Post date: 15 ต.ค. 2009, 6:11:22
... ท่านโหราจารย์ท้าวพิเภกองค์ครู ...
... ๒ องค์บรมครู ...พ่อปู่ ... ท้าวพิเภก ...
... คำว่า" ไหว้ครู " ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้ให้ความหมายไว้ว่า...
..." ไหว้ครู " คือการทำพิธีไหว้ครูบาอาจารย์หมายถึง...
... " ความเป็นผู้รู้ที่สามารถถ่ายทอดความรู้ให้แก่ศิษย์ และสามารถดูแลศิษย์ได้ "
... การไหว้ครูเป็นการแสดงความคารวะยอมรับนับถือต่อครูบาอาจารย์อย่างจริงใจว่า...
... ท่านเพียบพร้อมด้วยคุณธรรมและความรู้ ศิษย์ในฐานะผู้สืบทอดมรดกทางวิชาการ จึงพร้อมใจกันปวารณาตน...
... รับการถ่ายทอดวิชาความรู้จากครูด้วยความ วิริยะ อุตสาหะ มานะและอดทน เพื่อให้บรรลุถึงจุดหมายปลายทาง...
... ดังที่ตั้งใจไว้...
... ดังนั้นจึงต้องมีพระคาถาไว้เพื่อกราบไหว้ครูบาอาจารย์ แสดงความกตัญญูต่อครูบาอาจารย์ที่ล่วงลับไปแล้ว...
... ตลอดทั้งท่านที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน ซึ่้งมีการปฏิบัติสืบทอดกันมาอบ่างยาวนาน...
... ผู้ที่ศึกษาโหราศาสตร์ทุกท่านควรจะต้องกราบไหว้ครูบาอาจารย์ทุกวันซึ่งจะเป็นพระคาถาไหว้ครูโดยตรง...
... ซึ่งจะกล่าวต่อไปในภายหลัง...
...ต่อไปนี้เป็นรายชื่อครูโหรที่ผมได้ศึกษามาจากพวกท่าน : คือ...
๑. อ. พลูหลวง
๒. อ. มหาบรรเทา
๓. อ. ประทีป อัครา
๔. อ. จรัล พิกุล
๕. อ. อรุณ ลำเพ็ญ
๖. อ. ส.ไชยนันท์
๗. อ. จำรัส ศิริ
๘. อ.พันเอก [พิเศษ] เอื้อน มนเทียรทอง
๙. อ. สถิตย์ สถิตยืนยง
๑๐. อ. สิงห์โต สุริยาอารักษ์
๑๑. อ.ศิวเมษ
๑๒. อ.ยอดธง ทับทิวไม้
๑๓. อ.บุศรินทร์ ปัทมาคม
๑๔. อ.เสวก นิ่มวงษ์
๑๕. อ.จรณังกูร
๑๖. อ. ส.แสงตะวัน
๑๗. อ.ฺศ.ดุสิต
... ท่าน อ.เทพย์ สาริกบุตร ...
...พันเอก [ พิเศษ ] ประจวบ วัชรปาน
... คัมภีร์ปาริชาติชาดก ...
... ดาวน์โหลดตามลิงค์นี้ ...http://www.upload-thai.com/download.php?id=da0a4fc001ab3a605fd8617129792a22
...พันเอก [ พิเศษ ] เอื้อน มนเทียรทอง ...
...อ. ส.แสงตะวัน ...
...อ.บุศรินทร์ ปัทมาคม...
...อ.เสวก นิ่มวงษ์...
...อ. อรุณ ลำเพ็ญ...
...อ. จรัญ พิกุล...
...อ. พลูหลวง...
...อ.มานิตย์ ธีระเวชชโรกุล...
พระคาถาไหว้ครู
...นะโม ๓ จบ...
บทที่ ๑. โองการพินธุนาถังอุปปันนัง พรหมาสะหะปะตินามะ
อาทิกัปเปสุอาตะโต ปัญจะปะทุมังทิสวา นะโมพุทธายะวันทะนัง { ๓ คาบ }
บทที่ ๒. สิทธิกิจจัง สิทธิกัมมัง สิทธิการิยะ ตะถาคะโต
สิทธิเตโช ชะโยนิจจัง สิทธิลาโภ นิรันตะรัง
สัพพะกัมมังประสิทธิเม สัพพะสิทธิ ภะวันตุเม { ๓ คาบ }
บทที่ ๓. มะอะอุ อธิกะมูลัง ตรีเทวานัง มหาศาสตรา อุอุ อะอะ มะมะ มันตรา
อุอะสวามหามันตัง มะอะอุโลปะเกเยยยัง อังการะเสวะราชิโน
ตรีนิอักขรานิ ชาตานิ นะโมพุทธายะ วันทะนัง { ๓ คาบ }
บทที่ ๔. เสฏฐันติ ระตะนังโลเก วันทิตะวา ปะการะนัง
อิมังเลขะสมุทยัง ปะริสายะ ยะถาพะลัง { ๓ คาบ }
บทที่ ๕. โอม...นมัสสิตวา นพพระตถา คตธรรมคัมภีร์
นพสงฆ์สิกขา นพอาจารีย์ นพโหราตรี เวทวิทศาสตร์ไสย { ๓ คาบ }
บทที่ ๖. นมัสสิตะวา อิสีสิทธิ โลกะนาถัง อนุตตะรัง อิสีจะพันธนัง
สาตรา อหังวันทามิตัง อิสีสิทธิเวสสะ { ๓ คาบ }
...ผู้ที่เป็นโหราจารย์ทุกท่าน...ควรต้องสวดภาวนาพระคาถาเหล่านี้เป็นนิจศีล...เพื่อเป็นการระลึกถึง...
บุญคุณของครูบาอาจารย์ทั้งหลาย...ในการที่เราได้ศึกษาเล่าเรียนวิชาความรู้มาจากพวกท่าน...
...ประวัติ ท่านอาจารย์ ส.ไชยนันท์ โดยสังเขป...
...นามเดิม นายสวาท ไชยนันทน์
...เกิดเมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๔๖๕ ตรงกับ วันจันทร์ เดือนเจ็ด ปีจอ
...มรณะ วันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๔๐
...นามปากกาว่า ส. ไชยนันทน์, ขุนเถกิงยุทธศักดิ์
...จบการศึกษา ปวส. แผนกช่างก่อสร้าง เมื่ออายุ ๑๗ - ๑๘ ปี
...รับราชการในหน่วยงานกรมชลประทานเป็นอันดับแรก ก่อนที่ชีวิตในด้านการงานจะหักเหอีกมากมาย
...อาจารย์ ส. ไชยนันทน์ ท่านเป็นชาวกรุงเทพมหานคร อาศัยอยู่กับคุณปู่ที่ท่าเกษม (กรมธนารักษ์ในปัจจุบัน) โดยคุณปู่มียศเป็น พระยาไชยนันทน์พิพัฒน์พงษ์ รับราชการเป็นผู้ชำนาญทางด้านโหราศาสตร์ เพื่อถวายคำแนะนำพยากรณ์ดวงชะตา รับราชการใกล้ชิดกับพระเจ้าแผ่นดินซึ่งเรียกได้ว่าเป็นนักโหราศาสตร์รุ่นเก่า คุณพ่อของอาจารย์ ชื่อ ร้อยเอกสาย ไชยนันทน์ คุณแม่ชื่อ นางวงศ์ ไชยนันทน์...
ความสามารถในวิชาโหราศาสตร์อย่างลึกซึ้งของคุณปู่และคุณพ่อที่ท่านซึมซับตั้งแต่เด็ก ได้ฝังลึกลงในก้นบึ้งของหัวใจจนต้องตั้งปฏิภาณว่า สักวันหนึ่ง จะต้องเป็นนักโหราศาสตร์อย่างเต็มตัวเพื่อสืบสานและจรรโลงเพื่ออนุชนรุ่นหลัง เพราะคุณค่าที่ท่านได้พบ ได้เห็น และสัมผัสมานั้น มิอาจที่จะปล่อยให้สาปสูญไปได้...
เปิดสำนักงานพยากรณ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๘ เริ่มสอนโหราศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๑๙
ก่อตั้งโรงเรียนโหราศาสตร์ไทยมาตรฐาน พ.ศ. ๒๕๓๙
นับว่าเป็นความภาคภูมิใจอย่างเหลือล้น ที่ความตั้งใจของท่านประสบความสำเร็จอย่างงดงาม แม้จะเป็นระยะบั้นปลายแห่งชีวิตแล้วก็ตาม เพราะจากปฏิภาณอันแรงกล้าที่จะสืบสานและจรรโลงวิชาโหราศาสตร์ให้คงอยู่คู่ลูกหลานได้นั้น จะต้องยกระดับการศึกษาให้ได้มาตรฐานเหมือนกับนานาประเทศ และ ”โรงเรียน” แห่งนี้จึงเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายที่ทำให้ชีวิตของท่านจบลงอย่างสมบูรณ์แบบ...
...ประวัติท่านอาจารย์ อรุณ ลำเพ็ญ...โดยสังเขป...
...ท่านอาจารย์อรุณ ลำเพ็ญ มีนามปากกว่า "หมอเถา(วัลย์)"...
...เกิดเมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ.๒๔๖๒...
... ปัจจุบันถึงแก่กรรมเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๔...
..."ชีวิตโหรเก่าที่ผมรู้จัก" อรุณ ลำเพ็ญ (พยากรณ์สาร กค.๒๕๒๕ ) ...
ชีวิตโหราศาสตร์ของผมเริ่มต้นมาแต่เด็กวัย ๑๐ ขวบเศษ ผมเกิดและเติบโต จากหมู่บ้านที่ติดกับวัดเชิงเลน (วัดบพิตรภิมุข) บิดาผมคุ้นเคยกับพระรูปหนึ่งในวัดโดยไปมาหาสู่และถวายภัตตาหารเสมอมาผมว่างผมก็ตามบิดามาเล่นบนกุฏิท่านส่วนบิดาก็เสวนาเรื่องโหราศาสตร์ตามที่ท่านชอบกับพระรูปนั้น พอผมหมดเรื่องเล่น ผมก็มานั่งฟังรู้เรื่องมั่งไม่รู้เรื่องมั่งเป็นกิจวัตรประจำ ภิกษุรูปนั้นก็คือ "โหรแดง" แห่งวัดบพิตรภิมุข ผู้โด่งดังในวงการโหรยุคเมื่อ ๕๐ ปีก่อน โหรรุ่นเก่าทุกท่านรู้จัก...
ท่านดีว่า ท่านเชี่ยวชาญในการใช้ดาวใหญ่ คือ เสาร์ ราหู พฤหัส เท่านั้นในการพยากรณ์ ซึ่งเป็นที่แม่นยำน่าพิศวง พอชีวิตเริ่มเป็นหนุ่ม ๒๐ เศษได้เข้าฝึกงานหนังสือพิมพ์ สยามนิกรยุค ซึ่งคุณ โชติ แพร่พันธุ์ (ยาขอบ) เป็นคนคุมหนังสือฉบับนั้น และมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งทำงาน กองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ไทยใหม่ คือคุณจำนง วงศ์ข้าหลวง (ต่อมาท่านได้เป็น นักประพันธ์ผู้มีชื่อเสียงมาก) ผมได้ไปมาหาสู่ จนได้พบนักโหราศาสตร์ท่านหนึ่งในยุค นั้นถือกันว่ามีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก เพราะท่านเขียนเรื่องโหราศาสตร์ไทยไว้เป็นเล่มมาก เล่ม เป็นนักโหราศาสตร์ร่วมยุคกับท่านอายัณโฆษ ใช้นามปากกาว่า "ธงดำ" ผม เรียกชื่อจริงของท่านว่า พี่ชอุ่ม ท่านชอบเสพสุราและผมก็กำลังหัดกินเหล้าจึงถูกชัก ชวนมาร่วมวง ขณะกินเหล้าพี่ชอุ่มมักชอบสาธยายความรู้ทางโหราศาสตร์เสมอ ไม่เอา ใจใส่ก็เหมือนต้องเอาใจใส่ เพราะต้องเอาใจพี่ชอุ่มซึ่งเป็นเจ้าของเหล้า เสวนากันเป็น แรมปี จนบางครั้งเรามาตั้งวงกินเหล้ากันลำพัง พอใครเอ่ยเรื่องดวงเรื่องดาวขึ้นมา มักถูกเรียกเป็นพี่ชอุ่มเสมอ...
ต่อมาได้ย้ายงานหนังสือพิมพ์มาทำอยู่หนังสือพิมพ์ สยายรีวิว ของนายชอ้อน อำพล ผู้เป็นน้าชาย เป็นหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ออกทุกวันเสาร์ ฉะนั้นวันจันทร์ถึง วันศุกร์จึงเป็นวันที่เร่ร่อนเที่ยวไปทุกแห่งเพื่อพบผู้คนมากมายเพื่อหาข่าวมาเขียนใน วันเสาร์ น้าชอ้อนเป็นคนกว้างขวางมีเพื่อนมากได้ไปทุกแห่ง แต่พอตกบ่ายมักจะมา หยุดลงที่วัดยานนาวา ที่กุฏิริมแม่น้ำ อันเป็นกุฏิของพระมหาบุญช่วย เพราะที่นี่เป็นที่ ชุมนุมผู้คนไปมามากหน้าหลายตาทั้งแขกขาประจำและแขกจรได้เรื่องราวมาเขียนมาก พระมหาบุญช่วยก็คือ "ญาณโชติยศาสตร์" นักโหราศาสตร์ซึ่งต่อมาเขียนตำราโหรา ศาสตร์ไว้มากมายหลายเล่ม และนักโหราศาสตร์รุ่นเก่ารู้จักกันทุกคน แขกขาประจำมัก จะมาสนทนาโต้แย้งสนับสนุนกันถึงเรื่องโหราศาสตร์ไทยกันอย่างสนุกสนาน บางครั้ง ร่วมวงกว่า ๑๐ คน ส่วนแขกจรมักเป็นคุณหญิงคุณนาย และผู้ใหญ่ที่มาดูดวงกัน ท่านชอบทายต่อหน้านักโหราศาสตร์อื่นๆ พอทายถูกโดยไม้เด็ดเคล็ดลับ บ้างหัวร่อ เฮฮากันจนคนมาดูอายม้วนก็เคยมีหลายๆครั้ง พอเจ้าตัวกลับไป ท่านก็จะอธิบายดวง โดยนักโหราศาสตร์อื่นๆดูเป็นความรู้ติดตัวไปเสมอ...
ต่อมาผมได้ย้ายบ้านมาอยู่กับน้าชอ้อนที่บ้านถนนข้าวสาร น้าชอ้อนคุ้นเคยอยู่กับ โหรใหญ่ท่านหนึ่ง ผู้ลาออกจากกรมโหรหลวงในขณะที่เป็นรองเจ้ากรมโหรฯ เหตุที่ลา นัยว่าเพื่อหนีตำแหน่งเจ้ากรมโหรฯ เพราะได้รับการทาบทามแล้วแต่ท่านต้องการที่จะ หลีกทางให้เพื่อนรัก คุณพระญาณเวทท่านชอบเสพสุราเป็นนิจ จึงถูกอัธยาศัยกับน้า ชอ้อนเป็นอันดี บ้านท่านอยู่หลังวัดบวรนิเวศน์ ซึ่งห่างจากบ้านผมเพียงถนนเดียวเอง น้าชอ้อนมักมาติดแหมะอยู่บ้านคุณพระญาณเวทตั้งแต่เย็นจนดึกดื่นเสมอ และเมื่อผม ถูกใช้ให้มาตามกลับ มักติดแหมะอยู่ด้วยอีกคน เพราะท่านเป็นคนคุยสนุก ท่านเป็นคน แปลกกว่าผู้มีความรู้ทางโหราศาสตร์ทั่วไป ถ้าไม่ถามเรื่องโหราศาสตร์ท่านก็จะไม่พูด เรื่องโหราศาสตร์เลย แต่เวลาท่านพูดท่านจะพูดและบอกให้อย่างจริงจังและแจ่มแจ้ง ผมชอบเลียบเคียงถามเรื่องโหราศาสตร์กับท่าน มิใช่ประสงค์จะเรียนรู้เอาจริงเอาจัง เพียงแต่ได้สังเกตเห็นว่าคราวใดที่ท่านได้พูดคุยถึงโหราศาสตร์ สีหน้าท่านจะเบิกบาน มีความสุขเป็นอันมาก และสิ่งที่ผมต้องการคือ จดจำขี้ปากท่านไว้สนทนากับวงสนทนา
อื่นแสดงภูมิเท่านั้น ยังมิได้คิดจะเรียนรู้อย่างจริงจังประการใด...
ต่อมาหนังสือพิมพ์สยามรีวิวเลิกไป ผมก็เร่ร่อนแต่ส่วนใหญ่ก็มารวมกลุ่มนักสุรา บาลที่บ้านถนนดำรงรักษ์ อันเป็นบ้านของ ม.ล.บัว มารดาคุณก้าน พึ่งบุญ ณ อยุธยา (ไม้ เมืองเดิม) สมาชิกแต่ละท่านล้วนเป็นนักเขียนชื่อดังทั้งสิ้น เช่น สุมทุม บุญเกื้อ มนัส จรรยงค์ , ยศ วัชรเสถียร , พาณี นานครั้งคุณเลียว ศรีเสวก (อรวรรณ) คุณเหม เวชกร ก็เคยมาร่วมด้วย ขณะนั้นมีสมาชิกใหม่คือคุณสะอาด จันทรกานตานนท์ เป็น ผู้จัดการโรงพิมพ์รองเมือง ชวนให้ตั้งคณะออกหนังสืออ่านเล่น พวกเราจึงตกลงรับ ปากตั้งคณะรองเมือง มีจดหมายแฟนหลั่งไหลเข้ามามาก คุณก้านเป็นผู้ตอบจดหมาย ตั้งนามปากกาผู้ตอบว่า"นายเถาวัลย์" หนักๆเข้าคุณก้านก็โอนให้ผมเป็นผู้ตอบแทน ประมาณปี 2490 เศษ น้าชอ้อน อำพลได้ลงสมัครผู้แทนราษฎรจังหวัดประจวบฯ ความผูกพันที่ผมมีอยู่จึงทิ้งงานไปชั่วระยะหนึ่งเพื่อไปช่วยหาเสียงช่วยน้าชอ้อน นับตั้ง แต่ปิดใบปลิวปิดโปสเตอร์ ปาฐกถาและพูดจาแสดงคารมชักชวน เมื่อเข้าตัวจังหวัด สถานที่ชักจูงคนระดับแนวหน้าของจังหวัดนั้น ที่ไหนก็ไม่เหมาะเท่าวัดของหลวงพ่อ วัดเกาะหลักเพราะศิษย์ของท่านไปมาหาสู่ท่านไม่ขาด ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคนสำคัญของ จังหวัดทั้งสิ้น น้าชอ้อนเคยรับราชการอยู่จังหวัดประจวบ และเป็นศิษย์ของหลวงพ่อ
วัดเกาะหลัก บางครั้งมากินมานอนอยู่ที่วัดหลายวันหลายๆครั้ง ผมก็ได้ติดตามมาด้วย ทุกครั้ง...
บนกุฏิของหลวงพ่อเวลาค่ำลงเหมือนมีงานมหรสพผู้คนไปมามากมาย ส่วน ใหญ่จะเป็นศิษย์ทางด้านโหราศาสตร์และทางธรรม น้ำชากาแล้วกาเล่า หลวงพ่อนั่งบน อาสนะ รายล้อมไปด้วยศิษย์ จำได้ว่าศิษย์ท่านคนหนึ่งคือ คุณอำนวยพร เป็นผู้จัดการ โรงแรมรถไฟหัวหิน เป็นศิษย์โหราศาสตร์มักไต่ถามมากกว่าคนอื่นๆ ท่านก็จะชี้แจงให้ฟังเหมือนครูสอนศิษย์ในชั้นเรียน บรรดาศิษย์ที่สนใจก็จะรุมกันซักสารพันปัญหา ท่านก็จะชี้แจงแตกฉานรอบรู้สมกับเป็นปราชญ์ทางโหราศาสตร์อย่างแท้จริง...
ต่อมาประมาณปี๒๔๙๕ ผมก็เปลี่ยนเข็มชีวิตจากนักเขียนและนักหนังสือพิมพ์เข้าทำงานที่บริษัทนิวอีสต์เอเชีย เป็นบริษัทเดินเรือลำเลียง ผมทำหน้าที่เป็นหัวหน้าชิปปิ้ง การทำงานครั้งนี้ได้พบโหรดังเข้าอีกท่านหนึ่ง คือ "อาจารย์เทอม เสตะกสิกร" ในยุคนั้นท่านดังมาก เพราะผลการพยากรณ์แม่นยำเป็นที่เล่าลือมาก คุณเทอมเป็นโหรสมัครเล่น เข้ามารับหน้าที่ในบริษัทเป็นคนไปติดต่อกรมเจ้าท่าเพื่อตรวจเรือของบริษัท คุณเทอมสามารถทำงานนี้ได้ดีเป็นพิเศษ เพราะอาศัยความคุ้นเคยชอบพอกับคุณหลวงดรณี ซึ่งท่านเป็นผู้รอบรู้วิชาโหราศาสตร์เป็นเอกอีกท่านหนึ่งในสมัยนั้น...
ขณะนั้นท่านมีตำแหน่งนายช่างใหญ่หรือรองอธิบดีกรมเจ้าท่า ผมก็เลือนๆไปบ้าง ตอนนั้นเนื่องจากผมถูกโหราศาสตร์ครอบงำมาก จึงสนใจอาจารย์เทอมมาก เลียบ เคียงจะขอเรียนด้วย แต่คุณเทอมมักปิดประตูหมดจนผมไม่มีโอกาสจนแล้วจนรอดจน ท้อไปเอง คนสุดท้ายนี้ ประหลาดกว่าท่านอื่นๆเป็นอันมาก...... คือ มิได้เป็นทั้งโหร มิได้เป็นหมอดู แต่เป็น ช่างก่อสร้าง...
ในปี ๒๕๐๐ ผมมาดำเนินธุรกิจของตนเอง โดยได้ร่วมหุ้นตั้งบริษัทโรงพิมพ์อำพล พิทยา จำกัด ขึ้นที่บ้านน้าชอ้อน ที่ถนนข้าวสาร จำเป็นต้องปลูกสร้างตัวโรงพิมพ์และ ต่อเติมบ้านผมเองในบริเวณที่ว่างในบ้านใหญ่ มีเพื่อนชักนำช่างรับเหมาก่อสร้างมาให้คนหนึ่ง ท่าทางเป็นคนต่างจังหวัดเต็มตัว
ดูท่าทางขยันขันแข็งดี ทั้งๆที่วัยล่วงเข้า ๕๐ ปีเศษแล้ว ช่างไม้ช่างปูนล้วนแต่เป็นลูก หลานทั้งสิ้น ท่านชื่อว่า "อิน" ผมเลยเรียกว่า ครูอิน...
การก่อสร้างต่อเติมบ้านจำเป็นต้องรื้อห้องหนังสือผมออกเสียก่อน ครูอินแกยืน คุมให้รื้อและช่วยผมยกย้ายหนังสือต่างๆในตู้ซึ่งมีอยู่ร่วมพันเล่ม เมื่อแกได้เห็นหนังสือ โหราศาสตร์ที่ผมสะสมไว้ทั่วทุกสารทิศมีมากมาย แกยิ้มๆถามผมว่า ถ้าคงจะเก่งโหราศาสตร์ ผมตอบแกตามตรงว่า ยังไม่ได้เรื่องอะไรเลย ยิ่งเรียนยิ่งโง่ลงทุกที คิดจะเลิกหลายหน ครูอินกลับซักไซร้ผมว่า เรียนมาทางสายไหน ผมยิ่งงงหนัก ไม่เข้าใจว่าโหราศาสตร์ มีสายมีทางเหมือนทางดนตรีไทยหรือไร ครูอินอธิบายให้ฟังว่าโหราศาสตร์มีหลายสายคือสายทางภาคเหนือ สายทางภาคกลางและสายทางภาคใต้ ส่วนสายทางภาคอีสานมีน้อยมักเป็นเลข ๗ ตัวเสียมาก แต่ละภาคมักจะมีทางเล่นทางพยากรณ์แตกต่างกันบ้างในวิธีการพยากรณ์ ผมชักเอะใจ ครูอินเป็นช่างก่อสร้าง ทำไมดูรอบรู้เรื่องราวของโหราศาสตร์กว้าง ขวางนัก ผมจึงถามเอาตรงๆว่า ครูอินมีความรู้ทางด้านโหราศาสตร์บ้างหรือเปล่า...
แกรับโดยไม่ลังเลเลยว่า เมื่อหนุ่มๆเคยเรียนมาเพราะถูกบังคับให้รับถ่ายทอดจากน้าชายซึ่งขณะนั้นอยู่นครศรีธรรมราช และครูอินท่านมีพื้นเพเป็นคนนครฯ ครูอินท่านว่า เรียนมาแล้วก็มิได้ใช้เป็นกิจลักษณะ นอกจากเข้าวงอับวงรา จำเป็นจึงใช้ ทั้งนี้เพราะท่านไม่ชอบเป็นหมอดู ท่านว่ามักอาภัพไม่ร่ำรวยเหมือนอาชีพอื่น ผมซักไซร้ทุกด้านทุกมุมของโหราศาสตร์เท่าที่ปัญญาและความรู้ที่ผมมีอยู่ขณะนั้น ข้อความที่อธิบายสูงข้ามหัวผมไปทุกเรื่องทุกปัญหา จนผมเองยอมรับว่า ครูอินมีความรู้ความสามารถในวิชาโหราศาสตร์ไทยอย่างเจนจัดแท้จริง ผมเอ่ยปากขอเรียนกับท่าน แต่ท่านไม่รับปากทันทีกลับย้อนถามผมว่า อาชีพผมก็ร่ำรวยแล้ว จะเรียนเอาไปทำอะไร ผมตอบตามจริงว่า เอาไว้ช่วยทุกข์ของคนที่เขามีทุกข์มาจะได้รู้ทันชีวิต...
ครูอินท่านว่า ถ้าความตั้งใจเรียนเป็นกุศลจิตก็พอจะเรียนได้ ท่านรับปากจะสอนให้ จนหมดพุง ส่วนจะดีเลวกว่าทางโหรกรุงเทพหรือเปล่าท่านไม่รู้...
รุ่งขึ้น ครูอินให้ผมจัดธูป เทียน ดอกไม้ อย่างละ ๙ ดอก พากันไปในโบสถ์วัดชนะฯ...
ท่านให้จุดธูปเทียนบูชาพระประธานในโบสถ์ และรับสัจจะทีละข้อ...
๑. อย่านำเอาวิชานี้ไปใช้ในทางทุจริตผิดศีลธรรม ทั้งเพื่อตนเองหรือผู้อื่น
๒. เวลาพยากรณ์ผู้ใด อย่าพึงมี โลภะ โทสะ โมหะ เพราะจะทำให้จิตเอนเอียง จะทำให้พิจารณาผิดพลาด
- โลภะ คือเห็นเขาเป็นเศรษฐีหรือผู้มีอำนาจ หวังได้ลาภยศเกินกว่าควรจะได้
- โมหะ คือมีความหลงผิดในผู้มาให้พยากรณ์ หรือหลงว่าตนเก่ง
- โทสะ คืออย่าเกิดความโกรธ ความเกลียด ความรัก ผู้มาให้พยากรณ์ จะเกิดจิตใจเอนเอียงในคุณในโทษ ทำให้พยากรณ์ผิด
๓. ข้อสุดท้ายเป็นข้อที่สำคัญยิ่งคือ เมื่อดาวพฤหัสเดินครบรอบจากวันที่ผมเรียนนี้ให้สอนถ่ายทอดวิชานี้ไว้แก่ศิษย์ให้จงได้ เพราะวิชานี้เป็นกุศล เมื่อศิษย์คนใดใช้เป็นกุศลแก่ผู้อื่น อาจารย์เก่าต้นตำรับท่านจะได้กุศลด้วยเสมอ การเรียนโหราศาสตร์ไทยกับครูอินครั้งนี้ เป็นการเรียนครบถ้วนกระบวนความทุกประการ กฎเกณฑ์การอ่านดวงเดิมและการพยากรณ์จร อันเป็นวิธีที่วิจิตรพิสดารอย่างมิได้เคยเรียนรู้มาก่อน...
นับแต่นั้นเป็นต้นมา ชีวิตโหราศาสตร์ของผมก็ได้แตกฉานรอบรู้เป็น หมอเถา(วัลย์) ตั้งแต่นั้นได้พยากรณ์แก่ผู้ใกล้ชิดและเพื่อนฝูงเสมอมามิได้ขาด แต่มิได้เป็นหน้าเป็นตา เพราะขณะนั้นผมมีกิจธุระทำโรงพิมพ์ของตนเอง...
โหรเอกคนสุดท้ายที่ได้พบกันคือ คุณประทีป อัครา ผมได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมโหรแห่งประเทศไทย ประมาณปี พ.ศ.2497 แต่มิได้มาสมาคม ต่อมาปี ๒๕๑๒ จึงได้มีโอกาสมาสมาคมบ่อยครั้ง ได้สังเสวนากับคุณประทีป อัครา ก็เป็นที่ต้องอัธยาศัยกันตามประสาเพื่อน...
...ประวัติท่านอาจารย์ จรัญ พิกุลทอง...โดยสังเขป...
อ.จรัญ พิกุล
ประวัติโหราจารย์จรัญ พิกุล
อาจารย์จรัญ พิกุล เกิดเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2466 เวลา 20.10 น. ที่จังหวัดพะเยา (ขณะนั้นเป็นอำเภอในจังหวัดเชียงราย) ท่านเคยให้สัมภาษณ์อย่างอารมณ์ดีว่า "ผมคงเป็นมนุษย์ประหลาดนะ เพราะเป็นคนที่สนใจโหราศาสตร์ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่" (คุณแม่ท่านเคยเล่าให้ท่านฟังว่าขณะตั้งครรภ์มักชอบดูท้องฟ้า) สำเร็จการศึกษามัธยม 6 จากโรงเรียนอำนวยศิลป์ ในรุ่นที่มีสมญาว่ารุ่น "โตโจ" เพราะทางโรงเรียนยุติการสอนและให้นักเรียนรุ่นนี้สำเร็จการศึกษายกชั้น เนื่องจากประเทศไทยถูกญี่ปุ่นบุกในวันที่ 8 ธันวาคม 2484 (ขณะนั้นประเทศไทยเป็นกลางในสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ในที่สุดก็ถูกชักจูงเข้าร่วมสงครามเต็มตัว)
ยุคสงครามเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ชีวิตของท่านต้องสับสนไปด้วย ดังเช่นไม่สามารถศึกษาวิชาแพทย์ให้สำเร็จได้ตามความตั้งใจของคุณพ่อ แต่ก็เป็นช่วงที่เริ่มสนใจโหราศาสตร์และพยากรณ์ศาสตร์แขนงต่าง ๆ นับตั้งแต่ เลข ๗ ตัว ทักษาพยากรณ์ ดวงอีแปะ (ดวงไทยชนิดไม่ใช้สมผุส) การคำนวณปฏิทินสุริยยาตร์ (ภายหลังได้เลิกไปเพราะเห็นว่าปฏิทินสากลตรงกับท้องฟ้ามากกว่า) แม้จะเคยมีนักโหราศาสตร์มีชื่อเสียงท่านหนึ่งชี้หน้าว่า "คุณเรียนโหรไม่ได้หรอก" ก็ไม่อาจหยุดยั้งอาจารย์จรัญได้ โดยเฉพาะความอยากรู้ว่าฝรั่งเขาเรียนโหราศาสตร์กันอย่างไร ในที่สุดได้รบเร้าให้คุณแม่ขายที่ดินถนนระนอง 2 เพื่อไปศึกษาโหราศาสตร์ที่ประเทศอังกฤษ ...
ที่จริงอาจารย์จรัญ พิกุล ก็เหมือนกับอีกหลายท่านที่ปรารถนาจะทำงานมีเงินเดือนประจำแล้วค้นคว้าโหราศาสตร์เป็นงานอดิเรก แต่จะเป็นเพราะดวงหรืออะไรก็ตาม ทำให้ท่านต้องทำงานด้านโหราศาสตร์เป็นหลักมาตลอด ช่วงปี 2502-2503 เมื่อมีชื่อเสียงจากการไปเรียนโหราศาสตร์ที่เมืองนอก ท่านได้เปิด "สถาบันพยากรณ์" และออกนิตยสาร "ดวงชะตา" (เขียนเอง พิมพ์เอง ส่งเอง) และเริ่มศึกษาโหราศาสตร์ยูเรเนี่ยนเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2503 จากหนังสือที่เพื่อน (คุณอุดม ปัทมินทร์ ผู้ล่วงลับไปแล้ว) นำมามอบให้ จนกระทั่งในปี 2515 ได้เชิญอาจารย์ พันโทประยูร พลอารีย์ (ยศขณะนั้น) ซึ่งสำเร็จวิชาโหราศาสตร์ยูเรเนี่ยนโดยตรงจากประเทศเยอรมนี ให้มาเปิดอบรมโหราศาสตร์ยูเรเนี่ยนที่โรงเรียนอาจารย์เกริก สี่แยกคอกวัว ท่านทั้งสองได้กลายมาเป็นเสาหลักสำคัญของวงการโหราศาสตร์ยูเรเนี่ยนในประเทศไทยตลอดมา ...
ผลงานชิ้นเอกของท่าน คือ เมื่อคุณพ่อท่านใกล้จะเสียชีวิตในปี 2521 ท่านได้ค้นพบจานคำนวณสองชั้นสำหรับโหราศาสตร์ยูเรเนี่ยน อันเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้การตรวจค้นจุดอิทธิพลต่าง ๆ 5 พันกว่าจุดได้อย่างสะดวกง่ายดายกว่าจานหมุนแบบเดิมเป็นอันมาก การพยากรณ์อีกแนวหนึ่งที่ท่านให้ความสำคัญมาก คือการพยากรณ์ด้วยการแบ่งวัยตามวงรอบของดาวเคราะห์ต่าง ๆ เช่น ช่วงเวลาที่ดาวอังคาร พฤหัส เสาร์ ฯลฯ โคจรทำมุมกับตัวเองในพื้นดวงเป็นมุม 90 องศา (1 ใน 4 รอบ) 180 องศา (ครึ่งรอบ) 270 องศา (3 ใน 4 รอบ) และ 0 องศา (กุมภ์หรือครบรอบนั่นเอง) เหตุการณ์ดาวจรเหล่านี้มักเป็นช่วงบอกเหตุการณ์สำคัญในชีวิตรวมถึงคุณโทษของดาวนั้น ๆ จากหลักเกณฑ์อันละเอียดของท่าน ทำให้ท่านเป็นนักโหราศาสตร์ที่ใช้คอมพิวเตอร์มากผู้หนึ่ง ทั้งที่อยู่ในวัยชราแล้ว ในบ้านของท่านจะมีคอมพิวเตอร์ตามห้องต่างๆ รวมกันประมาณ 5 เครื่อง แต่ละเครื่องจะมีโปรแกรมโหราศาสตร์ต่าง ๆ ทั้งของไทยและต่างประเทศอยู่หลายโปรแกรม ...
ความเป็นนักค้นคว้าของท่านยังทำให้ท่านเคยสนใจศึกษาความลึกลับของปิรามิดอีกด้วยแต่จะไม่กล่าวโดยละเอียดในที่นี้ เนื่องจากไม่เกี่ยวข้องกับโหราศาสตร์โดยตรง และระยะหลังท่านไม่มีเวลาให้กับเรื่องนี้มากนัก ...
อาจารย์จรัญ พิกุล นับเป็นนักโหราศาสตร์อาวุโสที่ผ่านประสบการณ์มาหลายรูปแบบ ทั้งโหราศาสตร์ไทย สากล และยูเรเนี่ยน เคยสอนและพยากรณ์มาหลายแห่ง มีผลงานเขียนทั้งที่เป็นหนังสือและบทความวารสาร นิตยสาร และหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ มากมาย ซึ่งหากคนรุ่นหลังไปพบผลงานของท่านที่เก่ามากๆ แล้ว ขอให้ใช้ดุลยพินิจสักนิด เพราะอาจเป็นเรื่องที่ปัจจุบันไม่ได้ให้ความสนใจแล้ว เช่น เรื่องดวงกับลายมือ หรือ ดาว Black Moon ฯลฯ และจากการที่ท่านเป็นปูชนียบุคคลของนักโหราศาสตร์ทุกแนว จึงได้รับเชิญไปเป็นเกียรติแก่งานพิธีสำคัญในวงการโหราศาสตร์อยู่เสมอ ทั้งที่ท่านอาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรมากมาย ผลงานประจำปีที่เราอาจพบเห็นอยู่เสมอได้แก่ การร่วมพยากรณ์ในหนังสือ ศาสตร์แห่งโหรประจำปี ของสำนักพิมพ์มติชน และคำพยากรณ์ในโชคชัยไดอารีปัจจุบันท่านไม่ได้รับสอนหรือรับพยากรณ์ประจำไม่ว่าที่บ้านหรือที่ไหน แต่ผู้ที่สนใจจริง สามารถติดต่อท่านทางโทรศัพท์ได้ที่หมายเลข 513-2740 ...
(โรจน์ จินตมาศ เรียบเรียงจากหนังสือ "๗๒ ปีในวังวนแห่งโหราศาสตร์ ข้าพเจ้าได้อะไรบ้าง" พิมพ์เนื่องในวันเกิดอาจารย์จรัญ พิกุล ครบรอบ ๗๒ ปี ๓ ธันวาคม ๒๕๓๘)