Caffeine H10

(Caffeine Powder Dispersion for Cosmetic)

Caffeine H10


Caffeine H10 คือ การนำคาเฟอีนแบบผงที่ได้จากการสังเคราะห์มากระจายตัวในของเหลว โดยการปรับโครงสร้างของคาเฟอีนให้มีความชอบน้ำมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ได้สารละลายที่ใส และมีความคงตัวสูงโดยเฉพาะในอุณหภูมิต่ำ


ทำไมความคงตัวของคาเฟอีนที่อุณหภูมิต่ำจังสำคัญ?

เนื่องจากคาเฟอีนทั่วไปที่เราพบจะมีคุณสมบัติที่สามารถละลายได้ดีในน้ำร้อน แต่เมื่ออุณหภูมิลดต่ำลงการละลายของคาเฟอีนจะไม่ดี และจะตกผลึกออกมา ซึ่งหากนำมาใช้งานในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางก็จะทำให้ความคงตัวของผลิตภัณฑ์แย่ลง

การตกผลึกของคาเฟอีนที่พบได้จากคาเฟอีนทั่วไป

การทดสอบความคงตัวของ Caffeine H10

จากการทดสอบโดยนำ Caffeine H10 ไปเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง, ตู้เย็น และนำไปแช่แข็ง หลังจากนั้นนำออกมาอยู่ที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลา 2 ชั่วโมง จะเห็นว่า Caffeine H10 กลับมาเป็นสารละลายใสเช่นเดิม และไม่มีการตกผลึกลงมา

Caffeine H10 มีประโยชน์ ดังนี้

โดยมีการทดสอบในอาสาสมัครแบบ Double-blind โดยให้ใช้เซรั่มที่มี caffeine 0.5% กับเซรั่มที่ไม่มี caffeine ทาบริเวณท้องแขน, 6 วันแรกให้ทาวันละ 2 ครั้ง และอีก 7 วันต่อมาทาแค่ช่วงเช้า วันละ 1 ครั้ง แล้ววัดผลโดยการวัดค่า TEWL (Trans-epidermal Water Loss) หรือค่าการสูยเสียน้ำออกจากผิว พบว่า บริเวณที่ใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมของ caffeine มีค่า TEWL น้อยกว่าส่วนที่ใช้เซรั่มที่ไม่มี caffeine (โดยเฉพาะในผิวของผู้ชายจะเห็นได้ชัดกว่า) แสดงว่า Caffeine H10 สามารถทำให้ผิวมีความชุ่มชื้นมากขึ้นได้

มีการทดสอบโดยนำ hair follicle จากบริเวณไรผมของผู้ป่วยที่มีอาการผมร่วงแบบ AGA (เกิดจากพันธุกรรมร่วมกับฮอร์โมน) มา 14 อัน แล้วนำไปเลี้ยงในหลอดทดลองเป็นเวลา 120-192 ชั่วโมง ใน medium ต่างๆกันและมีความเข้มข้นของ caffeine ที่ต่างกันไป ทำการวัดการเติบโตของเส้นผมทุกวันและมีการแช่แข็งส่วน hair follicle ไว้ โดยจะ stained ด้วย Ki-67 (แอนติบอดี้สังเคราะห์ ที่ใช้วัดดัชนีการเพิ่มจำนวนของเซลล์ เพื่อดูขอบเขตและพื้นที่ของ keratinocytes) พบว่า Caffeine มีประสิทธิภาพช่วยในการกระตุ้นการเจริญของเส้นผมได้อย่างมีนัยสำคัญ และเพิ่มขึ้นตามความเข้มข้นที่ใช้

In-Vitro test

โดยการนำเซลล์ไขมันจากผิวมาเลี้ยงโดยใช้ caffeine และ forskolin (positive control) เป็นเวลา 24 ชั่วโมง และประเมินผลของ lipolytic โดยการวัดระดับของกลีเซรอลอิสระที่ปล่อยออกมาในอาหารเลี้ยงเชื้อ พบว่า caffeine สามารถช่วยให้เกิดกระบวนการสลายไขมันในผิวได้

Ex-Vivo test

โดยการใช้ผิวหนังจำลองที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น โดยใช้ caffeine ที่ความเข้มข้น 2% และ 5% เทียบกับการไม่ใช้ caffeine ทาที่ผิวหนังจำลองเป็นเวลา 5 วัน และวัดปริมาณของกลีเซอรอลอิสระที่ปล่อยออกมา พบว่า Caffeine มีความสามารถในการช่วยให้เกิดกระบวนการสลายไขมันในผิวได้อย่างมีนัยสำคัญ

Caffeine H10 มีลักษณะ ดังนี้


Caffeine H10 Application

VDO แสดงความคงตัวและคุณสมบัติของ Caffeine H10

*********************************************

ติดต่อและติดตามข่าวสารผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพได้ตามนี้

☎️Tel:+662-274-7316 to 8 ต่อ 25

info@chemsources.co.th

Line ID: @chemsources (มี@ด้านหน้า)

http://line.me/ti/p/%40chemsources

คลิกดูรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติมได้ที่

http://www.chemsources.co.th/

www.dimethiconecrosspolymer.com

www.facebook.com/chemsourcesthailand

www.youtube.com/user/ChemSourcesThailand


หากท่านประสงค์ต้องการแนะนำเพื่อนสำหรับจดหมายข่าวนี้กรุณากดที่นี่


บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ