สิ่งที่มีอำนาจต่อจักรวาล
...สาเหตุที่ดวงดาวในหมื่นแสนจักรวาล...มีพลังงานดึงดูด...ผลักดัน...ส่งกระแสพลังงานสัมผัสกันอยู่ ...ตลอดทุกเวลานาที...สาเหตุที่สุริยะจักรวาลนี้ดำรงอยู่ได้ในระหว่างสุริยะจักรวาลอื่นๆ...อีกหลายแสนจักรวาล...ซึ่งนับด้วย พันล้าน...
...หมื่นล้าน แสนล้านปี...
...ชั่วกัลปอนันตกาล...โดยไม่วิ่ง [โคจร ] เข้ามาชนกันให้ดวงดาวแตกทำลายไป...
...เหตุที่ดวงดาวทุกดวงในสุริยะจักรวาลนี้มีพลังดึงดูด...ให้มีการสมดุลย์กับบรรดา สุริยะจักรวาลอื่นๆ...
...อีกหมื่นแสนจักรวาลดำรงอยู่ได้...ชั่วกัลป...
...สาเหตุต่างๆเหล่านั้นเป็นเพราะเหตุที่มี...
" พระผู้เป็นเจ้าสร้างโลก...และจักรวาลนี้ " หรือจะกล่าวว่า " พระผู้เป็นเจ้าอภิบาลโลกและจักรวาล "
...มีความหมายถึง " ธรรม "หรือ " สิ่ง " หรือ " พระผู้เป็นเจ้า "ซึ่งมีมหิทธานุภาพ อันหาที่สุดไม่ได้...
...แต่อย่างไรก็ตาม...ก็ขอให้เป็นที่เชื่อถือได้อย่างสนิทใจว่า " ในระบบจักรวาลอันเวิ้งว้างหาที่สุดมิได้มี " สิ่งหนึ่ง "
ที่เรามองไม่เห็น... ...สัมผัสไม่ได้...มีความยิ่งใหญ่มาก...มีมหิทธานุภาพมาก ได้เป็นผู้อภิบาลโลกและจักรวาล...ให้ดำรงอยู่ได้ตลอดกาล ทุกเวลานาที ...โดยไม่มีวันหยุด...ไม่มีวันพัก...เที่ยงตรงและยุติธรรม... ...อย่างไม่มีอะไรเสมอเหมือนเลย...
...มนุษย์คือโลกเล็กๆโลกหนึ่ง...
...ในสุริยะจักรวาลของเรานี้...มีดวงดาวต่างๆได้แก่โลก...อาทิตย์...จันทร์...อังคาร...พุธ...พฤหัส...ศุกร์...เสาร์...ซึ่งล้วนแล้วเป็น...ดวงดาว...ดวงหนึ่ง...เป็นโลกอีกโลกหนึ่ง...
ต่างก็มีอิสระ...มีภาวะ...มีพลังงานอยู่ในตัวของมันเอง...
...จากนั้นมาก็มาถึงโลกอีกโลกหนึ่ง...ที่แคบที่สุด...และที่เล็กที่สุด...ก็คือตัวเรานั่นเอง...โดยมีใจครอง...มีธาตุรู้คือวิญญาณ...เปรียบได้เป็นโลกเล็กๆอีกลูกหนึ่ง...อาจจะเป็น " อณูหนึ่งของโลก "...หรือเป็น " ปรมาณูหนึ่งของสุริยะจักรวาล "หรืออาจจะเป็น
..." ธุลีหนึ่งของจักรวาลนี้ "...
...ฉะนั้นเมื่อตัวมนุษย์เราได้เป็นโลกเล็กๆอีกโลกหนึ่ง...โดยอยู่ท่ามกลางโลกทั้งปวง...คือบรรดาดาวนพเคราะห์ทั้งหลายทั้งปวง......ดาวนพเคราะห์เหล่านั้นจึงได้มีอิทธิพล...ต่อชีวิตมนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้...เปรียบเสมือนมัจฉาที่แหวกว่ายอยู่ในกระแสธาร...
...แห่งแม่น้ำ หรือแห่งทะเลหลวง...
...สรุปแล้ว...มนุษย์ทุกชีวิต...ต้องตกอยู่ในกระแสธาร...แห่งพลังอำนาจของสุริยะจักรวาลนี้...
...ซึ่งมีดวงดาวอยู่ ๙ ดวง...
...ที่กำลังส่ง......พลังงานหรืออิทธิพลต่อชีวิตชาวโลกมากที่สุด...อย่างไม่มีทางที่จะหลีกเลี่ยง...
...หรือหลบพ้นไปได้เลยแม้แต่น้อย...
...จากบทความ...พล.ต.ท.ชัยยงค์ ปฏิพิมพาคม...24 ต.ค.31...
...ต่อไปนี้เป็นบทความจาก...Exguitarhora.blogspot.com โดย อ.ธนเทพ ปฏิพิมพาคม...
รถไฟหายเข้าไปในอุโมงค์อย่างลึกลับถึง ๔๒ ปี...
...จู่ๆโผล่ออกมาทุกคนอายุเท่าเดิม...
...เรื่องประหลาดนี้เกิดขึ้นที่ประเทศอิตาลี บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐบาลพากันปิดปากเงียบ ที่ขบวนรถด่วน
ขบวนหนึ่งพร้อมกับผู้โดยสารหายลึกลับอย่างไร้ร่องรอย ขณะเคลื่อนเข้าไปในอุโมงค์แห่งหนึ่งเมื่อปี
พ.ศ.๒๔๙๒ แล้วจู่ๆโผล่ออกมาอีกในสภาพเดิมทุกอย่าง เมื่อต้นปีนี้คือ พ.ศ.๒๕๓๕...
...ที่ประหลาดยิ่งขึ้น ผู้โดยสารจำนวน ๑๒๐ คน และพนักงานประจำรถ ๓ คน มีอายุเท่ากับวันที่หายเข้า
ไปในอุโมงค์ไม่มีใครแก่อายุมากขึ้นสักวันเดียว รูปร่างเหมือนเดิมทุกอย่าง และพวกเขายังเชื่อว่า...
ทุกวันนี้ยังเป็น พ.ศ. ๒๔๙๒ อยู่...
...รัฐบาลอิตาลีเก็บเรื่องนี้เงียบที่จะพูดถึงขบวนรถด่วนหมายเลข เอฟ ๖๒๖ และยังไม่ยอมพูดถึงว่า...
เอาขบวนรถนั้นไปไว้ที่ไหนด้วย ไม่ใช่แต่เพียงเท่านั้น ยังคอยจับตาผู้โดยสารทุกคนเว้นแต่มี ๒ คน...
ที่เป็นชาวต่างประเทศหลบหนีการสอบสวนไป ส่วนพนักงานประจำรถ ๓ คน รัฐบาลได้เก็บตัวไว้ใน...
สถานที่หนึ่ง ไม่ยอมเปิดเผยต่อสาธารณชน...
...ข่าวการหายไปของขบวนรถด่วน เอฟ ๖๒๖ หายลึกลับไป ๔๒ ปี และโผล่กลับมาอีกนั้น แม้ว่าทาง
การ พยายามปิดข่าว แต่หนังสือพิมพ์อิตาลีเกือบทุกฉบับสามารถที่จะติดตามมาเสนอได้ พยานทีได้
รับทราบเหตุการณ์ครั้งนี้เผย ตั้งแต่เริ่มต้นที่ขบวนรถด่วนนี้มีด้วยกัน ๑๓ โบกี้ หายเข้าไปในอุโมงค์...
รถไฟที่มีความยาว ๑ ใน ๔ ไมล์อย่างลึกลับไม่ยอมโผล่ออกไปอีกทางหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงปิดอุโมงค์ทำ
การค้นหา ซึ่งมีทั้งตำรวจและ นักวิทยาศาสตร์ โดยได้ค้นทุกตารางนิ้ว แต่ไม่พบร่องรอยแม้แต่น้อยว่า
มันหายไปได้อย่างไร รางถึงกับรื้อออกแล้วนำมาวางใหม่ เมื่อค้นหากันไม่พบทำให้หลายคนเชื่อว่า...
มนุษย์ต่างดาวได้ทำการโจรกรรมขโมยรถด่วนนี้ไป ตามรายงานของ นสพ.อุโมงค์ได้เปิดอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อปี ๒๔๙๓ ตั้งแต่นั้นมา แม้ว่าจะมีขบวนรถไฟผ่านไปมาเป็นพันขบวนก็ไม่มีอุบัติเหตุอันแปลก...
ประหลาดลี้ลับนั้นเกิดขึ้นอีกเลย...
...แต่อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลาหลายปีมานี้ก็มีคนพยายามค้นหาขบวนรถด่วน เอฟ ๖๒๖ แต่ก็พบว่า
มีแต่ความว่างเปล่า บางคนถึงกับสรุปว่า รถขบวนนี้ถูกหุ้มห่อด้วยกาลเวลาและเดินทางไปสู่อนาคตอัน
ไกลพ้น...
เรื่องราวแบบนี้เคยเกิดขึ้นในสหรัฐ เรืออินเซอร่า ซึ่งเป็นเรือคุ้มครองเรือประจัญบานของกองทัพเรือสหรัฐ
จู่ๆก็หายอย่างลึกลับจากอู่เรือที่ฟิลาเดลเฟียในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒ แต่แล้วจู่ๆก็ไปปรากฏตัวที่
ฐานทัพเรือนอร์ฟอร์ด ซึ่งทุกวันนี้ยังหาคำตอบไม่ได้...
...เมื่อรัฐบาลปิดข่าว หนังสืออิตาลีก็พยายามที่จะขุดค้นออกมา ในที่สุดหนังสือพิมพ์โรมเดลี่ที่ขายดีมาก
สามารถไปคว้าเอาเทปมาริโอ ฟรานซินี ช่างเครื่องรถไฟขบวนนี้มาตีแผ่ได้ ซึ่งมีดังนี้...
"ขณะที่ขบวนรถเคลื่อนเข้าไปในอุโมงค์นั้น ไม่นานนักก็มีหมอกสีขาวหนาลอยฟ่อง สมองรู้สึกปั่นป่วนไป
หมด จากนั้นก็หมดสติไม่รู้สึกตัว มาได้สติอีกครั้งหนึ่งเมื่อขบวนรถได้ออกจากอุโมงค์แล้ว เราคิดว่าเวลา
คงจะห่างกันไม่ถึงนาทีดี แต่ที่ไหนได้ เมื่อขบวนรถเรากลับมาถึงสถานีโบล้อคน่าถึงได้ทราบว่า ได้ห่างกัน
ถึง ๔๒ ปี นี่คือสิ่งเดียวที่เรารู้ "
...ผู้โดยสารอื่นๆก็ให้การคล้ายคลึงกันว่า มีหมอกลงจัดเมื่อเวลาเข้าอุโมงค์แล้วก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย...
...ผู้โดยสารขบวนรถด่วน เอฟ ๖๒๖ ซึ่งเป็นชาวต่างประเทศ ๒ คน ที่หลบการให้การคือ อดอล์ฟ โรเนอร์
เป็นชาวเยอรมันกับมาร์ติน บาร์ตเลตต์ ชาวแอฟริกาใต้ สำหรับโรเนอร์มีนักข่าวอิตาลีได้โทรศัพท์ไป...
หลอกถาม โดยอ้างว่าเป็นผู้โดยสารรถด่วนนั้นด้วยกัน...
...โรเนอร์ได้เล่าว่า ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปมาก ตอนที่เขาหายไปพร้อมกับขบวนรถไฟนั้นเขาอายุ ๓๐ ปี
มีลูกชายอายุ ๑๐ ขวบ " เดี๋ยวนี้ลูกชายผมอายุ ๕๒ ปีแล้ว อ้วนและเป็นโรคหัวใจ ส่วนภรรยาผมก็ย่างเข้า
๗๐ ปีแล้ว กำลังเป็นโรคเบาหวาน ส่วนผมกลับอายุเพียง ๓๐ เท่านั้น เท่ากับเมื่อปี ๒๔๙๒ ...