
สุขใจ น้ําผุด(2536:44) กลาววาเวลาเปนสิ่งมีคาที่สามารถใชใหเกิดเปนเงินเปนทองได คุณคาของเวลาจึงขึ้นอยูกับการรูจักใชใหเกิดประโยชนสวนวิรัตน บัวขาว (2537:26) กลาววา ทรัพยากรเวลาเปนสิ่งสําคัญยิ่ง เมื่อหมดไปไมสามารถที่จะสรางขึ้นมาใหมเพื่อทดแทนได ผูที่ประสบ ความสําเร็จตองเปนผูที่มีความสามารถในการใชเวลา ในขณะที่วิมาน จิ๋วเจียม(2539:6) ไดให ความหมายของเวลาวา เวลาเปน ทรัพยากรธรรมชาติที่มนุษยไดรับมาเทาเทียมกันสําหรับใชในการ ทํางาน มีหนวยเวลานับเปนนาทีวันชั่วโมง สัปดาหเดือน ปยกเวนชวงอายุขัยซึ่งจะไมเทากันเวลา เปนทรัพยากรที่เปลี่ยนแปลงไมได เวลาเปนทรัพยากรที่สะสมไมได เวลาเปนทรัพยากรที่อนุรักษไมได เวลาเปนทรัพยากรที่หายืมเชนเดียวกับเงินหรือวัสดุไมได และเกี่ยวกับการบริหารเวลา เฉลิม สุขคะสมบัติ(2527: 44-47) อธิบายวา การบริหารเวลาหมายถึงวิธีการดําเนินการโดยใชเวลา ปฏิบัติงานใหไดผลตรงตามเปาหมายมากที่สุด ใหรูถึงวิธีการทํางานโดยละเอียด รวมทั้งปจจัยที่ เกี่ยวของกับงานดวย เพื่อประโยชนนํามาใชการวางแผนการปฏิบัติงาน สวน จีรวัฒนวีรังกร( 2540 : 20) ไดกลาวถึง คําวา“การบริหารเวลา” วามักใชกับผูบริหาร เพราะ ผูบริหารมีหนาที่ในการ รับผิดชอบปฏิบัติงานมากจึงตองมีการจัดสรรเวลาเพื่อใหงานสําเร็จลุลวงอยางมีประสิทธิภาพและ ทันเวลา แตนักศึกษาสามารถประยุกตเทคนิคทางการบริหารเวลามาใชประโยชนตอการเลาเรียน สวน สมิทธิ์และสมิทธิ์ (Smith; & Smith.1990) ใหความหมายวาการบริหารเวลา หมายถึง การที่ตนเอง บริหารการใชเวลาซึ่งจะชวยใหสามารถใชเวลาไดอยางถูกตองเปนประโยชนลดความเครียดจากการเรียน และยังเปนการวางแผนกําหนดระยะเวลาในการทํากิจกรรมตางๆ ในชีวิตของนักศึกษาอยางเหมาะสม และมีประสิทธิภาพ
ความสําคัญของการบริหารเวลา
ฮอคไฮเซอร (วิภาพร สิทธิสาตร.2542:30; อางอิงจาก Hochheiser 1998) กลาววา การบริหารเวลาไมใชเพียงความคิด แตเปนทั้งความคิดการคิดและการกระทําวาจะดําเนินการอยางไร เพื่อไปสูจุดมุงหมายที่ตั้งไวในเวลาที่มีอยูใหเกิดประโยชนสูงสุดสวน มารติน (วิภาพร สิทธิสาตร.2542:30; อางอิงจาก Martin.1998) ไดอธิบายถึงความสําคัญเกี่ยวกับการบริหารเวลาวา เปนสิ่งที่คนจําเปนตองนึกถึงเพราะไมเชนนั้นเวลาจะผานไปอยางไรประโยชนโดยที่ไมสามารถทํา อะไรไดเลย ซึ่งในความเปนจริงเพียง แตคิดก็จะสามารถบริหารตนเองได การบริหารตนเองอาจจะเปน เรื่องของการทํางาน เรื่องสวนตัว แนวทางในการทํางานและการดํารงชีวิต การบริหารเวลาไมใชการ รีบเรงในการทํางาน แตเกี่ยวของกับเวลาสวนสุขใจน้ําผุด(2536: 44-45) กลาววา คนควรมี การบริหารเวลาโดยมีการจัดสรรเวลา ซึ่งพิจารณาจากเวลา 24 ชั่วโมงในสัดสวนที่เหมาะสมกับวัน อันจะกอใหเกิดประโยชนทั้งดานอาชีพ การงาน สุขภาพ และอื่นๆ หรือโดยการจดบันทึกเพื่อไดเห็นวา ไดใชเวลาคุมคา การทํางานตามจังหวะเวลา วางแผนใหสอดคลองกับจังหวะเวลา ทํางานตามแผนที่ วางไวสอดคลองกับเวลาที่มีอยู การใชเวลาวางใหเปนประโยชนเวลาที่เวนจากอาชีพหรือการสราง สุขภาพยอมเปนเวลาวาง ซึ่งแตละคนมีอิสระที่จะเลือกใชไดตามความถนัดและความพอใจการใชเวลา ใหเกิดประโยชนดวยการทํางานอดิเรกเปนสิ่งที่ดีที่สุด ไมวาจะเปนการเก็บรวบรวมสะสมสิ่งตางๆงาน ประดิษฐ การปลูกตนไมการอานหนังสือซึ่งจะกอใหเกิดความเพลิดเพลินความรูและเปนรายได อยางดี
เสกสรรค มธุลาภรังสรรค. (2541: ออนไลน) ไดสรุปลักษณะสําคัญของเวลา5 ประการคือ
1. เพื่อชวยใหใชชีวิตไดงายขึ้น สวนหนึ่งของการบริหารเวลาเปนเรื่องของเทคนิคและทักษะ ซึ่งจะชวยใหสลัด การเสียเวลาที่ไมจําเปนออกไป ทําใหผูที่ฝกฝนรูสึกวามีเวลามากขึ้นและอยากทํา อะไรมากขึ้น
2. เพื่อใหมีเวลาใหกับคนสําคัญและสิ่งสําคัญมากขึ้นคนที่เปนนักบริหารเวลามักจะไม พลาดในการใหเวลากับคนสําคัญและสิ่งสําคัญ และจะตอสูเต็มที่รวมถึงเรียนรูวิธีการตางๆ เพื่อให ไดมาซึ่งเวลาที่จะอยูกับสิ่งที่มีคุณคาสําหรับตัวเอง
3. เพื่อรักษาความสมดุลในชีวิตทักษะการบริหารเวลาเปนเสมือนผูชวยใหสามารถปฏิบัติ หนาที่ไดทุกบทบาทที่ตนเองตองรับผิดชอบ ทั้งเรื่องครอบครัว สังคมการเรียน สุขภาพ การเงินการ งาน ฯลฯ
4. เพื่อใหมีความสุขกับการใชชีวิต คนที่บริหารเวลาไดดีจะรูสึกวาชีวิตมีคุณคา สิ่งเหลานี้ นําไปสูความสบายใจและสุขใจ
5. เพื่อใหไดบรรลุเปาหมายชีวิตที่ไดตั้งไวแนนอนคนที่เปนนักบริหารเวลา ยอมเปนคนที่ทํา อะไรอยางมีเปาหมาย และจะมุงมั่นจนกวาถึงจุดหมายของตน เมื่อผสมกับทักษะและเทคนิคในการ บริหารเวลา โอกาสที่จะบรรลุเปาหมายก็ยอมมากขึ้น การบริหารเวลาเปนสิ่งที่มีประโยชนตอชีวิตเปน อยางยิ่ง
เกรียงศักดิ์เจริญวงศศักดิ์(2543: 18-27) กลาวถึง การบริหารเวลาเวลาก็เหมือนชีวิต เมื่อใช หมดแลวก็หมดไป การบริหารเวลาก็เทากับการบริหารชีวิต และคนที่ตองการประสบความสําเร็จและ ความสุขในชีวิตยอมหลักเลี่ยงการบริหารชีวิตหรือการบริหารเวลาไปไมได การบริหารเวลามีความ จําเปนสามารถสรุปไดดังตอไปนี้
1. การทําใหชีวิตมีเปาหมาย ในการตระหนักถึงความสําคัญของการบริหารเวลาที่จุดกระตุน ใหคนหาเปาหมายที่มีคุณคาในชีวิตเปาหมายนั้น จะกลับมากระตุนเราใหมีความมุงมั่น ตั้งใจ บริหาร เวลาในชีวิตจนกวาไปถึงจุดหมายปลายทางของเปาหมาย
2. ทําใหไปถึงเปาหมายที่ตั้งไว คนควรมีเปาหมายและการที่จะประสบความสําเร็จไดนั้น บุคคลผูนั้นตองทุมเท บากบั่นเพื่อไปใหถึงเปาหมาย สําหรับคนที่ตั้งใจไวอยางแทจริงแลวจะตระหนัก ถึงคุณคาของเวลาทุกวินาทีพยายามอยางเต็มที่ที่จะใชเวลาทั้งหมดที่มีอยูใหเกิดประโยชนสูงสุดในการ ผลักดันชีวิตไปสูเปาหมายโดยวางตารางเวลาใชชีวิตแตละวันวาจะตองทํากิจกรรมใดในชวงใด และ แตละชวงของชีวิต ทั้งในระยะสั้น ระยะยาววาจะตองทําอะไร จะตองฝกฝน เรียนรูเพื่อพัฒนาตนในดาน ใดบางจึงจะเอื้อตอการกาวไปสูความสําเร็จ
3. ทําใหชีวิตมีคุณคา มีความหมาย สามารถนําเวลาไปทําในสิ่งตางๆที่มีประโยชน ตอตนเองและผูอื่น เชนในการใชการสรางสรรคศิลปะที่จะชวยจรรโลงจิตใจของคนในสังคม อานหนังสือแสวงหาความรูที่จะชวยยกระดับปญญาของตนใหสูงขึ้นเพื่อความกาวหนาในชีวิตและมี
สวนชวยพัฒนาสังคมใหดีขึ้น สิ่งเหลานี้ทําใหชีวิตมีคุณคาและมีความหมายมากขึ้น
4. ทําใหชีวิตสมดุลครบดาน การที่รูจักจังหวะของเวลาในการดําเนินชีวิตและมี การจัดสรรเวลาในแตละดาน ไดแก ครอบครัว หนาที่การงาน มิตรภาพสังคม ชีวิตสวนตัวและอื่นๆได อยางสมดุลชีวิตก็สามารถที่จะประสบผลสําเร็จในทุกๆดานไดอยางภาคภูมิใจ
5. ทําใหชีวิตมีความสุขความพึงพอใจในชีวิต ซึ่งความพอใจในชีวิตเกิดจากการที่ประสบ ความสําเร็จในดานตางๆในชีวิต เชนการเรียน การงานชีวิตครอบครัว ผลมาจากความมุงมั่นอุตสาหะ พากเพียรในการบริหารเวลา บริหารชีวิตอยางตั้งใจนอกจากนี้การบริหารเวลาที่ดีนํามาซึ่งความสุข ความพึงพอใจในชีวิตเมื่อการจัดสรรเวลาอยางเพียงพอสําหรับการพักผอนประจําวัน การไดใชเวลากับคนที่มีความหมายพิเศษสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ เนื่องจากมีเวลาออกกําลังกายอยางสม่ําเสมอ
การเปนเจาของจิตใจ ที่สดชื่นเนื่องจากไมตองเครงเครียดกับเสนตายของงานและการไดไปพักผอน ตากอากาศ ฯลฯ
6. ทําใหทํางานไดสําเร็จลุลวงและไดรับความกาวหนาในชีวิตการบริหารเวลาคือการบริหารชีวิต จะทําใหคนพัฒนาตนจากความบกพรอง ตางๆ ได หากเริ่มตนตั้งเปาหมายในชีวิตและเรียนรูที่จะ จัดสรรเวลาในการทํากิจกรรมตางๆนั้นจะทําใหพบความสําเร็จและความกาวหนาในชีวิต
บุญมากพรหมพวย(2525:4) ใหความเห็นเพิ่มเติมวาการบริหารเวลามีการตอบแทนสิ่ง ตางๆอีกมากมายใหในชีวิต ซึ่งประเภทของการใชเวลาแบงออกเปน สําคัญและเรงดวน สําคัญแตไมเรงดวน เรงดวนแตไมสําคัญ งานยุงการเสียเวลาเปลา
นอกจากนี้เสกสรรคมธุลาภรังสรรค(2541: ออนไลน) ใหความคิดเห็นวาเวลามีความสําคัญตอทุกคนเพราะธรรมชาติของเวลามีลักษณะพิเศษ
คือเวลาเปนทรัพยากรที่จํากัดใชแลวหมดไป เวลาไมสามารถซื้อเพิ่มไดไมวารวยหรือจน เวลาไมสามารถเก็บเอาไวใชได เวลาผานไปเรื่อยๆไมหวนยอนกลับมาความสําคัญของการบริหารเวลาชวยให ใชชีวิตไดงายขึ้น รักษาความสมดุลในชีวิต มีความสุขกับการใชชีวิตบรรลุตามเปา หมาย ดังที่ จิตต อินสวาง(2549:1-3) ไดกลาววาความจริงของคนสามารถจัดการกับการใชเวลาของตนเองได ซึ่งเปนการจัดการที่ชาญฉลาดฉะนั้นการบริหารเวลาจึงเปนทรัพยากรที่สําคัญมากซึ่งจะตองเขากับ รูปแบบการดําเนินชีวิตและสิ่งแวดลอมดวย
จากความหมายและความสําคัญของการบริหารเวลาดังที่กลาวไวขางตน อาจสรุปไดวา การบริหารเวลา หมายถึง การเปลี่ยนแปลงใหคนปรับตนเองใหสอดคลองกับเหตุการณรวมทั้งการที่ กําหนดเกี่ยวกับการควบคุมการปฏิบัติงานใหบรรลุตามเวลาและวัตถุประสงค บุคคลรูจักจัดสรรเวลา ในการทํากิจกรรมในแตละดานโดยการรูจักวางแผนและกําหนดเปาหมายในการดําเนินชีวิตและปฏิบัติ ภารกิจของตน โดยมีการจัดระบบการใชเวลาใหเกิดประโยชนคุมคาสูงสุดเพื่อใหงานสําเร็จลุลวง มีประสิทธิภาพ พรอมทั้งสามารถจัดสรรเวลาไดอยาง สมดุลเพื่อบรรลุเปาหมายที่ตนไดวางไว ซึ่งสงผลตอความกาวหนาในชีวิต
ประเภทการบริหารเวลา
รัชนี ลาชโรจน(2527:100) กลาววาการบริหารเวลาของคนนั้นสามารถแบงออกเปน เวลาที่ ใชในการทํางาน เวลาที่ใชในการนอน เวลาที่ใชเพื่อทํากิจวัตรประจําวันและเวลาที่ใชเพื่อพักผอน หยอนใจ อัชฌา ลิมปไพฑูรย(2535:17) กลาววาการบริหารเวลาขึ้นอยูกับกิจกรรม 2 สวนคือ
สวนแรก ตองแบงเวลาในการทํางานออกเปนชวงสั้นๆสวนที่สองคือการวิเคราะหการใชเวลาที่ เปนอยูวา สวนใหญใชกับ การทํากิจกรรมอะไรที่สอดคลองกับหนาที่การงานที่ทําตองปรับปรุงให เหมาะสมกับ ความสําคัญของงาน ดังนั้นการวางแผนการทํางาน ควรจัดแบงเวลาใหเหมาะสมกับ ความสําคัญของงาน ในการวางแผนการทํางานจึงควรจัดแบงเวลาใหเหมาะสมเปนสัดสวน ประเภท
งานที่มีความสําคัญ คืองานในหนาที่ที่ตองรับผิดชอบประเภทของงานที่มีความสําคัญรองลงมา คือ งานฉุกเฉิน และงานที่ไดรับมอบหมายพิเศษ ประเภทของงานที่มีความสําคัญทั่วไป คืองานทั่วไปงาน ริเริ่มสรางสรรค ฉะนั้นการจัดแบงเวลาจึงควรจัดแบงใหเปนสัดสวน เมธี ปลันธนานนท(2528: 8) ได แบงกิจกรรมในการบริหารเวลาของบุคคลคือกิจกรรมอาชีพกิจกรรมครอบครัว กิจกรรมชุมชน
กิจกรรมพักผอนและการสังคม กิจกรรมสวนตัวและกิจกรรมเพื่อสุขภาพ สวน ยูริส(Uris. 1970:6) ไดแบงเวลาตามลักษณะงานที่ตองใชเวลาแตกตางกันคือเวลาที่ตองใชอยางคงที่เวลาที่พอยืดหยุนได เวลาที่สามารถเปลี่ยนแปลงได และวารุณีอมรทัต(2530: 48-49) ไดกลาวถึงหลักการแบงเวลาของ เยาวชนวาควรจะมีการแบงเวลาใหกับตนเองและเวลาใหกับผูอื่นควบคูกันไป โดยแบงเวลาใหกับ
ตนเองนั้นไดแก เวลาในการทํากิจวัตรประจําวัน เวลาในการศึกษาหาความรูเพิ่มเติมและทบทวน บทเรียน เวลาในการทํางานอดิเรกที่ตนเองชอบและถนัด สําหรับเวลาเพื่อใหผูอื่นไดแก เวลาในการ ชวยเหลือทํางานบานดูแลผูสูงอายุและนองๆเวลาในการเขากลุมพบปะสังสรรคกับผูอื่นเพื่อการสมาคม เวลาในการชวยเหลือสังคมนับตั้งแตที่อยูใกลตัว เชน ครอบครัว ญาติมิตร เพื่อนบาน ตลอดจนบุคคลที่ อยูไกลตัวที่รูจักและไมรูจักหากเยาวชนสามารถจัดแบงเวลาใหกับตนเองและสังคมไดอยางเหมาะสม
จะชวยพัฒนาเยาวชนใหกลายเปนคนที่มีคุณภาพ สงผลตอครอบครัวและสังคม
การวางแผนใชเวลา
การจัดระบบไมมีกฎตายตัวเพราะแตละคนมีปจจัยแวดลอมที่ตางกันเพราะฉะนั้นแตละคน ยอมมีการจัดระบบและการบริหารเวลาที่แตกตางกัน สิ่งที่จะตองทําคือลองคนหาตัวเองวาปจจัยที่มี อิทธิพลในการควบคุมเวลาหรือจัดระบบเวลาของตนเองมีอะไรบาง(จารุณี จันทรลอยนภา. 2546:13)
การวางแผนการใชเวลาและการตั้งเปาหมายชีวิตเปนการชวยใหรูจักควบคุมชีวิตของตนเอง เวลาและ การเคลื่อนไหวคือการพยายามทําใหทุกสิ่งทุกอยางสําเร็จลงดวยเวลาที่สั้นที่สุด โดยใชอากัปกิริยาหรือ ความเคลื่อนไหวนอยที่สุด(อํานวยชัยปฏิพัทธเผาพงศ. 2534:9) ใหความเห็นวาการใชเวลาคิดและ การวางแผนเปนสิ่งจําเปนที่สุดกับชีวิตในปจจุบันการคิดวางแผนเปนการชวยใหประหยัดเวลาเปน
อยางมาก เพราะจะไดไมตองคิดไปคิดมาวาควรทําอะไรและ ควรทําอยางไหนกอนการมีแผนเรียบรอย แลว ก็ลงมือทําตามแผนนั้นการงานก็จะสําเร็จตามเปาหมาย (ชัยรัตน บูรณะวิวัฒน. 2537:12) การ วางแผนเปนการใชเวลาที่มีคาเพราะสามารถใชเวลาในชวงที่แบงไวสําหรับการวางแผนไดผลสําเร็จ ควรมีการกําหนดเปาหมายเปนตัวชี้การกระทํามีการจัดลําดับความสําคัญกอน-หลัง มีการทํารายการ สิ่งที่ตองการ ไมควรเขมงวดเกินไปกับการกระทําตามการวางแผน ควรมีการยืดหยุนตามกรณี และ ควรทํางานอยางสุขุมอยาวอกแวก อยาทําตัวสมบูรณเกินรอย อยาผัดวันประกันพรุง รูจักปฏิเสธและ ควรใหรางวัลชีวิต ในการบริหารและจัดสรรเวลา (เรื่องดีดีมีไวแบงปนตอนการบริหารเวลา. 2541: ออนไลน)
คูเปอร (Cooper. 1952: 25) ไดกลาวถึงหลักการที่สําคัญของนักบริหารวาจะตองจัดการ ตนเอง โดยกําหนดแผนการทํางานของตนเอง ขึ้นมาการกําหนดแผนงานควรมีลักษณะเปนแผนการ ทํางานทั้งหมด เชนทํางานที่สําคัญและมีคาอยางยิ่งไดมากกวา กําหนดลําดับ ความสําคัญของงานได อยางสมบูรณแบงสรรอัตราสวนการใชเวลาสําหรับงานแตละอยางไดถูกตองปฏิบัติงานไดสําเร็จใน กําหนดเวลา ตายตัว บรรลุถึงเปาหมายของงานไดดียิ่งขึ้น ปองกันการสูญเสียความพยายามในการ ทํางานโดยเปลาประโยชนกอใหเกิดความยืดหยุนในการทํางานไดมากกวาละเวนที่จะไมทํางานซึ่งคน อื่นควรจะเปนผูทําปรับปรุงความสัมพันธระหวางบุคคลซึ่งเปนผลมาจากการปรับปรุงผลงานใหดีขึ้น
ผลรวมที่จะไดรับจากการกําหนดแผนการทํางานคือการที่สามารถใชความพยายามนอยแตปฏิบัติงาน ที่สําคัญที่สุดไดสําเร็จ ดังที่บลิส(Bliss.1976:120 –122) ไดเสนอเทคนิคในการบริหารเวลาไวคือตอง วางแผน ตองตั้งสมาธิตองหยุดพักบาง หลีกเลี่ยงความไมเปนระเบียบ อยาเปนคนที่ตองทํางานให สมบูรณแบบ อยากลัวที่จะตองปฏิเสธ อยาผัดวันประกันพรุง ใชวิธีการผาตัด คือสะสางงานที่สะสมมา
การมอบอํานาจหนาที่ อยาเปนคนบางานสวน มงคลสัณฐิติวิฑูร(2531: 75-76) กลาวถึงการใชเวลา อยางมีประสิทธิภาพคือกําหนดจุดมุงหมาย ของงาน กําหนดงานที่จะทําในแตละวันใชเวลาที่มีอยูให เกิดประโยชนมากที่สุดพยายามทํางานใหเสร็จในครั้งเดียวพรอม ที่จะปฏิบัติงานไดตลอดเวลาซึ่ง สอดคลองกับสมชายศรีสันติสุข(2541: 63) ไดกลาวถึงการบริหารเวลาใหมีประสิทธิภาพมีขั้นตอน
คือตั้งเปาหมายของตัวเองและจัดลําดับความสําคัญพิจารณาเปาหมายระยะยาวในชีวิตของตนเอง
พิจารณาเปาหมายระยะสั้น จัดลําดับความสําคัญของเปาหมายที่กําหนดไวทําบันทึกสิ่งที่ตองทําเปน รายวัน เริ่มทําเรียงลําดับความสําคัญ อยาใชเวลากับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินความจําเปนถามตัวเอง วาขณะนี้ใชเวลาคุมคาหรือยัง เริ่มทําทุกขอตั้งแตวันนี้ และจิตต อินสวาง (2549: 97) ไดสรุปเกี่ยวกับ การทํางานประจําวันวาตองมีประสิทธิภาพและมีกฎระเบียบของตัวเองซึ่งมีการตั้งจุดมุงหมายที่ ชี้เฉพาะโดยการกําหนด เกี่ยวกับลักษณะจุดหมายคือการเขียนบันทึกไว มีการวัดผลได สามารถเห็น ผลลัพธได ตองเปนจริงทาทาย สามารถบรรลุผลไดและสามารถเปนกุญแจไปสูความสําเร็จไดทั้งนี้ ควรมีการจัดลําดับขั้นตอนเพื่อใหไดประสิทธิผลตามเปาหมาย
นอกจากนี้เกรียงศักดิ์ เจริญวงศศักดิ์(2543: 105-110) ไดเสนอแนวคิดของการใชเวลาอยาง มีประสิทธิภาพ ซึ่งสรุปไดดังนี้
1. เรียนรูธรรมชาติในการทํางานของตนเอง เขาใจลักษณะทางธรรมชาติของตัวเอง สิ่งที่ชอบ ความถนัด การตอบสนองตอสถานการณตางที่เกิดขึ้นในชีวิต และเรียนรูความสามารถ ทํางานใหมีประสิทธิภาพในชวงเวลาที่เหมาะสม
2. คิดหาวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดกอนลงมือทํา
3. ทําหลายอยางพรอมกันถาเปนไปได
4. ใชเวลาสั้นๆใหเปนประโยชนระหวางรอคนที่นัดหรือรอรถ เชนการอานหนังสือ
5. ทํางานที่มีลักษณะเหมือนกันในชวงเวลาเดียวกัน
6. ปองกันตนเองจากการถูกรบกวนหรือการถูกขัดจังหวะ
7. รูจักปฏิเสธสิ่งที่ไมเปนประโยชนและทําใหเสียเวลาโดยไมจําเปน
8. ใชคูมือและทํารายการสิ่งที่ตองทําหรือจัดเตรียม
9. บันทึกไวดีกวาใชความจํา
10. ระดมความคิด
11. กระจายงานหรือมอบหมายความรับผิดชอบใหทีมงาน
ปญหาที่กอใหเกิดการสูญเสียเวลา
สิ่งที่เปนอุปสรรคสําคัญในการบริหารเวลามีหลายประการ ซึ่งจะทําใหการทํางานไมประสบ ความสําเร็จตามที่วางแผนไว อุปสรรคดังกลาวมีดังนี้การผัดวันประกันพรุงการทํางานหลายๆอยาง ในเวลาเดียวกัน การกลัวความลมเหลว การคาดหวังความสมบูรณแบบ ความไมพึงพอใจในงานที่ทํา การขาดความอดทน การขาดขวัญกําลังใจ การเสียเวลาคิดและพูดมากเกินไป การไมกลาบอกปฏิเสธ
(ชัยชาญวงศสามัญ. 2550: ออนไลน) ความสําเร็จของคนนั้น ยอมเกี่ยวของกับคนและเวลาทั้งสิ้น ไม วาจะเปนการรับรูขาวสาร การแขงขันหรือการนําไปสูความสําเร็จในชีวิตและการงาน ในขณะเดียวกัน คนก็เปนตัวการหรืออุปสรรคสําคัญที่ทําใหเสียเวลา เชนชอบคุยนานเกินไป ชอบมาทํางานสาย หรือ คอยตามตื้อขอความชวยเหลือจากคนอื่นอยูตลอดเวลา ฉะนั้นการจัดสรรเวลาที่ดีก็คือการรูจัก ตรวจสอบและจัดการ กับสถานการณเหลานี้ใหได เพื่อกาวไปสูเปาหมายที่ตองการ(ธนวรรณ ศรีสุวรรณ.2538:1) ปจจัยที่ทําใหเสียเวลานั้นมีสาเหตุมาจาก2 แหลง คือปจจัยที่เกิดภายในตัวบุคคล
ปจจัยที่เกิดจากสาเหตุภายนอก
1. ปจจัยที่เกิดภายในตัวบุคคล คือขาดการจัดการที่ดี การผัดวันประกันพรุงไมกลาที่จะ กลาวคําวาไมขาดความสนใจ การปฏิเสธสังคม ไมเปนผูที่ตองการความถูกตองและสมบูรณที่สุด
2. ปจจัยที่เกิดจากสาเหตุภายนอก คือการมีแขก เสียงจากโทรศัพทการรอคอย เสียงที่ ดังเกินไป(พยงค จาดชาง.2539: 22; อางอิงจากSmith; & Smith 1990) นอกจากนี้ชุลีพรรามนัฏ(2540:31) ไดสรุปถึงสาเหตุของการเสียเวลาวามี2 สาเหตุคือ
1. สาเหตุภายในตัวบุคคลซึ่งเกิดจากการขาดความสมบูรณทางรางกาย จิตใจหรือความรู ความสามารถในการทํางาน มีระบบงานที่ไมกระชับรัดกุม ไรประสิทธิภาพ เชนขาดการวางแผนงาน ขาดการมอบหมายงานที่มีประสิทธิภาพ วัตถุประสงคในการทํางานไมชัดเจน ขาดการกําหนดลําดับ ความสําคัญของงาน จนทําใหแผนหลักไมบรรลุผลเปนตน
2. สาเหตุจากภายนอก ซึ่งเกิดจากสภาพแวดลอมและสิ่งรบกวนหรือขัดจังหวะ เชนขาด บรรยากาศในการทํางาน ขาดสิ่งอํานวยความสะดวกในการทํางานจากผูที่มาติดตอโทรศัพท การประชุมเปนตนซึ่งสอดคลองกับเกรียงศักดิ์ เจริญวงศศักดิ์ (2543:90-105) ที่กลาววาเหตุปจจัย ที่กอใหเกิดการสูญเสียเวลาคือสิ่งที่เปนปจจัยภายใน ไดแก ความกลัว ความไรวินัยการผัดวัน ประกันพรุง ความเกรงใจอยางไมเหมาะสม การมุงเอาชนะจนเกินควรขาดเปาหมายชัดเจนในการ ปฏิบัติงาน ขาดการกําหนดเสนตายในการทํางาน การไมกระจายงานหรือกระจายงานอยางไมมีประสิทธิภาพ สิ่งที่เปนปจจัยภายนอก ไดแก คนแวะมาพูดคุยหรือมาเยี่ยมโดยไมมีจุดหมาย โทรศัพท
ขัดจังหวะงาน โตะทํางานยุงเหยิงและเกิดจากปจจัยภายในตัวบุคคลซึ่งเกิดจากรางกาย จิตใจและ การวางแผนงาน
สรุปไดวา การสูญเสียเวลานั้นเกิดจากปจจัย2 ประการคือปจจัยภายในเกิดจากตัวคนหรือ บุคคลนั้นเองและปจจัยภายนอก เกิดจากการทํางาน หรือการปฏิบัติงานรวมทั้งเกิดจากเครื่องมือ เครื่องใช วิธีการ การตัดสินใจ การติดตอสื่อสารสงผลตอการสูญเสียเวลา
· Tab 2
จากความหมายและความสําคัญของการบริหารเวลาดังที่กลาวไวขางตน อาจสรุปไดวา การบริหารเวลา หมายถึง การเปลี่ยนแปลงใหคนปรับตนเองใหสอดคลองกับเหตุการณรวมทั้งการที่ กําหนดเกี่ยวกับการควบคุมการปฏิบัติงานใหบรรลุตามเวลาและวัตถุประสงค บุคคลรูจักจัดสรรเวลา ในการทํากิจกรรมในแตละดานโดยการรูจักวางแผนและกําหนดเปาหมายในการดําเนินชีวิตและปฏิบัติ ภารกิจของตน โดยมีการจัดระบบการใชเวลาใหเกิดประโยชนคุมคาสูงสุดเพื่อใหงานสําเร็จลุลวง มีประสิทธิภาพ พรอมทั้งสามารถจัดสรรเวลาไดอยาง สมดุลเพื่อบรรลุเปาหมายที่ตนไดวางไว ซึ่งสงผลตอความกาวหนาในชีวิต
ประเภทการบริหารเวลา
รัชนี ลาชโรจน(2527:100) กลาววาการบริหารเวลาของคนนั้นสามารถแบงออกเปน เวลาที่ ใชในการทํางาน เวลาที่ใชในการนอน เวลาที่ใชเพื่อทํากิจวัตรประจําวันและเวลาที่ใชเพื่อพักผอน หยอนใจ อัชฌา ลิมปไพฑูรย(2535:17) กลาววาการบริหารเวลาขึ้นอยูกับกิจกรรม 2 สวนคือ
สวนแรก ตองแบงเวลาในการทํางานออกเปนชวงสั้นๆสวนที่สองคือการวิเคราะหการใชเวลาที่ เปนอยูวา สวนใหญใชกับ การทํากิจกรรม อะไรที่สอดคลองกับหนาที่การงานที่ทําตองปรับปรุงให เหมาะสมกับ ความสําคัญของงาน ดังนั้นการวางแผนการทํางาน ควรจัดแบงเวลาใหเหมาะสมกับ ความสําคัญของงาน ในการวางแผนการทํางานจึงควรจัดแบงเวลาใหเหมาะสมเปนสัดสวน ประเภท
งานที่มีความสําคัญ คืองานในหนาที่ที่ตองรับผิดชอบประเภทของงานที่มีความสําคัญรองลงมา คือ งานฉุกเฉิน และงานที่ไดรับมอบหมาย พิเศษ ประเภทของงานที่มีความสําคัญทั่วไป คืองานทั่วไปงาน ริเริ่มสรางสรรค ฉะนั้นการจัดแบงเวลาจึง ควรจัดแบงใหเปน สัดสวน เมธี ปลันธนานนท (2528: 8) ได แบงกิจกรรมในการบริหารเวลาของบุคคลคือกิจกรรมอาชีพกิจกรรมครอบครัว กิจกรรมชุมชน
กิจกรรมพักผอนและการสังคม กิจกรรมสวนตัวและกิจกรรมเพื่อสุขภาพ สวน ยูริส(Uris. 1970:6) ไดแบงเวลาตามลักษณะงานที่ตองใชเวลาแตกตางกันคือเวลาที่ตองใชอยางคงที่เวลาที่พอยืดหยุนได เวลาที่สามารถเปลี่ยนแปลงได และวารุณีอมรทัต(2530: 48-49) ไดกลาวถึงหลักการแบงเวลาของ เยาวชนวาควรจะมีการแบงเวลาใหกับตนเองและเวลาใหกับผูอื่นควบคูกันไป โดยแบงเวลาใหกับ
ตนเองนั้นไดแก เวลาในการทํากิจวัตรประจําวัน เวลาในการศึกษาหาความรูเพิ่มเติมและทบทวน บทเรียน เวลาในการทํางานอดิเรกที่ตนเองชอบและถนัด สําหรับเวลาเพื่อใหผูอื่นไดแก เวลาในการ ชวยเหลือทํางานบานดูแลผูสูงอายุและนองๆเวลาในการเขากลุมพบปะสังสรรคกับผูอื่นเพื่อการสมาคม เวลาในการชวยเหลือสังคมนับตั้งแตที่อยูใกลตัว เชน ครอบครัว ญาติมิตร เพื่อนบาน ตลอดจนบุคคลที่ อยูไกลตัวที่รูจักและไมรูจักหากเยาวชนสามารถจัดแบงเวลาใหกับตนเองและสังคมไดอยางเหมาะสม
จะชวยพัฒนาเยาวชนใหกลายเปนคนที่มีคุณภาพ สงผลตอครอบครัวและสังคม
การวางแผนใชเวลา
การจัดระบบไมมีกฎตายตัวเพราะแตละคนมีปจจัยแวดลอมที่ตางกันเพราะฉะนั้นแตละคน ยอมมีการจัดระบบและการบริหารเวลาที่แตกตางกัน สิ่งที่จะตองทําคือลองคนหาตัวเองวาปจจัยที่มี อิทธิพลในการควบคุมเวลาหรือจัดระบบเวลาของตนเองมีอะไรบาง(จารุณี จันทรลอยนภา. 2546:13)
การวางแผนการใชเวลาและการตั้งเปาหมายชีวิตเปนการชวยใหรูจักควบคุมชีวิตของตนเอง เวลาและ การเคลื่อนไหวคือการพยายามทําใหทุกสิ่งทุกอยางสําเร็จลงดวยเวลาที่สั้นที่สุด โดยใชอากัปกิริยาหรือ ความเคลื่อนไหวนอยที่สุด(อํานวยชัยปฏิพัทธเผาพงศ. 2534:9) ใหความเห็นวาการใชเวลาคิดและ การวางแผนเปนสิ่งจําเปนที่สุดกับชีวิตในปจจุบันการคิดวางแผนเปนการชวยใหประหยัดเวลาเปน
อยางมาก เพราะจะไดไมตองคิดไปคิดมาวาควรทําอะไรและ ควรทําอยางไหนกอนการมีแผนเรียบรอย แลว ก็ลงมือทําตามแผนนั้นการงานก็จะสําเร็จตามเปาหมาย (ชัยรัตน บูรณะวิวัฒน. 2537:12) การ วางแผนเปนการใชเวลาที่มีคาเพราะสามารถใชเวลาในชวงที่แบงไวสําหรับการวางแผนไดผลสําเร็จ ควรมีการกําหนดเปาหมายเปนตัวชี้การกระทํามีการจัดลําดับความสําคัญกอน-หลัง มีการทํารายการ สิ่งที่ตองการ ไมควรเขมงวดเกินไปกับการกระทําตามการวางแผน ควรมีการยืดหยุนตามกรณี และ ควรทํางานอยางสุขุมอยาวอกแวก อยาทําตัวสมบูรณเกินรอย อยาผัดวันประกันพรุง รูจักปฏิเสธและ ควรใหรางวัลชีวิต ในการบริหารและจัดสรรเวลา (เรื่องดีดีมีไวแบงปนตอนการบริหารเวลา. 2541: ออนไลน)
คูเปอร (Cooper. 1952: 25) ไดกลาวถึงหลักการที่สําคัญของนักบริหารวาจะตองจัดการ ตนเอง โดยกําหนดแผนการทํางานของตนเอง ขึ้นมาการกําหนดแผนงานควรมีลักษณะเปนแผนการ ทํางานทั้งหมด เชนทํางานที่สําคัญและมีคาอยางยิ่งไดมากกวา กําหนดลําดับ ความสําคัญของงานได อยางสมบูรณแบงสรรอัตราสวนการใชเวลาสําหรับงานแตละอยางไดถูกตองปฏิบัติงานไดสําเร็จใน กําหนดเวลา ตายตัว บรรลุถึงเปาหมายของงานไดดียิ่งขึ้น ปองกันการสูญเสียความพยายามในการ ทํางานโดยเปลาประโยชนกอใหเกิดความยืดหยุนในการทํางานไดมากกวาละเวนที่จะไมทํางานซึ่งคน อื่นควรจะเปนผูทําปรับปรุงความสัมพันธระหวางบุคคลซึ่งเปนผลมาจากการปรับปรุงผลงานใหดีขึ้น
ผลรวมที่จะไดรับจากการกําหนดแผนการทํางานคือการที่สามารถใชความพยายามนอยแตปฏิบัติงาน ที่สําคัญที่สุดไดสําเร็จ ดังที่บลิส(Bliss.1976:120 –122) ไดเสนอเทคนิคในการบริหารเวลาไวคือตอง วางแผน ตองตั้งสมาธิตองหยุดพักบาง หลีกเลี่ยงความไมเปนระเบียบ อยาเปนคนที่ตองทํางานให สมบูรณแบบ อยากลัวที่จะตองปฏิเสธ อยาผัดวันประกันพรุง ใชวิธีการผาตัด คือสะสางงานที่สะสมมา
การมอบอํานาจหนาที่ อยาเปนคนบางานสวน มงคลสัณฐิติวิฑูร(2531: 75-76) กลาวถึงการใชเวลา อยางมีประสิทธิภาพคือกําหนดจุดมุงหมาย ของงาน กําหนดงานที่จะทําในแตละวันใชเวลาที่มีอยูให เกิดประโยชนมากที่สุดพยายามทํางานใหเสร็จในครั้งเดียวพรอม ที่จะปฏิบัติงานไดตลอดเวลาซึ่ง สอดคลองกับสมชายศรีสันติสุข(2541: 63) ไดกลาวถึงการบริหารเวลาใหมีประสิทธิภาพมีขั้นตอน
คือตั้งเปาหมายของตัวเองและจัดลําดับความสําคัญพิจารณาเปาหมายระยะยาวในชีวิตของตนเอง
· Tab 3
พิจารณาเปาหมายระยะสั้น จัดลําดับความสําคัญของเปาหมายที่กําหนดไวทําบันทึกสิ่งที่ตองทําเปน รายวัน เริ่มทําเรียงลําดับความสําคัญ อยา ใชเวลากับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินความจําเปนถามตัวเอง วาขณะนี้ใชเวลาคุมคาหรือยัง เริ่มทําทุกขอตั้งแตวันนี้ และจิตต อินสวาง (2549: 97) ไดสรุปเกี่ยวกับ การทํางานประจําวันวา ตองมีประสิทธิภาพและมีกฎระเบียบของตัวเองซึ่งมีการตั้งจุดมุงหมายที่ ชี้เฉพาะโดยการกําหนด เกี่ยวกับลักษณะจุดหมายคือ การเขียนบันทึกไว มีการวัดผลได สามารถเห็น ผลลัพธได ตองเปนจริงทาทาย สามารถบรรลุผลไดและสามารถเปนกุญแจไปสูความสําเร็จไดทั้งนี้ ควรมีการจัดลําดับขั้นตอนเพื่อใหไดประสิทธิผลตามเปาหมาย
นอกจากนี้เกรียงศักดิ์ เจริญวงศศักดิ์(2543: 105-110) ไดเสนอแนวคิดของการใชเวลาอยาง มีประสิทธิภาพ ซึ่งสรุปไดดังนี้
1. เรียนรูธรรมชาติในการทํางานของตนเอง เขาใจลักษณะทางธรรมชาติของตัวเอง สิ่งที่ชอบ ความถนัด การตอบสนองตอสถานการณตาง ที่เกิดขึ้นในชีวิต และเรียนรูความสามารถ ทํางานใหมีประสิทธิภาพในชวงเวลาที่เหมาะสม
2. คิดหาวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดกอนลงมือทํา
3. ทําหลายอยางพรอมกันถาเปนไปได
4. ใชเวลาสั้นๆใหเปนประโยชนระหวางรอคนที่นัดหรือรอรถ เชนการอานหนังสือ
5. ทํางานที่มีลักษณะเหมือนกันในชวงเวลาเดียวกัน
6. ปองกันตนเองจากการถูกรบกวนหรือการถูกขัดจังหวะ
7. รูจักปฏิเสธสิ่งที่ไมเปนประโยชนและทําใหเสียเวลาโดยไมจําเปน
8. ใชคูมือและทํารายการสิ่งที่ตองทําหรือจัดเตรียม
9. บันทึกไวดีกวาใชความจํา
10. ระดมความคิด
11. กระจายงานหรือมอบหมายความรับผิดชอบใหทีมงาน
ปญหาที่กอใหเกิดการสูญเสียเวลา
สิ่งที่เปนอุปสรรคสําคัญในการบริหารเวลามีหลายประการ ซึ่งจะทําใหการทํางานไมประสบ ความสําเร็จตามที่วางแผนไว อุปสรรคดังกลาว มีดังนี้การผัดวันประกันพรุงการทํางานหลายๆอยาง ในเวลาเดียวกัน การกลัวความลมเหลว การคาดหวังความสมบูรณแบบ ความไมพึงพอใจ ในงานที่ทํา การขาดความอดทน การขาดขวัญกําลังใจ การเสียเวลาคิดและพูดมากเกินไป การไมกลาบอกปฏิเสธ
(ชัยชาญวงศสามัญ. 2550: ออนไลน) ความสําเร็จของคนนั้น ยอมเกี่ยวของกับคนและเวลาทั้งสิ้น ไม วาจะเปนการรับรูขาวสาร การแขงขัน หรือการนําไปสูความสําเร็จในชีวิตและการงาน ในขณะเดียวกัน คนก็เปนตัวการหรืออุปสรรคสําคัญที่ทําใหเสียเวลา เชนชอบคุยนานเกินไป ชอบมาทํางานสาย หรือ คอยตามตื้อขอความชวยเหลือจากคนอื่นอยูตลอดเวลา ฉะนั้นการจัดสรรเวลาที่ดีก็คือการรูจัก ตรวจสอบและจัดการ กับสถานการณเหลานี้ใหได เพื่อกาวไปสูเปาหมายที่ตองการ(ธนวรรณ ศรีสุวรรณ.2538:1) ปจจัยที่ทําใหเสียเวลานั้นมีสาเหตุมาจาก2 แหลง คือปจจัยที่เกิดภายในตัวบุคคล
ปจจัยที่เกิดจากสาเหตุภายนอก
1. ปจจัยที่เกิดภายในตัวบุคคล คือขาดการจัดการที่ดี การผัดวันประกันพรุงไมกลาที่จะ กลาวคําวาไมขาดความสนใจ การปฏิเสธสังคม ไมเปนผูที่ตองการความถูกตองและสมบูรณที่สุด
2. ปจจัยที่เกิดจากสาเหตุภายนอก คือการมีแขก เสียงจากโทรศัพทการรอคอย เสียงที่ ดังเกินไป(พยงค จาดชาง.2539: 22; อางอิงจากSmith; & Smith 1990) นอกจากนี้ชุลีพรรามนัฏ(2540:31) ไดสรุปถึงสาเหตุของการเสียเวลาวามี2 สาเหตุคือ
1. สาเหตุภายในตัวบุคคลซึ่งเกิดจากการขาดความสมบูรณทางรางกาย จิตใจหรือความรู ความสามารถในการทํางาน มีระบบงานที่ไมกระชับรัดกุม ไรประสิทธิภาพ เชนขาดการวางแผนงาน ขาดการมอบหมายงานที่มีประสิทธิภาพ วัตถุประสงคในการทํางานไมชัดเจน ขาดการกําหนดลําดับ ความสําคัญของงาน จนทําใหแผนหลักไมบรรลุผลเปนตน
2. สาเหตุจากภายนอก ซึ่งเกิดจากสภาพแวดลอมและสิ่งรบกวนหรือขัดจังหวะ เชนขาด บรรยากาศในการทํางาน ขาดสิ่งอํานวยความสะดวกในการทํางานจากผูที่มาติดตอโทรศัพท การประชุมเปนตนซึ่งสอดคลองกับเกรียงศักดิ์ เจริญวงศศักดิ์ (2543:90-105) ที่กลาววาเหตุปจจัย ที่กอใหเกิดการสูญเสียเวลาคือสิ่งที่เปนปจจัยภายใน ไดแก ความกลัว ความไรวินัยการผัดวัน ประกันพรุง ความเกรงใจอยางไมเหมาะสม การมุงเอาชนะจนเกินควรขาดเปาหมายชัดเจนในการ ปฏิบัติงาน ขาดการกําหนดเสนตายในการทํางาน การไมกระจายงานหรือกระจายงานอยางไมมีประสิทธิภาพ สิ่งที่เปนปจจัยภายนอก ไดแก คนแวะมาพูดคุยหรือมาเยี่ยมโดยไมมีจุดหมาย โทรศัพท
ขัดจังหวะงาน โตะทํางานยุงเหยิงและเกิดจากปจจัยภายในตัวบุคคลซึ่งเกิดจากรางกาย จิตใจและ การวางแผนงาน
สรุปไดวา การสูญเสียเวลานั้นเกิดจากปจจัย2 ประการคือปจจัยภายในเกิดจากตัวคนหรือ บุคคลนั้นเองและปจจัยภายนอก เกิดจากการทํางาน หรือการปฏิบัติงานรวมทั้งเกิดจากเครื่องมือ เครื่องใช วิธีการ การตัดสินใจ การติดตอสื่อสารสงผลตอการสูญเสียเวลา