... จูฬสัจจกสูตร ...
... ภาพวาดอริยาบทต่างๆของเสด็จพ่อรัชกาลที่ ๕ ...
รวมภาพวาดเสด็จพ่อ ร. ๕
... คำโคลงของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ ดังนี้ ...
ฝูงคนกำเนิดคล้าย คลึงกัน
ใหญ่ย่อมเพศผิวพรรณ แผกบ้าง
ความรู้อาจเรียนทัน กันหมด
ยกแต่ชั่วดีกระด้าง อ่อนแก้ฤาไหว ฯ
... ตั้งแต่โบราณมาบรรดาครูโหรทั้งหลายล้วนศึกษามาจากรากเง่าเดียวกัน [ เปรียบดังสำนักเสียวลิ้มยี่ที่เป็นต้นกำเนิดของวิชา] ทั้งสิ้นดังนั้นเมื่อมาพูด
ถึงในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์ ความหมายหลัก ความหมายของดวงดาวต่างๆกฏเกณฑ์ในเรื่อง ดาวทำมุมโยค ตรีโกณ จตุโกณ ความหมายของภพ
และเรือนชาตา ต่างๆย่อมต้องเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเกษตร ๒ เรือนหรือเกษตรเรือนเดียว...
...บรรดาครูโหรก็เปรียบเสมือนกับ...จอมยุทธที่ล้วนศึกษามาจากสำนักเสียวลิ้มยี่ [ ต้นกำเนิด ] แล้วจึงแตกแขนงมาเป็นสำนักบู๊ตึง ฮั่วซัว คุนลุ้น ง่อไบ๊
เตียมชัง ฯลฯเป็นสำนักเอกเทศขึ้นมา...
...อันวิชาเปรียบเสมือนดุจดั่งอาวุธ วิชาโหราศาสตร์ก็เป็นดุจเดียวกันก็คือ...มีระบบเกษตร ๒ เรือน ระบบเกษตรเรือนเดียว ระบบ ๑๐ ลัคนา ระบบสากล
ยูเรเนียน ฯลฯ ...ทุกวิชาย่อมมีความโดดเด่นในตัวของมันเอง แตกต่างกันไป จะไปว่าระบบไหนเด่นกว่า หรือระบบไหนด้อยกว่า ก็เป็นการมิควร...
...เพราะในแต่ละวิชาที่กล่าวมานี้ ถ้าผู้ที่เรียนวิชาต่างๆนี้ไม่มีทักษะ หรือญาณในการทำนายแล้วไซร้...ไม่วาจะเป็นวิชาของสำนักไหนย่อมจะต้องมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน และย่อมต้องเกิดจากบุคคลมิใช่ไปโทษที่หลักวิชา...
...อันที่จริงควรจะต้องเรียนหลักวิชาที่ใกล้เคียงกัน [ หรือทุกระบบ ถ้าต้องการจะเรียนรู้ให้ครบวงจร ] เช่นระบบเกษตร ๒ เรือนและระบบ...เกษตรเรือนเดียว เพราะผิดกันเล็กน้อย นำมาประยุกต์ให้สมดุลย์ กลมกลืนและสอดคล้องต่อกัน ย่อมต้องเกิดผลดีต่อวิชานั้นๆทันที...
...ยิ่งถ้าเราศึกษาหลายระบบได้ยิ่งดี...เพราะเวลาทำนายดวงชาตา เปรียบเสมือนหนึ่งดังเราจับกระบี่เข้าฟาดฟันศัตรูอยู่ แต่พลาดพลั้งเกิดหลุดมือขึ้นมา
ก็ยังสามารถควักดาบหรือมีดสั้นที่พกติดตัวมา ก็จะสามารถฟันฝ่า แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างทันท่วงที...
...สรุปว่า ไม่ว่าวิชาในระบบใดล้วนต้องมีปมดี ปมเด่น ปมด้อย ด้วยกันทั้งสิ้นทุกระบบวิชา อยู่ที่ผู้ทำนายจะมีทักษะ ความสามารถ...เพียงพอไหม?
ในการหยิบ ยกหรือควัก - ล้วง เอามาใช้ได้แค่ไหน?...แต่ไม่ควรไปโทษหลักวิชาว่า...วิชานี้ดีกว่าวิชาโน้น...วิชาโน้นดีกว่าวิชานี้...ป่วยการเปล่าๆ ต้องอยู่
ที่ผู้ทำนายแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นครับ...
...วิชาของท่าน อ.พลูหลวงเป็นระบบเกษตรเรือนเดียว...
...ประวัติ อ. พลูหลวง [ น.ณ ปากน้ำ]โดยสังเขป...
...เกิดเมื่อ วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๗๑...
...ต.ปากน้ำ จังหวัดสมุทรปราการ...
...มรณะกรรมวันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๓...
...ท่านมีชื่อจริงว่า...อ.ประยูร อุลุชาฎะ ...ท่าน อ.พลูหลวงเป็นปูชนียบุคคลที่วงการโหราศาสตร์ไทยเรายอมรับในความสามารถของท่าน...ในช่วงที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้ทุ่มเท ทั้งแรงกาย และแรงใจ ที่จะศึกษาวิชา...โหราศาสตร์ในหลายๆแขนง โดยไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะไปที่ศาสตร์ใดศาสตร์หนึ่ง ท่านได้แต่งตำหรับตำรามากมายที่เกี่ยวกับวิชาโหราศาสตร์ โดยตรง...ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อนักโหราศาสตร์รุ่นหลังๆเป็นอย่างมาก...นอกจากนี้ท่านยังสนใจและค้นคว้าเกี่ยวกับศาสตร์เร้นลับต่างๆ
...เรื่องการฝึกจิต ฮวงจุ้ย ดาราศาสตร์และเรื่องโบราณคดี ประวัติศาสตร์ฯลฯ...
...ส่วนตัวผมเองนั้นเมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๕๓๘ ต้นๆปีผมได้เคยโทรไปหาท่าน อ.พลูหลวงที่บ้าน...
[ ตอนนั้นได้เบอร์โทรท่านจากร้านเขษมบรรณกิจ แหม
ก็ผมเป็นลูกค้าที่ซื้อหนังสือโหราศาสตร์จน
หมดร้าน...แถมที่ร้านก็ยังรู้จักกับคุณพ่อของผม...คือ
... พล.ต.ท.ชัยยงค์ ปฏิพิมพาคม อีกด้วย ]
ผมได้ตั้งคำถามท่านว่า "ตัวผมนี่จะเป็นโหรที่ดีได้ไหมครับ ? "
ท่านถามกลับมาว่า"ดาวแบคคัสและดาวพลูโตของคุณอยู่ที่ไหน?"
ผมตอบว่า "อยู่ที่ราศีกรกฏ ภพศุภะครับ "
ท่านก็ถามถึงดาวอื่นอีกทั้งหมด ผมก็บอกท่านไปหมดทุกดวง ...
หยุดไปสักครู่ท่านก็ตอบมาว่า "คุณเป็นโหรที่ดีได้เพราะคุณเป็นคนที่มี
ญาณในการทำนาย"
...ในเมื่อท่านปรมาจารย์โหรบอกเช่นนี้ ผมจึงลุยเต็มที่ในการศึกษาวิชาโหราศาสตร์มาจนปัจจุบันนี้...
...ดวงชาตา ท่าน อ.พลูหลวง...
...ราศีตุลย์...
...โยคเกณฑ์...
๑.ดวงได้เกณฑ์ดอกพิกุล คือมีดาวกุมลัคนาและโยคไปตามลำดับทุกราศี ดาว
พุธกุมลัคน์ ดาวโยคตามลำดับคือ ศุกร์ จันทร์ พฤหัสบดี อังคาร พลูโต เกตุ และเนปจูน...
๒.ดาวได้ตรีโกณและโยค...
๓.ขณะเกิดมีดาวพลูโตและเนปจูน เกตุ อังคารลอยอยู่บนฟ้า ทำให้สนใจในศาสตร์เร้นลับศึกษาค้นคว้าในโหราศาสตร์ และการฝึกจิต ประวัติศาสตร์และโบราณคดี...
๔.ดาวมฤตยูนำหน้าดาวจันทร์กัมมะ จึงสนใจในการค้นคว้า การออกสำรวจศิลปโบราณวัตถุสถานอยู่เสมอเป็นประจำ...
๕.ดาวพุธวินาศนะกุมลัคน์ จึงชอบเก็บตัว ไม่ออกสังคมและ ไม่ยอมเปิดเผยตัว จะมีคนรู้จักก็ในนามปากกาเท่านั้น...
๖.ดาวอังคาร เกตุเล็งดาวศุกร์ตนุลัคน์ ทำให้สุขภาพไม่ดี มักจะเจ็บป่วยบ่อยๆ ...
๗.ดาวอาทิตย์คือ บิดากุมดาวเสาร์ มีดาวมฤตยูตรีโกณถึงเจ้าชาตา จึงมักมีเรื่องขื่นขมเกี่ยวกับบิดา...ประกอบด้วยดาวอังคารบาปเคราะห์ ไปครองภพที่ ๙ คือบิดาร่วมเกตุ จึงมีทุกข์อันบิดามักมีความเห็นไม่ตรงกัน และพลัดพรากกันอยู่เสมอ...
๘.ลัคนาสถิตในนวางศ์แรกราศีตุลย์ เป็นวรโคตมนวางศ์ กุมดาวพุธ พฤหัสบดีเล็ง มีศุกรมหาจักรโยคหน้า เนปจูนคู่ศิลปกับศุกร์โยคหลัง จึงมีชื่อเสียง...
๙.ดาวเกตุเป็นเกษตรในภพที่ ๙ อันเป็นภพเดินทางไกล มีพฤหัสบดีโยคหลัง และเนปจูนดาวลอยในภพที่ ๙ ของดาวศุกร์ตนุลัคน์ โยคหน้า ประกอบด้วยดาวศุกร์ตนุลัคน์ ไปสถิตภพที่ ๓ อันเป็นภพเกี่ยวกับการเดินทางใกล้ๆ เจ้าชาตาจึงต้องเดินทางออกสำรวจค้นคว้าเป็นประจำไปตามจังหวัดต่างๆในประเทศ และเดินทางไปค้นคว้าต่างประเทศด้วย...
...ดาวเสาร์เจ้าเรือนภพที่ ๔ กุมอาทิตย์ ราหูเล็งจึงอยู่ไม่ติดที่ ต้องจากที่อยู่บ่อยๆ ...[ ภพที่ ๔ คือสถานที่อยู่ ] และชีวิตเต็มไปด้วยการเดินทาง...
...ต่อจากนี้ผมจะขยายความให้เข้าใจได้ละเอียดขึ้น...
...ดาว ๖ ตนุลัคน์ยังได้ ตำแหน่งปทุมเกณฑ์ [เกณฑ์มีชื่อเสียง ] ตรีโกณกับดาว ๕ ได้ตำแหน่งราชาโชค...
[ เป็นที่นิยมของนักปราชญ์ ครู อาจารย์ ผู้ทรงศีล ยกย่อง ]
และยังตรีโกณกับดาวเนปจูน [สังคม ปวงชน ] ...
...จึงทำให้ท่านมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับจากปวงชนทั้งหลาย...
...ดูในเรื่องงานของท่าน...
ให้ดูไปที่ดาว ๒ เจ้าเรือนภพกัมมะ [งาน] มี่ดาว ๐ [วิชาโหราศาสตร์ ] เป็นศูนย์พาหะ [นำทาง ] มีดาว
๕ [ครูบาอาจารย์ ] ซึ่งตรีโกณกับดาว ๖ [ศิลป ] โยคหน้าดาว ๒ กัมมะ [งาน ] อยู่ซึ่งสถิตอยู่ในเรือน
ของราหู [ของขลัง ไสยศาสตร์ จิตวิญญาณ ] อยู่ และยังตรีโกณอยู่กับดาว ๓ [กิจกรรม ] ซึ่งมีดาว ๗ [เก่าแก่ ประวัติศาสตร์ ] สถิตอยู่...
...จึงแปลรวมออกมาได้ว่า...
...งานของท่านก็คือ...อาจารย์ค้นคว้าในวิชาโหราศาสตร์ เป็นอาจารย์ในทางศิลป เป็นอาจารย์เกี่ยวกับการฝึกจิต ของขลัง จิตวิญญาณ เป็นนักประวัติศาสตร์และเป็นนักโบราณคดี...
...ที่ีท่านมีความทุกข์อันเกี่ยวกับบิดา...
...ดูจากดาว ๖ ตนุลัคน์ ตัวที่ ๑ ตั้งเป็นลัคนาที่ ๒ ดาว ๑ เจ้าเรือนภพศุภะ [บิดา ] มาอยู่ที่ราศีพฤศจิกภพวินาศ [ทุกข์ใจ ] กุมอยู่กับดาว ๗ [พลัดพราก ] อ่านได้ว่า...
...ท่านจะต้องทุกข์ใจและมักจะต้องพลัดพรากจากกับบิดา...
...ดูจากดาว ๕ ตนุลัคน์ตัวที่ ๒ ตั้งเป็นลัคนาที่ ๓ ดาว ๕ เจ้าเรือนภพศุภะ
[ บิดา + วินาศ [ อึดอัดใจ ] มากุมลัคน์...
...อ่านว่า...ท่านมักจะต้องอึดอัดใจกับบิดาท่าน อย่างง่ายๆ ...
[ดาว ๕ เป็นราชาโชค [ง่ายๆ ]...
ในเรื่อง...ความเห็นไม่ตรงกัน ดาว ๔ [เจรจา ปาก ] เล็งดาว ๕ ปัตนิ [ปัญหา] จากลัคนาแรก และกุมลัคน์ ...[ตัวท่าน ] จากลัคนาแรก...
...ดูจาก ดาว ๓ ตนุลัคน์ตัวที่ ๓ ตั้งเป็นลัคนาที่ ๔ ...ราหูเจ้าเรือนศุภะ [ บิดา ] มาอยู่ที่ราศีพฤษภภพ...วินาศ [ร้อนใจ ขื่นขม ]
...ดาว ๐ [อาเพท ] เจ้าเรือนภพ ศุภะ [ บิดา ] เจ้าเรือนราศีกุมภ์อีกดวง...มาอยู่ภพกัมมะ [กรรม ]
...ดาว ๗ [โทษทุกข์ ] เจ้าเรือนภพ ศุภะ [บิดา ] เจ้าเรือนราศีกุมภ์อีกดวง...มาอยู่ที่ภพอริ [ขัดใจ ]
และดาว ๗ ยังเป็นเจ้าเรือนภพ มรณะ [ อตีตชาติ เนิ่นนาน ] ก็แปลรวมกันออกมาได้ว่า...
...ตัวท่านกับบิดามีความขัดแย้งที่ลงรอยกันไม่ได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้นำพาความทุกข์ระทมใจมาสู่ท่าน...
...คิดว่าน่าจะเป็นกรรมเก่าที่เคยเป็นศัตรูกันมาใตั้งแต่ในอดีตชาติ...
...สรุปสั้นๆได้ว่า...ท่านเป็นนักเขียน...เพราะดาว ๔ หมายถึง งานเขียน ประพันธ์ หนังสือ ศึกษา กุมลัคน์
โหราจารย์...เพราะดาว ๕ สหัชชะ [การศึกษา ]และดาว ๒ กัมมะ [งาน ] บีบดาว ๐ โหราศาสตร์ อยู่ในพื้นดวงชาตาเดิมของท่าน...
...ผมพยายามนำเอาเจ้าเรือนทั้ง ๒ ระบบนำมารวมกันทำให้เกิดความชัดเจนขึ้น
ในการทำนาย...
...พบกันใหม่อีกในสถิติ บทเรียน ในบทความต่อไปนะครับ...สวัสดี...
...คุณความดีของบทความที่ข้าพเจ้าได้ทำมาทั้งหมดนี้ ขอมอบอุทิศส่วนกุศลผลบุญให้แด่...วิญญาณท่านปรมาจารย์โหร อ. พลูหลวง จงได้สถิตอยู่ในภพภูมิที่สูงส่งยิ่งขึ้นไปด้วย...เทอญ...สาธุ...
...คำกล่าวของท่าน อ.พลูหลวง...
"ดวงชาตาไม่ใช่เครื่องชี้ลิขิตว่าคนเหล่านั้นจะชั่วช้าหรือดีไปตลอดชีวิตก็หามิได้ มันยังมีกรรมปัจจุบันอีกที่จะลิขิตดวงชาตาซ้อนดวงชาตาเดิมของตน มิฉะนั้นพระบรมศาสดาก็คงจะไม่ยังเกิดขึ้นมาสอนมนุษย์ ถ้ามนุษย์สารเลวดังดวงชาตาเช่นนั้นจริงๆ การที่มีธรรมะของพระพุทธองค์คอยสั่งสอนมนุษย์เช่นนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่า มนุษย์เราอาจเปลี่ยนจากภาวะที่เลวลงมาสู่ภาวะที่ดีได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับความพยายามและกรรมปัจจุบันของบุคคลนั้นๆ"
...ดวงมหาอุจจ์ ...
...วิชา "โหราศาสตร์ " เป็น ...
" ศาสตร์ + ศิลป +สถิติ + ญาณ + พรสวรรค์ + พรแสวง " ...
...ผู้ใดมีครบทั้ง ๖ ประการนี้ จะเป็นสุดยอดโหราจารย์ ... หรือได้สัก ๒ - ๓ ประการ
...ก็จัดได้ว่าสุดยอดเลยทีเดียว ...
...ศาสตร์คืออะไร ...
...ศาสตร์หมายถึง ความรู้เกี่ยวกับข้อเท็จจริง หรือกฏเกณฑ์ที่ถูกจัดไว้อย่างเป็นระบบเป็นสาขาวิชาหรือสาขาความรู้ ต่างๆอาทิเช่น โหราศาสตร์ ดาราศาสตร์ วิทยาศาสตร์
เศรษฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ ฯลฯ เล่านี้คือกระบวนการที่เป็นกิจกรรมของมนุษย์ที่ทำให้ได้ความรู้ที่สามารถทดสอบและพิสูจน์ได้ ...
...ในโหราศาสตร์เราศาสตร์ย่อมหมายถึงวิชาแขนงหนึ่ง ซึ่งมีคำว่า...โหรา [ กาลเวลา , อดีต + ปัจจุบัน + อนาคต ] + ศาสตร์ [ วิชาการ]
...ประกอบด้วยหลักการหลักๆ ดังนี้ ...
๑. การสังเกตปรากฏการณ์ในธรรมชาติแล้วกำหนดปัญหา
๒. การตั้งสมมุติฐาน
๓. การเก็บรวบรวมข้อมูล
๔. การวิเคราะห์
๕. การสรุปผล
...ศิลปคืออะไร ...
...ศิลปหมายถึง ผลแห่งความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ที่แสดงออกมาในรูปลักษณะต่างๆ ให้ปรากฏซึ่งสุนทรียภาพ ความประทับใจ หรือความสะเทือนอารมณ์ ...
ตามประสบการณ์ รสนิยม และทักษะของบุคคลแต่ละคน เป็นการแสดงออกของผลงานด้านต่างๆที่สร้างสรรค์ ฯลฯ ...ในด้านโหราศาสตร์ศิลปก็คือเทคนิคการ
ทำนายดวงชาตา เทคนิคนั้นก็คือกลวิธีต่างๆ ที่ใช้เสริมกระบานการ ขั้นตอน วิธีการ หรือการกระทำใดๆ เพื่อช่วยให้การทำนายมี คุณภาพและประสิทธิภาพมาก...
ยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังต้องมี ทักษะ ก็คิอ มีความสามารถในการทำนาย มีความชำนาญในการใช้ทฤษฎี และหลักการทุกกระบวนท่าของโหราศาสตร์ สุดท้ายนี้ยังต้อง
มี นวัตกรรม คือ มีแนวความคิดที่สร้างสรรค์ พัฒนา สร้างและคิด ขึ้นมาใหม่ หลักการใหม่ๆ ฯลฯ ...
...สถิติคืออะไร ...
...สถิติหมายถึง ข้อมูล ข่าวสาร เนื้อหา การเก็บข้อมูลที่เป็นตัวอย่างเพื่อนำมา วิเคราะห์ วิจัย ให้เกิดประโยชน์ในภายหลัง...ในทางโหราศาสตร์ก็คือการเก็บสะสมดวงชาตาต่างๆแยกประเภทออกมาว่า ดวงชาตาเสียชีวิตเพราะอะไร...ตายจากโรคอะไร ตายจากอุบัติเหตุอะไร ดวงชาตานั้นรวยได้จากตัวเอง จากการเสี่ยงโชค จากผัวหรือเมีย จากงานจากบิดา - มารดา ฯลฯ ...
...ญาณคืออะไร ...
...ญาณหมายถึง ความรู้คิอการหยั่งรู้ ปรีชากำหนดรู้ มีสัมผัสที่ ๖ มีลางสังหรณ์ที่แม่นยำ รู้ขึ้นมาเองหรือรู้ขึ้นมาจากครูบาอาจารย์ กระซิบบอกกล่าว ...
... ส่วนพรสวรรค์และ พรแสวง ให้ทุกคนไปอ่านที่บทความ คุยกันในเรื่องการเรียนรู้โหราศาสตร์ ... พรสวรรค์และพรแสวงด้านล่างนี้นะครับ ...
... ลิงค์ไปที่บทความ ... คุยกันในเรื่องการเรียนรู้โหราศาสตร์ ... พรสวรรค์และพรแสวง ...
... บทความจาก ... หลักโหรของ อ.ศิวเมษ ... คัดลอกมาจาก เว็บ ... ห้องโหรแว่นทิพย์ ...
สูตรการผสมเรือนชะตา แบบภพผสมภพ
.
... ในวิชาโหราศาสตร์ไทย สิ่งซึ่งเป็นที่นิยมกันมากประการหนึ่ง ก็คือ การแปลความหมายของเรือนชะตาแบบเรือนผสมเรือน หรือภพผสมภพ กล่าวคือ เมื่อพิจารณาเรือนชะตาใด ก็จับเอาดาวเจ้าเรือนนั้นมาพิจารณาว่า อยู่ในเรือนชะตาใด แล้วนำเอาความหมายของเรือนชะตาทั้งสองที่สัมพันธ์กันทางอาศัยเรือนชะตากันนี้ มาจัดเป็นคำพยากรณ์ อาทิเช่น ในการตรวจดวงชะตาดวงหนึ่ง พบว่า มีดาวพุธ ซึ่งเป็นดาวเจ้าเรือนภพปัตนิ ไปอาศัยอยู่ในเรือนกฎุมพะ ก็จะพยากรณ์โดยการแปลความหมายของเรือนปัตนิกับเรือนกฎุมพะผสมกัน หรือเชื่อมโยงกันเป็นความหมายในทำนองว่า "แต่งงานเพราะเห็นแก่ทรัพย์สิน คู่ครองมีทรัพย์หรือเป็นผู้ควบคุมด้านทรัพย์สินของเจ้าชะตา" ดังนี้เป็นต้น ...
ดังนั้น จึงเห็นว่าจำเป็นที่จะต้องหยิบยกเอาความหมายผสมของเรือนชะตาต่างๆทั้ง 12 เรือนชะตา มาจัดทำเป็นสูตรการผสมเรือนชะตาขึ้น เพื่อความสะดวกในการแปลความหมายและออกคำพยากรณ์ ...
หลักการผสมเรือนชะตา การผสมเรือนชะตานั้น มีการผสมได้ 2 แบบ คือ ...
.
1 การผสมแบบเข้าไปอาศัยเรือน (ภพผสมภพ) คือ มีดาวเจ้าเรือนหนึ่งเข้าไปอาศัยอยู่ในอีกเรือนชะตาหนึ่ง เช่น รูปข้างล่างนี้ ...
ลัคนาสถิตราศีมีน มีดาวพุธสถิตราศีเมษ ดาวพุธถือว่าเป็นดาวเจ้าเรือนที่ 7 (ปัตนิ) เข้ามาอาศัยอยู่ในราศีเมษ ซึ่งเป็นราศีที่โหรไทยถือว่าเป็นเรือนที่เรือนที่ 2(กฎุมพะ) ในการผสมความหมายต้องถือเอาเรือนปัตนิ เป็นเรือนชะตาหลัก แล้วผสมด้วยเรือนกฎุมพะ เป็นเรือนชะตารอง
เรือนปัตนิ หมายถึง คู่ครอง การแต่งงาน หุ้นส่วน คู่ความของเจ้าชะตา
เรือนกฎมพะ หมายถึง การเงิน รายได้ อุดมการณ์ ความตายของคู่ครองของเจ้าชะตา
เมื่อผสมกันแล้วก็จะได้ความหมายว่า "แต่งงานเพราะเห็นแก่เงิน เมื่อมีคู่ครองแล้วจะทำให้เจ้าชะตาเป็นคนมีหลักฐานดีขึ้น แต่งงานด้วยอุดมการณ์ คู่ครองมักตายก่อนเจ้าชะตา ฯลฯ " ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะแปลความหมายว่า คู่ครองเป็นคนมีทรัพย์ จริงอยู่ เรือนปัตนิ คือ คู่ครอง เรือนกฎุมพะ คือ ทรัพย์ = คู่ครอง + ทรัพย์ แต่ทรัพย์ คือ เรือนกฎุมพะนี้ ไม่ใช่ทรัพย์ของคู่ครอง หากแต่เป็นทรัพย์ของเจ้าชะตา เพราะทรัพย์นั้น เป็นเรือนที่ 2 จากลัคนา ซึ่งหมายถึงตัวเจ้าชะตา ส่วนเรือนชะตาที่ให้ความหมายถึงทรัพย์ของคู่ครองนั้น มีอยู่ต่างหากแล้ว นั่นก็คือ เรือนที่ 8 ของลัคนา ...
อย่างไรก็ตาม ถ้าจะพิจารณาด้วยความหมายที่ว่า "คู่ครองเป็นทรัพย์" แล้ว ก็อาจจะหมายถึงว่า เจ้าชะตาได้คู่ที่มีทรัพย์ได้เหมือนกัน แต่ทั้งนี้ ท่านต้องรอบคอบพอ โดยการพิจารณาเรือนชะตาที่ 8 ซึ่งเป็นเรือนที่ 2 ของเรือนที่ 7 เป็นการประกอบด้วย เพราะว่า เรือนที่ 8 หมายถึง หลักทรัพย์ของคู่ครองโดยตรง ...
.
2 การผสมแบบดาวเจ้าเรือนหนึ่งทำมุมโยคเกณฑ์กับดาวอีกเจ้าเรือนหนึ่ง ดังรูปข้างล่าง
(ระยะเชิงมุม 0 องศา ดาวศุภเคราะห์ = โยคเกณฑ์ดี , ดาวบาปเคราะห์ = โยคเกณฑ์ร้าย)
EX .1
ดาวศุกร์ เจ้าเรือนที่ 8 (มรณะ) กุมกับดาวอังคาร ซึ่งเป็นเจ้าเรือนที่ 9 (ศุภะ) ในราศีมีน ในการออกคำแปลซึ่งเป็นคำแปลผสมความหมายของเรือนชะตา ต้องถือว่า เรือนชะตาที่ท่านต้องการพยากรณ์เป็นเรือนชะตาหลัก และถือว่า เรือนที่ทำมุมโยคเกณฑ์เป็นเรือนชะตารอง ...
ดังตัวอย่าง มรณะ - ตนุ : ศุภะ - ตนุ
เรือนมรณะ หมายถึง ความสูญเสีย,ความเจ็บป่วย,อุบัติเหตุ,เหตุการณ์ใกล้ตาย,ทรัพย์สินของคู่ครอง
ดาว 6 หมายถึง เรื่องเพศสัมพันธิ์,ความรักและกามารมณ์,การเงิน
เรือนศุภะ หมายถึง ผู้ใหญ่,ผู้ให้ความอุปถัมภ์ช่วยเหลือ,เจ้านาย,หัวหน้า,การเดินทางไกล,การเดินทางไปต่างประเทศ,เกี่ยวกับต่างประเทศ
ดาว 3 หมายถึง การใช้กำลัง ...
Tip 1 : ดาวมรณะกุมลัคน์ ถือว่าเจ้าชะตามีกรรมเก่า ท่านต้องการพยากรณ์ เกี่ยวกับความสูญเสียในเรื่องที่เกี่ยวกับดาวศุกร์ ท่านก็จะต้องจับเอาเรือนที่ 8 เป็นหลัก แล้วใช้เรือนที่ 9 เป็นเรือนชะตารอง ออกคำพยากรณ์ ดังตัวอย่าง อาจแปลได้ว่า "เจ้าชะตาต้องเสียตัวให้กับผู้ใหญ่(อาจเป็นบิดาหรือญาติผู้ใหญ่ก็ได้)ที่ให้ความช่วยเหลือโดยการใช้กำลังบังคับเอา" หรือ "เจ้าชะตาถูกละเมิดสิทธิ์ทางเพศจากเจ้านาย" เป็นต้น ...
Tip 2 : ท่านต้องการพยากรณ์เรื่องเกี่ยวกับความตายหรือเกี่ยวกับทรัพย์สินของคู่ครอง ท่านก็จะต้องจับเอาเรือนที่ 8 เป็นหลัก แล้วใช้เรือนที่ 9 เป็นเรือนชะตารอง ออกคำพยากรณ์ ดังตัวอย่าง อาจแปลได้ว่า "การเงินของคู่ครองมาจากชาวต่างชาติ มีพัฒนาการ...ฯลฯ " ก็อาจตีความได้ว่า คู่ครองของเจ้าชะตาอาจทำงานอยู่กับชาวต่างชาติ หรือทำงานเกี่ยวกับการต่างประเทศ มีรายได้มากขึ้นเรื่อยๆ มีทรัพย์สินมากขึ้น...ฯลฯ เป็นต้น ...
Tip 3 : ท่านต้องการพยากรณ์เรื่องความเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ อาจแปลได้ว่า "เจ้าชะตามักเจ็บป่วยระหว่างการเดินทางไกล" หรือ " เจ้าชะตามักเจ็บป่วยเสมอเมื่อใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศ" หรือ "มักประสบอุบัติเหตุระหว่างการเดินทางไกล" ...
Ex.2
ดาวศุกร์ เจ้าเรือนที่ 8 (มรณะ) กุมกับดาวพฤหัส ซึ่งเป็นเจ้าเรือนที่ 10 (กัมมะ) ในราศีมีน ในการออกคำแปลซึ่งเป็นคำแปลผสมความหมายของเรือนชะตา ต้องถือว่า เรือนชะตาที่ท่านต้องการพยากรณ์เป็นเรือนชะตาหลัก และถือว่า เรือนที่ทำมุมโยคเกณฑ์เป็นเรือนชะตารอง ...
ดัวตัวอย่าง มรณะ - ตนุ : กัมมะ - ตนุ
เรือนมรณะ หมายถึง ความสูญเสีย,ความเจ็บป่วย,อุบัติเหตุ,เหตุการณ์ใกล้ตาย,ทรัพย์สินของคู่ครอง
ดาว 6 หมายถึง เรื่องเพศสัมพันธิ์,ความรักและกามารมณ์,การเงิน
กัมมะ หมายถึง อาชีพการงาน,ฐานะทางสังคม,ผลแห่งการกระทำ,กรรมเก่า
ดาวพฤหัส หมายถึง โชคลาภ,ความสำเร็จ,การขยายตัว,สติสัมปชัญญะ,คุณธรรม ...
ดาวมรณะกุมลัคน์ ถือว่าเจ้าชะตามีบุพกรรมไม่ดี มีดาวพฤหัสกุมอยู่ด้วยถือว่ามีบุพกรรมดี ในอดีตชาติเจ้าชะตาเคยประกอบทั้งกรรมไม่ดีและกรรมดี ดาวพฤหัสช่วยลดความสูญเสียจากการที่มีดาวมรณะกุมลัคน์ ทำให้ความสูญเสียน้อยลง ท่านต้องการพยากรณ์เรื่องความผิดหวังและพลัดพรากจากความรัก ท่านก็จะต้องจับเอาเรือนที่ 8 เป็นหลัก แล้วใช้เรือนที่ 10 เป็นเรือนชะตารอง ออกคำพยากรณ์ ดังตัวอย่าง อาจแปลได้ว่า "เจ้าชะตาถึงแม้ว่าไม่มีโชคในเรื่องความรัก แต่ก็มีโชคดีในด้านการงาน" ...
ในการเลือกความหมายทางพยากรณ์ ท่านจะต้องเลือกความหมายใดความหมายหนึ่งที่เข้ากับสถานการณ์ หรือเข้ากับดวงชะตานั้นๆมาใช้เท่านั้น ตามที่ได้กล่าวไว้ใน "เทคนิคการเลือกคำแปล" ทุกประการ ...
...ถ้าอยากศึกษาโดยละเอียด ไปที่ ห้องโหรแว่นทิพย์ ...http://www.horasaadrevision.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=214669&Ntype=3
...บทความโหราศาสตร์ล้วนๆของ อ.ธนเทพ ปฏิพิมพาคม...http://tanatepastrol.blogspot.com/
สถิติดวงชาตา มีคู่แล้วแยกทางกัน — 29 มิ.ย. 2013, 6:09:01
ดวงชาตาเมียเช่า — 1 มิ.ย. 2013, 5:56:22
พยากรณ์เดือน พ.ค.๒๕๕๖ — 24 พ.ค. 2013, 19:05:50
ความหมายของภพอย่างละเอียด — 19 ก.ค. 2012, 19:23:44
ความหมายของโรคจากดวงดาว — 18 ก.ค. 2012, 14:59:08
โคลงกลอนความหมายเรือนเกษตร — 29 มิ.ย. 2012, 13:32:33
กลไกของโหราศาสตร์ — 12 มิ.ย. 2012, 15:04:22
โคลงกลอนของโหราศาสตร์ — 12 มิ.ย. 2012, 13:04:28
เคล็ดการผสมดาว — 9 มิ.ย. 2012, 13:26:14
ความหมายของภพในโหราศาสตร์ — 7 มิ.ย. 2012, 13:28:21