... พระกริ่งเขมร [ ตั๊กแตน ] องค์บนนี้เป็นของผม ...
... ไม่ได้อยู่ในทำเนียบรุ่นใดๆแต่พุทธคุณสุดยอดครับ ...
... ใต้ฐานองค์พระมีเลข ๑ หมายถึง โอม แต่นูนลอยขึ้นมาจากข้างในไม่ใช่อยู่ใต้ฐานเหมือนทั่วไป ...
... พระคาถาบูชาพระกริ่ง [ ทุกรุ่น ] ...
... นะโม ภควเต ไภษัชยคุรุ ไวฑูรยประภา ราชัยยะ ตถาคตายะ อรหเต สัมมาพุทธายะ ตัทยถา
โอม ไภษัชเย ไภษัชเย ไภษัชเย สมุรคเต สมุรคเต สวาหะ ...
... [ สวด ๓ คาบ ] ...
... พระกริ่งตั๊กแตน หรือกริ่งเขมร ยุคต้น เนื้อสัมฤิทธิ์ เก่าสมอายุ อมเขียวแล้ว ไม่มีสวยกว่านี้แล้ว
เป็นพิมพ์บัวฟันปลา ด้านหลังพระหล่อไม่เต็ม จึงมีการเติมก้น สวยดีแท้ ดูง่าย อยากศึกษาพระแท้ต้ององค์นี้ครับ ...
พระกริ่งตั๊กแตน หรือกริ่งเขมร พิมพ์บัวฟันปลา เนื้อสัมฤิทธิ์ อมเขียว เก่าถึงยุคต้น ไม่มีที่ไหนสวยกว่าองค์นี้แน่นอนครับ ...
... พระกริ่งเขมร [ พิมพ์บัวตุ่ม ] ยุคต้น ...
... พระ กริ่งเป็นพระที่มีการนิยมสร้างขึ้นในประเทศต่างๆ มาแต่โบราณ ตามคตินิยมและความเชื่อถือที่แตกต่างกันไป ซึ่งมีการสร้างกันมานับกว่าพันปีขึ้นไปแล้ว อย่างเช่นพระกริ่งเขมร น่าจะได้รับอิทธิพลในการสร้างมาจากประเทศทิเบต หรือประเทศจีนในยุตต้นๆ แต่ตามลัทธินิยมของเขมรในยุคนั้น จะมีความเชื่อถือในการบูชาเทพต่างๆ เช่นพระพรหม พระอิศวร และพระนารายณ์ ซึ่งมีการเผยแพร่เข้ามาก่อนพุทธศาสนา จึงสันนิษฐานว่าพระกริ่งเขมรที่สร้างขึ้น น่าจะเกิดจากความเชื่อถือและศรัทธาที่ผสมผสานกัน ระหว่างลัทธิพราหมณ์กับพระพุทธศาสนา ซึ่งเชื่อกันว่าหมายถึงพระนารายณ์ที่อวตารลงมา ตรัสรู้เป็นสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อช่วยเหลือมนุษย์ในยามที่เกิดยุคเข็ญ ...
... พระกริ่งเขมรเป็นพระกริ่งนอก ซึ่งได้สร้างแบบหล่อโบราณบรรจุกริ่งในตัว และถูกฝังไว้อยู่ในกรุ แบ่งออกได้เป็นสองยุคคือยุคต้นกับยุคปลาย ซึ่งยุคต้นนั้นมีการสร้างมาราวๆ 700-800 ปีขึ้นไป และยังแบ่งออกเป็นหลายพิมพ์ด้วยกัน โดยแยกแยะกันตามลักษณะของบัวที่ฐาน อย่างเช่นองค์นี้เป็นพระกริ่งเขมรพิมพ์บัวตุ่ม แต่ที่จะมีลักษณะเหมือนกันในทุกๆพิมพ์ก็คือ ที่เม็ดพระศก ลูกประคำ หรือเม็ดบัวที่ฐาน จะเป็นแบบเม็ดปั้นจนเป็นก้อนกลมนูนขึ้นมาอย่างชัดเจน โดยมีขอบฐานที่ลึกเว้าเข้า และที่ข้อศอกนั้นจะอยู่ค่อนไปอยู่ในทางข้างหลัง และหักเข้ามาเป็นแขนในทางข้างหน้า ส่วนที่ใต้ฐานพระนั้นจะมียันต์โอมที่มีลักษณะคล้ายกับเลขหนึ่งไทย ซึ่งหมายถึงคำกล่าวบูชาขึ้นต้นของฤาษี ...
ส่วน ลักษณะของเนื้อพระจะเป็นเนื้อสำริด ในบางองค์ที่แก่เงินมากๆ จะมีสนิมขึ้นจนเนื้อกลับเป็นสีดำ โดยมีสนิมหยกกับสนิมแดงที่ขึ้นให้เห็นอยู่โดยทั่วไป ดังนั้นการศึกษากระแสเนื้อของพระกริ่งเขมร จึงเทียบเคียงอย่างเดียวกับพระบูชา และเนื่องจากเป็นพระที่ถูกฝังกรุ ถ้าพระไม่ผ่านการขัดล้างมาอย่างหนัก จะมีผิวดินขี้กรุติดอยู่แน่นตามซอกลึกๆของพระโดยทั่วไป รวมทั้งคราบเบ้าผิวไฟที่เห็นอยู่ใต้ผิวกรุลงไปอีกชั้น ...
... ด้วยเหตุที่พระกริ่งเขมรเป็นพระที่มีไหลเวียนในตลาดและพบน้อยมาก ปีหนึ่งๆ จะมีเป็นข่าวเช่า
ซื้อใน วงการ ๑-๒ องค์เท่านั้น อีกทั้งมีราคาแพงเป็นที่หวงแหนของผู้ครอบครอง ทำให้การศึกษาเรื่องพระกริ่งเขมรไม่กว้างขวาง คนส่วนใหญ่จะศึกษาจากรูปในหนังสือเท่านั้น ซึ่งไม่ค่อยมีหนังสือเล่มใดเขียนถึงบ่อย จึงมีผู้รู้เรื่องพระกริ่งเขมรน้อยมาก ส่วนการทำปลอมนั้น ฝีมือยังไม่เข้าขั้น การหาองค์จริงเพื่อมาถอดพิมพ์นั้น เป็นเรื่องยาก ...
... พุทธคุณของท่านเด่นมากทางด้าน /มหาอุตม์ /อยู่ยงคงกระพันชาตรี /นิรันตราย /แคล้วคลาดปลอดภัย/เมตตามหานิยม/เป็นเลิศครับ..ที่ดังและแพงขึ้นมาได้ก็มา จากพุทธคุณขององค์พระกริ่งล้วนๆครับ.กรรมวิธีการหล่อจะเป็นงาน(แฮนด์เมด)คือ การปั้น(หุ่นเทียน)เป็นแบบแล้วเททองหล่อออกมาที่ละองค์ดังนั้นจะต้องไม่ มี(พระกริ่งเขมรหล่อโบราณ/ยุคต้น)องค์ไหนที่มีพิมพ์ทรงที่เหมือนกันเป๊ะแบบ ถอดออกมาจาก(บล็อคเดียวกันเป็นอันขาด)ถ้ามีพระองค์ไหนพิมพ์เหมือนกันเป๊ะ ต้องมีของปลอมหนึ่งองค์แน่นอนครับ ...
...หลักเกณฑ์ในการพิจารณารัก ...
... มี นักเล่นเครื่องรางหน้าใหม่จำนวนไม่น้อย ตั้งคำถามกับผู้เขียนว่า “เครื่องรางเล่นยากไหม” สำหรับผู้เขียนเองนั้นตอบได้ทันทีว่าไม่ยากถ้าเรามีหลักเกณฑ์การพิจารณาที่ แน่นอน แต่กว่าที่ผู้เขียนจะตอบคำถามนี้ได้ก็ใช้เวลาพอสมควร หลักเกณฑ์แรกที่ผู้เล่นหน้าใหม่ จะต้องทำความเข้าใจ เมื่อหันมาเล่นเครื่องรางสิ่งนั้นคือ “รัก” เพราะรักจะเป็นตัวแยกของจริง กับของเสริม หรือทำเลียนแบบออกจากกันได้หลักการพิจารณารักเก่า ถ้าจะให้บรรยายก็ยากพอสมควรครับ เพราะการที่จะพิจารณารักเก่าได้นั้น การเห็นรักในแบบต่างๆ เห็นบ่อยๆ และเห็นจากของจริงจึงจะสามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้นครับ เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะครับ เรามารู้จักรักกันก่อน รักเป็นยางไม้ชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นพืชตระกูลเดียวกับ ต้นยาง เป็นไม้ยืนต้นขนานใหญ่ แต่ไม่ใช่ต้นรักที่นำมาร้อยพวงมาลัยนะครับ ต้นรักนี้จะขึ้นหรือเจริญงอก งามดีในอากาศที่มีความเย็นและพบต้นรักเหล่านี้ได้ทางตอนเหนือของประเทศ และในประเทศจีน ...
... หลักการนำมาใช้ก็เช่นเดียวกับต้นยางคือ นำเอายางที่ได้จากลำต้นและกิ่งก้านมาใช้ เมื่อได้ยางจากต้นรักมาแล้วก็จะนำเอามาใช้ทาลงบนไม้ ภาชนะ พระเครื่อง พระบูชา หรือแม้กระทั่งเครื่องรางประเภทตะกรุด โดยสามารถพิจารณาได้จากเครื่องเขินตู้ไม้เก็บคัมภีร์ หรือเก็บบทสวดมนต์ ตลอดจนพระเครื่อง พระบูชาที่แกะสลักจากไม้ พบมากทางภาคเหนือ เนื่องจากหาต้นรักได้ง่าย ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความคงทนถาวร และยังเป็นการรักษาสภาพของวัตถุที่นำรักไปทาหรือชุบไว้ รักถ้ายังไม่ได้ผสมอย่างอื่นลงไปก็จะมีสีเหมือนยางไม้ทั่ว ๆ ไป สีออกใส ๆ อมน้ำตาล ซึ่งเราเรียกรักชนิดนี้ว่า รักน้ำเกลี้ยง ส่วนรักประเภทที่ 2 นี้ เป็นรักนำเข้ามาจากประเทศจีน นำเข้ามาเป็นแท่งยางวรรณะออกแดง ส่วนจะหาอะไรมาเป็นตัวทำละลาย หรือส่วนผสมในเนื้อยางนั้น ก็ได้แต่คาดเดากันไป ซึ่งนั่นก็ไม่ได้เป็นสาระ รักประเภทที่2 นี้ เรียกว่า รักแดง ส่วนรักประเภทที่ 3 นี้ ได้จากต้นรักที่ขึ้นอยู่ทางภาคเหนือของไทย เนื้อยางที่ได้จะออกสีดำ จะเรียกรักชนิดนี้ว่า รักดำ หรือรักล้านนา ซึ่งรักทั้งสามประเภทนี้ จะต้องแยกแยะออกจากกันให้ได้ เพราะธรรมชาติของรักทั้ง 3 ประเภทจะคล้าย แต่ไม่เหมือนกัน ...
... เมื่อ เรารู้แล้วว่ารักทำมาจากอะไร ก็คงง่ายขึ้นในการพิจารณา โดยธรรมชาติของยางไม้นั้นจะมีความเหนียวหนืด และใช้เวลาในการแห้ง (เซ็ทตัว) นานมาก และเมื่อแห้งดีแล้ว จะเกาะยึดติดกับสิ่งของที่เราทา ลงไปได้ดี และมีความคงทน รักเมื่อทาลงไปใหม่ๆ ผิวของรักจะดูขุ่นๆ ด้านๆ แต่เมื่อรักแห้งตัวดีแล้ว ผิวจะมี ความมัน และยิ่งเก่าเท่าไรก็จะยิ่งดูมัน และใสมากขึ้นเท่านั้น (แต่ถ้าพิจารณาด้วย กล้องจะพบว่า มีความแห้ง ย่น และหดตัวทั้งนี้การแห้งจะแห้ง และหดตัวแนบลงบนผิว หา ใช่แห้งลอยๆ อยู่โดยไม่มีการหดตัว) ดังนั้นรักที่เราเห็นว่าเก่าหรือใหม่ ก็ต้องดูจากการแห้ง และหดตัวของรักเป็นสำคัญ และการแตกตัวของรักเก่านั้นจะแตกกะเทาะแบบกระเบื้องเคลือบ ขอบของรอยแตกจะไม่เผยร่อนแบบดินแตกตามท้องนา รักเก่าขอบรอยกะเทาะจะแนบสนิทกับผิวของพระ หรือเครื่องราง แต่ถ้าเห็นรอยแตกของรักเผยอร่อนขอบม้วนออกก็แสดงว่า เกิดจากการเร่งปฏิกิริยาบังคับให้รักแห้ง หรือการอบ รักให้แห้ง เพื่อเป็นการตบตา ในสมัยนี้หาน้ำรักแดงแท้ๆ ยาก ถ้าหาได้ก็ทำให้แห้งได้ยากมาก ทั้งนี้เนื่องจากต้นรักถูกล้มมาทำถ่านหมดแล้ว ส่วนมากเขาจะใช้รักเทียมที่ทำมาจากกระบวนการกลั่นน้ำมัน ดิบ (ปิโตรเลียม) เอาทินเนอร์ล้างก็ละลายออกมาแล้ว แต่ถ้าเป็นรักแท้ๆ ถูกทินเนอร์ก็ไม่เป็นอะไรครับ ...ในปัจจุบันจะมีการทำรักแดงขึ้นมา ฝีมือค่อนข้างจะใช้ได้ทีเดียว แต่ขอกระซิบไว้เบาๆ ว่า ลองดูที่ผิวและการหดตัวของรักดีๆ เพราะเล่นเป็นแท้กันก็เยอะแล้ว ...
... และอีกหนึ่งที่เราต้องนำมาพิจารณานั่นก็คือ กลิ่น กลิ่นจะมีผลต่อการพิจารณารักเก่าเป็นอย่างมาก รักเก่าที่เกิดจากธรรมชาติ เมื่อผ่านวัน เวลามานานๆ จะไม่มีกลิ่น แต่ถ้าเป็นการลงรักใหม่ กลิ่นอันเกิดจากรักใหม่ที่ ยังเซ็ทตัวไม่ดี (ยังไม่แห้ง) จะยังคงมีกลิ่นอ่อนๆ ของรักอยู่ แต่ ทั้งนี้จะต้องแยกกลิ่นของรัก กับกลิ่นของสิ่งแวดล้อมที่พระเครื่อง หรือเครื่องรางนั้นๆ ตั้งอยู่ให้ออกทั้งนี้จะต้องทราบว่าของเก่าแทบจะทุกชนิด โดยเฉพาะไม้แกะ หรือตะกรุดประเภทต่างๆ จะดูดกลิ่นรอบข้างเข้ามาสะสมไว้ในตัวเอง แต่ถ้านำมาผึ่งแดดหรือผึ่งลมกลิ่นนั้นก็จะหายไป ต้องแยกกลิ่นรักเก่ากับรักใหม่ให้ออกนะครับ ...
...ในกรณีถ้าเป็นตะกรุด เชือกจะมีส่วนสำคัญในการเข้ามามีบทบาทช่วยให้การพิจารณาง่ายขึ้น นั่นเพราะเชือกจะมีส่วนในการช่วยให้เราสามารถ พิจารณา เครื่องราง ประเภทที่มีการถักเชือกลงรักได้ง่ายขึ้น ที่กล่าวอย่างนี้ ก็เพราะว่าเชือกที่ใช้ถักตะกรุดนั้น จะมีหลักให้พิจารณาตาย ตัวเลย นั่นก็คือเชือกที่ใช้ถักจะเป็นเชือกป่าน หรือเชือกที่ใช้ถักกระสอบ แต่เป็นเบอร์เล็กกว่า (ย้ำเชือกป่านเพียงอย่างเดียวที่ใช้ถักตะกรุด) ทั้งนี้พอ
จะอธิบายได้ดังนี้คือ เชือกป่านที่ใช้ในบ้านเราสมัยก่อนมี ๒ แบบ คือ แบบแรกไว้ใช้ถักกระสอบ แบบที่สองจะเป็นเชือกป่านเหมือน กัน แต่จะมีขนาด และเส้นผ่าศูนย์เล็กกว่ามากมีเอาไว้ใช้ถักงานจักรสานเล็กๆ ทั้งนี้เชือกป่านแบบที่ ๒ นี้ได้นำเข้ามาจากประเทศจีนและในปัจจุบันนี้ไม่ได้มีการนำเข้ามาในประเทศไทยแล้ว เนื่องจากหาวัสดุอื่น ๆ แทนในงานจักรสานได้แล้ว ฉะนั้นจุดตายในการดูเชือกที่ถักตะกรุด ก็คงไม่ต้องอธิบายมาก ...
... การจะฝึกพิจารณารักเก่าให้ได้คุณภาพ จะต้องพยายามหาพระเก่า หรือเครื่องรางเก่าที่มีการลงรักไว้มาหัดพิจารณา หรืออะไรก็ได้ที่เป็นของ เก่าที่มีการลงรักไว้มาพิจารณาเปรียบเทียบดูหลายๆ อย่าง และเปรียบเทียบกับ ของใหม่ดูก็จะพอเข้าใจได้เองครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้องเกิดจากการเห็นของจริง หรือเกิดจากการฝึกฝนบ่อยๆ จนกว่าจะแยกรักของเก่ากับรักทำเก่าได้ออก เมื่อนั้นการเล่นเครื่องรางของท่านก็จะไม่มีคำว่า " เรืองรางเล่นยากไหม " อีกต่อไป ...
... โดย ศร เครื่องราง ...