ตำนานชาติเวร

ตำนานชาติเวร ดาวประจำวันเกิด

ได้กล่าวถึงตำนานกำเนิดแห่งดวงดาวทั้ง ๘ คือ ๑. อาทิตย์, ๒. จันทร์, ๓.อังคาร, ๔. พุธ, ๕.พฤหัสบดี ,๖. ศุกร์, ๗. เสาร์,๘.ราหู ให้รู้ความการเป็นมาตั้งแต่ครั้งดึกดำบรรพ์ก่อนพุทธกาล อันพอสมควรแล้ว ความจริงดวงดาวทั้งหลายที่ยังมีอำนาจ และมีอิทธิพลในตัวของบุคคลโดยทั่วไปนั้นที่สำคัญมี ๙ ดวง คือ เพิ่มพระเกตุอีก ๑ ดวง และทั้งหมดที่มีด้วยกัน ๑๒ ดวง ซึ่งมีส่วนสำคัญในการดลบันดาล ความเป็นไปในชีวิตแห่งสัตว์โลก อีก ๓ ดวงต่อไป ก็คือ มฤตยู พลูโต และ เนปจูน แต่จะงดไว้ไม่ขอกล่าว ณ ที่นี้ เพราะมีมากด้วยกัน จะทำให้เป็นการก่อเรื่องยาวสาวเรื่องยืด ...

ตำนานชาติเวรและหลักโหราศาสตร์ในเล่มนี้ เกิดขึ้นจากการค้นคว้าจากตำรับตำราโบราณ และได้เรียบเรียงโดยท่านอาจารย์ ส.วรศิลป ซึ่งจะนำเสนอเรื่องราวและตำนานที่มีมาแต่โบราณกาล มาให้ท่านผู้อ่านได้ศึกษาและสนใจ ได้รู้เรื่องหลักเกณฑ์ในการพยากรณ์ การใช้สี เครื่องแต่งกาย และการบูชาพระประจำวันเกิด ตามตำนานโบราณที่ได้บันทึกไว้ ...

หากหนังสือเล่มนี้ ได้อำนวยประโยชน์ให้ท่านผู้อ่านและท่านผู้ศึกษาโหราศาสตร์ ตามความประสงค์แล้ว ทางเราขออุทิศผลบุญกุศลในการเผยแพร่นี้ ให้แด่ ท่านอาจารย์ ส.วรศิลป และท่านปรมาจารย์ โหราศาสตร์ทั้งหลาย ที่ได้กรุณาเผยแพร่ให้วิชาโหราศาสตร์ได้คงอยู่ต่อไปชั่วกาลนาน ...

ทางเราหวังว่า “ตำนานชาติเวร” เล่มนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อท่าน และขอให้ท่านผู้อ่านและท่านผู้ศึกษาวิชาโหราศาสตร์ จงประสบความสำเร็จ สมดังปรารถนาทุกประการเทอญ...

วันต่าง ๆ ที่เราท่านถือเป็นวันเกิดผิดแผกวนเวียนกันไปนั้น มีอยู่ ๗ วันด้วยกัน คือ อาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสบดี ศุกร์ และเสาร์ ส่วนทางโหราศาสตร์เรียกเพิ่มขึ้นไปอีก ๑ ชื่อ คือ ราหู ...

ราหู นั้นถือกันว่าเป็นชื่อวันของบุคคลที่เกิดในเวลากลางคืนของวันพุธ และอำนาจอิทธิพลผิดแผกแตกต่างกันไปตามกำลัง (ซึ่งจะกล่าวให้ทราบต่อไป) ชื่อของวันต่างๆ เหล่านี้มีมาแต่ดึกดำบรรพกาลหลายพันปีมาแล้ว แต่กลับไปเป็นชื่อของดวงดาวนพเคราะห์ต่างๆบนท้องฟ้า ทางวิทยาศาสตร์ ภูมิศาสตร์และดาราศาสตร์ ซึ่งเป็นวิชาที่มีเหตุผลเชื่อถือได้ หากแต่ว่ายังไม่มีใครพิสูจน์ให้เห็นจริงแท้แน่นอนลงไปได้เท่านั้นเอง เพราะว่าการพิสูจน์วิชาโหราศาสตร์นี้ ไม่มีเครื่องทดลองอะไรให้มองเห็น นอกจากการพูด หรือการเขียนเท่านั้น ...

ท่านปรมาจารย์บางท่านก็ได้พิสูจน์ให้ประจักษ์จริงแท้แน่นอน ด้วยการพยากรณ์ล่วงหน้าได้ถูกต้องแม่นยำ ทำความนิยมเลื่อมใสเชื่อถือให้แก่ปวงชนได้ แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยันให้เห็นกันเป็นข้อพิสูจน์ได้เหมือนอย่างวิชาวิทยาศาสตร์ทุกวันนี้ นอกจากจะมีแต่ตัวเลขและหนังสือถือกันเป็นบรรทัดฐานสืบมาเท่านั้นเอง เหตุนี้ จึงมีผู้นำหลักวิชาโหราศาสตร์มาใช้ผิด ๆ พลาด ๆ ทำให้คลาดเคลื่อนกลายเป็นของจริง ไม่แน่แท้แน่นอน จนถูกตำหนิจากผู้ไร้การศึกษาบางคน หาว่าโกหกพกลม ไร้เหตุผล ...

ศาสตร์ทั้งหลายจะไร้ความจริงนั้นไม่มี มีแต่ยังค้นไม่พบ พิสูจน์ไม่ได้ ไม่มีความรู้ ความสามารถทดลองเท่านั้น จึงไม่สามารถจะล่วงรู้ได้และนำวิชาทั้งหลายมาใช้เป็นประโยชน์ได้ เช่น “เมขลาล่อแก้ว” ของคนโบราณ ทำไมนักวิทยาศาสตร์จึงนำมาใช้ให้เป็นแสงสว่างในเวลากลางคืนได้ตามความพอใจของเรา คือ ไฟฟ้า ที่สามารถบันดาลให้เป็นแรงอันมหึมายิ่งกว่าคนได้ตั้งหลายร้อยพันเท่า ฯลฯ นั้น ก็เพราะได้พิสูจน์ทดลองเห็นจริงแท้แน่นอน และนำมาใช้ถูกหลักเกณฑ์ของการทดลองค้นคว้า ...

โหราศาสตร์ เป็นวิชาที่เจริญรุ่งเรืองมานานหลายพันปีแล้ว แต่วิชานี้ เป็นวิชาลึกลับซับซ้อนละเอียดถี่ถ้วนมาก ต้องทดลองกันอย่างถูกต้องตามหลักวิชาจริง ๆ จึงจะพิสูจน์ให้เห็นได้ว่า มีความจริงอยู่เพียงใด ข้าพเจ้าขอให้ท่านใช้ความปรีชาสามารถของท่าน ช่วยกันพิสูจน์ให้เห็นประจักษ์จริงต่อไป ส่วนที่ข้าพเจ้านำมากล่าวเล่าสู่กันฟังนี้ เป็นตำนานของท่านโบราณาจารย์กล่าวไว้ว่า อำนาจอิทธิพลของดวงตาวแต่ละดวงเกิดขึ้นด้วยเหตุใด ทำไมจึงว่าเป็นมิตร และ เป็นศัตรูกัน ข้าพเจ้าขอนำเสนอท่านฯ เฉพาะบางตอนเท่านั้น ดังจะกล่าวต่อไปนี้ ...

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Postjung.com

ตำนานชาติเวรและหลักโหราศาสตร์ในเล่มนี้เกิดขึ้นจากการค้นคว้าจากตำรับตำราโบราณ และได้เรียบเรียงโดยท่านอาจารย์ ส.วรศิลป ซึ่งจะนำเสนอเรื่องราวและตำนานที่มีมาแต่โบราณกาล มาให้ท่านผู้อ่านได้ศึกษาและสนใจ ได้รู้เรื่องหลักเกณฑ์ในการพยากรณ์ การใช้สี เครื่องแต่งกาย และการบูชาพระประจำวันเกิด ตามตำนานโบราณที่ได้บันทึกไว้ ...

หากบทความเล่มนี้ ได้อำนวยประโยชน์ให้ท่านผู้อ่านและท่านผู้ศึกษาโหราศาสตร์ ตามความประสงค์แล้ว ทางเราขออุทิศผลบุญกุศลในการเผยแพร่นี้ ให้แด่ ท่านอาจารย์ ส.วรศิลป และท่านปรมาจารย์ โหราศาสตร์ทั้งหลาย ที่ได้กรุณาเผยแพร่ให้วิชาโหราศาสตร์ได้คงอยู่ต่อไปชั่วกาลนาน ทางเราหวังว่า “ตำนานชาติเวร” นี้ จะเป็นประโยชน์ต่อท่าน และขอให้ท่านผู้อ่านและท่านผู้ศึกษาวิชาโหราศาสตร์ จงประสบความสำเร็จ สมดังปรารถนาทุกประการเทอญ ...





... ๑. พระอาทิตย์ ...

ตามตำนานโหราศาสตร์กล่าวไว้ว่า พระอิศวรเป็นเจ้าได้สร้างพระอาทิตย์ขึ้น ต้องเอาราชสีห์ ๖ ตัวมาเป่าลง แล้วห่อด้วยผ้าสีแดง(Red Rose) พรมด้วยน้ำอมฤต ก็บังเกิดเป็นองค์พระสุริยะทิพย์เทพยาทินกรขึ้น มีกายเป็นสีแดงทรงเครื่องทิพย์อาภรณ์พรายแพรวด้วยแก้วปัทมราช และวิมานสีแดง ทรงบนหลังราชไกรสร (ราชสีห์) เป็นพาหนะ สถิตอยู่ในอิสานทิศ

... ตำนานมีว่า ...

ก. ในกาลครั้งหนึ่ง พระพฤหัสบดีเกิดเป็นอาจารย์ทิศาปาโมกข์ พระอาทิตย์เกิดเป็นมาณพไปเรียนวิชาศิลปะศาสตร์ในสำนักพระพฤหัสบดี อาจารย์ยกนางจันทร์ให้เป็นภรรยา พระอาทิตย์มีความพอใจรักใคร่นางมาก จึงเอานางใส่ตลับทองคำเก็บไว้ในเวลาเข้าป่าหาผลไม้ พระอังคารเกิดเป็นพิทยาธรเข้าไปสมจรด้วยนางจันทร์ในตลับนั้น พระพฤหัสบดีรู้เห็นเหตุการณ์นั้นโดยตลอด จึงทำเป็นปริศนาไว้รอท่าพระอาทิตย์เพื่อบอกเหตุการณ์ ครั้นพระอาทิตย์กลับมาจากป่า เข้าไปหาพระพฤหัสตามปกติ แลเห็นเชี่ยนหมากตั้งแยกกันออกเป็น ๓ ที่ซึ่งทุกทีเคยมีตั้งเพียง ๒ ที่เท่านั้น ก็เกิดความสงสัยจังถามพระอาจารย์ไปตามได้เห็นผิดสังเกต ทุกวันมาพระอาจารย์เคยตั้งเพียง ๒ ที่ มาวันนี้ไฉนจึงตั้งเป็น ๓ พระอาจารย์จึงแจ้งว่า ถ้าเธอใคร่จะรู้ว่าปริศนานั้นมีความหมายกระไร ก็จงไปเปิดตลับดูก่อนเถิด เมื่อพระอาทิตย์เปิดตลับดู ก็เห็นพระอังคาร ก็มีความโกรธแค้นมาก จึงยกพระขรรค์ขึ้นจะฟัน พิทยาธรพระอังคาร ก็จรเหาะขึ้นไปบนอากาศ แล้วกลับเอาพระขันธ์ฟันถูกศีรษะพระอาทิตย์แยก พระอาทิตย์จึงขว้างด้วยจักรไปต้องพิทพยาธรขาขาด ฯลฯ ...

ข. ในกาลครั้งหนึ่งพระอาทิตย์เกิดเป็นวานร พระอังคารเกิดเป็นพราน เมื่อโคทองของนายพรานหาย ก็เที่ยวตามหาในป่า ครั้นไปพบวานรอยู่บนต้นไม้ก็หมายจะเอาเป็นอาหาร จึงได้เอาก้อนดินขว้างขึ้นไปถูกศีรษะวานรแตก ฯลฯ

... ตามหลักการพยากรณ์ ...

การที่ตัวของพระอาทิตย์ ได้ถูกสร้างขั้นด้วยราชไกรสรนั้น จึงมีนิสัยดุร้ายเหมือนกับราชสีห์

กล่าวกันว่า ราชสีห์มีนิสัยดุร้าย รักยศ รักความสวยงาม เจ้าชู้ ถือตัว ปัญญาไว ไหวพริบดี เฉียบขาด โอบอ้อมอารี ใจคอกว้างขวาง กล้าได้กล้าเสีย ชอบความอิสระ มีมานะ ไม่ง้องอนใคร แต่มักเป็นกำพร้า ทั้งพระอาทิตย์เป็นเขยพระพฤหัสบดี ซึ่งเป็นสามีนางจันทร์ เป็นศัตรูกับพระอังคาร (ดังตำนานกล่าวมาแล้ว) ข้อสังเกต ที่กล่าวถึงอุปนิสัยนี้ ก็เพราะธาตุไฟเป็นหลัก และมีสีแดง คือ สีของไฟประลัยกัลป์ นั้นเอง

ตำรากล่าวไว้ว่า ดวงอาทิตย์เป็นดวงดาวสำคัญ ควรเปรียบเหมือนพระราชา ดาวดวงอื่นเปรียบเหมือนบริวาร (ตามหลักวิทยาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และ ดาราศาสตร์) โดยบริวารเหล่านั้น ต้องได้รับอำนาจจากพระอาทิตย์ จึงเป็นดาวบาปเคราะห์ ...

การใช้สีผ้าแต่งตัว

แต่งตัวปัดธำมะราชนั้นระวี จรูญจรัสรัตนมณีแจ่มจ้า แสงจับรับพรรณฉวีแดง (Red Rose) เปล่ง สวมสร้อยสนิทผ้า แต่พื้น พรรณแดง

... พระบูชาวันเกิด ...

คนเกิดวันอาทิตย์ ควรมีพระพุทธรูปปางถวาย พระเนตรบูชา จึงจะมีความสุขความเจริญรุ่งเรืองดี

... ๒. พระจันทร์ ...

ตำนานโหราศาสตร์กล่าวว่า พระอิศวรผู้เป็นเจ้าสร้างพระจันทร์ จากนางฟ้า ๑๕ องค์ โดยร่ายเวทย์ให้นางฟ้าทั้ง ๑๕ องค์ให้ละเอียดลง แล้วหุ้มห่อด้วยผ้าสีเหลืองอ่อน (Light Yellow) แล้วประพรมด้วยน้ำอมฤต ก็บังเกิดเป็นพระจันทร์เทพบุตรขึ้น มีกายสีนวล ทรงเครื่องทิพย์อาภรณ์แก้วประมวลนิวัตร และวิมานแก้วสีมุกดา ทรงอัศวราช(ม้า) เป็นพาหนะ สถิตในบูรพาทิศ ...

... ตำนานกล่าวว่า ...

ก.ในกาลครั้งหนึ่ง พระจันทร์เกิดเป็นคนเข็ญใจ จึงไปขอกู้เงินพระราหู ซึ่งเกิดเป็นคฤหบดีมาทำทุน ครั้นนานเข้า พระราหู คฤหบดี ก็ไปทวงเงินจากพระจันทร์ผู้ยากจน พระจันทร์ยังไม่มีเงินใช้หนี้ จึงได้หลบหนีซ่อนตัวอยู่เสียที่อื่น พระเสาร์เกิดเป็นพ่อค้าเป็นสหายของพระราหู คฤหบดีเดินทางไปค้าขายในที่ต่างๆ เผอิญไปพบที่อยู่ของพระจันทร์เข้า จึงนำความไปบอกพระราหูผู้เป็นสหาย พระราหูจึงไปตามจับพระจันทร์ พระพุธซึ่งเกิดเป็นสุนัขเห็นเหตุการณ์เข้า ก็เกิดความสงสารพระจันทร์ จึงโดดเข้าไปกัดพระราหู พระจันทร์ได้ทีก็หลบหนีรอดพ้นไปได้ ฯลฯ ...

ข. ครั้งหนึ่งในอดีตกาล เศรษฐีหัสวิไสยมีบุตร ๓ คน ครั้นเมื่อถึงกาลมีภรรยาแล้ว บุตรทั้ง๓ คนได้นิมนต์พระมาทำบุญ ครั้งถึงเวลาตักบาตร พี่ชายใหญ่ได้ ขันทองคำ คนรองได้ขันเงิน ส่วนน้องคนสุดท้องไม่มีขันใส่บาตร จึงได้เอากระทายที่ทำด้วยไม้มาเป็นภาชนะ พี่ชายใหญ่ อธิษฐานขอเป็นพระอาทิตย์ส่องโลกกลางวัน ส่วนคนรองขอเป็นพระจันทร์ส่องโลกกลางคืน น้องคนสุดท้องได้ยินดังนั้นก็โกรธ จึงอธิษฐานขอไปเป็นพี่ชายใหญ่ของพระอาทิตย์ และพระจันทร์ ครั้นถึงกาลมรณะแล้ว คนทั้งสองก็ได้ไปเกิดตามความปรารถนาทุกคน น้องชายคนเล็กนั้นได้เกิดเป็นพระราหู จึงเมื่อพระราหูมาพบพระอาทิตย์ก็เกิดเป็นสุริยุปราคา เมื่อราหูมาเยี่ยมจันทร์ก็เกิดจันทรุปราคา ฯลฯ

... ตามหลักพยากรณ์ ...

เมื่อพระจันทร์ถูกสร้างตัวขึ้น ด้วยนางฟ้า ๑๕ องค์จึงมีลักษณะเป็นสตรี มีรูปร่างงดงาม น่ารัก น่าเอ็นดู มีนิสัยอ่อนโยนละมุนละไม เปลี่ยนใจง่าย ขี้หึง แสนงอน ตื่นตกใจง่าย แต่เมื่อถึงคราวกล้า ก็กล้าอย่างน่าพิศวง ช่างประดิษฐ์ ชอบอ่านหนังสือ และรักโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน รักความงาม ศิลปะ ร่าเริง เพลิงพิศวาสแรงเร้า เจ้าเสน่ห์

ตามตำราโหราศาสตร์กล่าวว่า เมื่อผู้ใดลักขณากุมจันทร์ มักจะพยากรณ์ว่า รูปงามใจบุญ อุดมด้วยยศ ทรัพย์สมบัติ

ตามตำราจักรทีปนี คือ ว่าลักขณาปฏิสนธิมีคุณประเสริฐอำนาจอิทธิพลในตัว สามารถช่วยเหลือแล้ คุ้มภัยอันตรายได้

ตำรายังกล่าวว่า เป็นผู้ชอบพอรักใครกับพุธ พุธต้องจันทร์ จันทร์ต้องพุธในดวงชาตาแล้ว ดีมาก พระจันทร์เล่าก็เป็นภรรยาของอาทิตย์ แต่ก็ไม่ถูกกับอาทิตย์ เพราะ

พระจันทร์ทำความชั่วที่เป็นเจ้าชู้กับอังคาร ...

ดังนั้น ถ้าจันทร์กับอังคารร่วมราศีกันเพียง ๒ ดวงมักทำให้เป็นคนเจ้าชู้ มีเสน่ห์ พอใจแต่ในด้านกามารมณ์และมั่วสุมอยู่กับเพลิงสวาท และพระจันทร์นี้เป็นลูกสาว

พระพฤหัส แต่ก็ไม่ถูกกับพระพฤหัส เพราะพระพฤหัสบดีเป็นผู้อยู่ในศีลธรรม คอยเข้าข้างพระอาทิตย์ซึ่งเป็นเขยของตน ที่บอกกับพระอาทิตย์เรื่องจันทร์มีชู้ ด้วยเหตุนี้ พระจันทร์จึงไม่ถูกกับพระพฤหัส ถ้าพระพฤหัสบดี ต้องกับพระจันทร์ หรือพระจันทร์ต้องกับพระพฤหัสบดี มักถูก ตำหนิติเตียนไปในทางไม่ดีไม่งาม จันทร์เกลียดมากก็คือพระราหู เพราะพระราหูรูปไม่งาม และราหูเคยเป็นนายทุนหน้าเลือดของพระจันทร์ ราหูชอบเย้าหยอกจันทร์ ถ้าราหูทับจันทร์ มักเป็นอันตรายแก่เจ้าชาตา จันทร์เป็นดาวศุภเคราะห์

... การใช้สีเครื่องแต่งกาย ...

จันทร์แปลงนุ่งห่ม โขมพัสตร์

แต่งเครื่องสีขาวเหลือง(Light Yellow)จรัส เลื่อมแพร้ว

มุกดาสภาวรัตน์ เยียรดับ

แปลงเปลี่ยนโอบอแก้ว กอบรุ่ง เรือนชู

... พระบูชาวันเกิด ...

คนเกิดวันจันทร์ควรมีพระพุทธรูปปางประทานอภัย (ห้ามสมุทร) บูชาจึงจะมีความสุขความเจริญรุ่งเรืองดี

... ๓. พระอังคาร ...

ตำนานโหราศาสตร์กล่าวไว้ว่า พระอิศวรผู้เป็นเจ้าสร้างพระอังคารขึ้นด้วยมหิงษา (กระบือ) ๘ ตัว ทรงร่ายพระเวทให้ละเอียดลง แล้วห่อด้วยผ้าสีแดงอ่อน ๆ (Cumson Lake) ของแก้วเพทาย แล้วพรมด้วยน้ำอมฤต ก็เกิดเป็นองค์พระอังคารเทพเรืองฤทธิ์ขึ้น มีกายเป็นสีแก้วเพทาย ทรงรัตนโกเมนเป็นอาภรณ์ และมีสีวิมานเป็นทับทิม ทรงราชเกษร (ถวาย) ในหนังสือโลกธาตุว่า ทรงขรราช (ลา) เป็นพาหนะสถิตในอาคเนย์ทิศ ...

... ตำนานกล่าวว่า ...

ก. ในอดีตกาลครั้งหนึ่ง พระอังคาร เกิดเป็นพระยาราชสีห์ กินเนื้อสัตว์กระดูกไปติดขวางคออยู่ ครั้งนั้น พระอาทิตย์เกิดเป็นนกกะใน พระยาราชสีห์ขอความช่วยเหลือ นกกะในก็เจาะคอพระยาราชสีห์ จนทะลุเหวอะหวะเอากระดูกออกมา ...

ข. ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระเสาร์เกิดเป็นไม้สะคร้า พระอังคารเกิดเป็นพญาโปริสาท ออกไปไล่เนื้อ ถูกเสี้ยนไม้สะคร้ายอกเท้า ได้รับความทรมานเจ็บปวดเดือดร้อนมาก ฯลฯ ...

ค. กาลครั้งหนึ่ง พระอังคารเป็นไม้สะเกตถ์ พระราหูเป็นไฟไหม้ไม้สะเกตถ์ ...

... ตามหลักพยากรณ์ ...

ดาวพระอังคาร เป็นดาวบาปเคราะห์ชนิดร้ายแรง สร้างตัวด้วยกระบือ ดังนั้น นิสัยและความรู้ของพระอังคารจึงเหมือนกระบือ(ควาย) มีปัญญาโง่ทึบ อาศัยไดแต่กำลังกาย ฉะนั้นคนวันอังคารจังมักเป็นคนใจแข็ง ใจร้อน โมโหง่าย ใจเร็ว ใจง่าย ใจน้อย โกรธง่าย เข้มแข็ง ฉุนเฉียว มุทะลุ ตึงตัง ทำงานชอบเร็ว แต่เร็วแค่แรกเริ่ม ได้ ทำราชการมักเจริญดีเมื่อตอนต้น ผลสุดท้ายทรุดโทรม ทำลายตัวเอง นิสัยเจ้าชู้ กามราคะร้ายแรง เจ้าชาตามักได้รับความลำบากในทางกามารมณ์ ตามวิสัย มีนิสัยถูกต้อง ชอบพอกับพระศุกร์ เพราะเป็นมิตรกัน นอกนั้นไม่ถูกกับใคร เป็นชู้รักกับพระจันทร์ถ้าถูกพระพฤหัสบดี เสาร์ อาทิตย์ และ ราหูแล้วมักจะให้โทษ แต่ถ้าถูกลัคนา แม้จะเป็นศรีจรมาก็ไว้ใจยากได้เคยพบมาแล้ว ถ้าพูดถึงความกล้าหาญอดทนแล้ว ไม่แพ้ใครง่าย ๆ ไม่เกรงกลัวใคร ชอบตีรันฟันแทง ฆ่ายิง มักวางโต โง่แกมหยิ่ง อยากเป็นนายคน แต่ทำตนไม่สมกับตำแหน่ง ทำไปไม่เท่าไร ก็มักทอดทิ้งกลางคัน อังคารนี้คล้ายกับจันทร์ โกรธง่าย ใจน้อย พรวดพราด แต่ถ้าจรมาต้องกับจันทร์ หรือ จันทร์ต้องกับอังคารก็ดี มักตกใจเสมอ ดาวดวงนี้ ประมาทไม่ได้ เพราะเป็น “เจ้าแห่งสงคราม” นิสัยกล้าหาญอดทน เป็นทหารดี แต่มีโทษะจริตเป็นเจ้าเรือนประจำ ...

... การใช้สีเครื่องแต่งกาย ...

ชมพู (Pink) พรรณฉัตร ใช้อังคารจรัสมณี รัตนประพาษเผือดคล้ำ สารสรรพอลังการงามแผ่ผาดพิศ พิจิตรล้ำเล่ห์เพี้ยงอัปสร ...

... พระบูชาวันเกิด ...

คนเกิดวันอังคารควรมีพระพุทธรูปปางทรงไสยา หรือ พระไสยาสน์ (บางคนที่ถือโชคลาง จัดเห็นพระพุทธไสยาสน์เป็นท่านิพพาน เลยเปลี่ยนใช้พระพุทธรูปท่าพระคันธารราฐแทนก็มี) บูชา จึงจะมีความสุขความเจริญรุ่งเรืองดี ...

...พุธกลางวัน ...

... ๔. พระพุธ ...

พระอิศวรผู้เป็นเจ้า ได้สร้างพระพุธขึ้นด้วยพญาคชสาร ๑๗ ตัว โดยเอามาป่นลง แล้วห่อด้วยผ้าสีเขียวใบไม้ (Green) ประพรมด้วยน้ำอมฤต บังเกิดเป็นองค์พระพุธเทพเทวา สีกายเป็นสีแก้วมรกต และมีวิมานเป็นสีมณี ทรงคชคเชนทร(ช้าง) เป็นพาหนะ สถิตอยู่ในทักษิณทิศ ...

... ตำนานกล่าวว่า ... กาลครั้งหนึ่ง พระพุธเกิดเป็นพญาฉัททันต์ พระอังคารเกิดเป็นนานโสณอุดร เลื่อยงาพญาฉัททันต์ ...

ตามหลักพยากรณ์

พระพุธสร้างกายขึ้นด้วยช้าง จึงมีนิสัยสุภาพอ่อนโยน กริยามรรยาทเรียบร้อย วาจาไพเราะอ่อนหวาน มรรยาทสวยงามน่าเอ็นดู เป็นดาวที่มีวุฒิสูง ฉลาดในเชิงพูด มีลิ้นเป็นนักการพูด เป็น ”เจ้าแห่งวาทะศิลป” มีความคิดละเอียดสุขุม แต่ค่อนข้างจะเอาเปรียบอยู่สักหน่อย มีความละโมบ และมักใหญ่ใฝ่สูง ตกใจง่าย เปลี่ยนความคิดรวดเร็ว ดีในเชิงค้าขาย นายหน้าและผู้ทนในการพูดจาถ้าพุธไม่ดียังเป็นกาลกิณีนำหน้าลักขณาเลยเป็นคนปากคอเราะราญด่าคนง่าย วาจาไม่หวานหู ชอบไปในทางร้องรำทำเพลง การประพันธ์ เต้นรำ แสดงการละครภาพยนตร์ และนาฏศิลปะประเภทต่างๆ ตามประเพณีของบ้านเมืองและสถานที่อยู่ เป็นมิตรกับพระจันทร์เพราะนิสัยถูกกัน ดาวทุกดวงสังเกตดูเกรงใจพุธ ถึงจะให้โทษก็ไม่ร้ายแรง ถึงพุธไปถูกดวงอื่นก็ไม่สู้จะร้อนแรงนัก ถ้าเดินไปร่วมกับอาทิตย์อ่อนแอลง พุธกลับแรงขึ้น ทั้งนี้เพราะพุธมีนิสัยเยือกเย็นมาก เลยทำดวงดาวอื่น ๆ อ่อนโยนตามกันไปด้วย เช่น พุธอยู่ในธาตุน้ำได้อาทิตย์มาต้อง หรืออาทิตย์จรอยู่ในน้ำ พุธมาต้องก็ทำให้อากาศเยือกเย็น บางทีก็มีฝนตก ต้องได้อำนาจพุธมาแก้อาทิตย์ และทัดทานดาวดวงอื่น ๆ เป็นการดีมาก เป็นที่ตั้งแห่งสติ ถ้าพุธอยู่ในที่เสีย เจ้าชาตา มักจะบังคับสติไม่ได้ แต่ถ้าพุธยังดีอยู่แล้ว สติก็ยึดมั่นดีมาก อาจคุ้มภัยให้แก่พวกพ้องวงวารได้ด้วย พุธเป็นดาวศุภเคราะห์ ...

... การใช้สีเครื่องแต่งกาย ...

พัตราภรณ์พุธพื้นเขียว (Green) สรรพสิ่งแฮ ขจีจรัสรัตน์หิรัญเลื่อมแพร้ว มรกตสดสีบรรเจิด เพริดพราย เฮยช้าช้อน อาภรณ์แผ้วเพ่งเพี้ยงพวงตา ...

... พระบูชาวันเกิด ...

คนเกิดวันพุธ กลางวัน ควรมีพระพุทธรูปปางทรงโปรดเวไนย์(อุ้มบาตร) บูชาจึงจะมีความสุขความเจริญ ...

... ๕. พระพฤหัสบดี ...

พระอิศวรผู้เป็นเจ้า สร้างขึ้นจากฤๅษี ๑๙ ตน คือ ทรงร่ายเวทให้กายฤๅษี ๑๙ ตนนั้นละเอียดลง แล้วเอาผ้าสีแสด (Bright Red, Orange) ห่อผงนั้น ประพรมด้วยน้ำอมฤต ก็บังเกดเป็นองค์พระพฤหัสบดีขึ้นมา มีสีกายเป็นสีแก้วไพฑูรย์ ทรงทิพยอาภรณ์ สุวรรณรัตนรูจี แจ่มด้วยมุกดาหาร และมีวิมานเป็นสีบุษรากับทรงมฤคราช (กวางทอง) ในอธิไทยโพธิบาทว์ กล่าวว่าทรงมณฑก(กบ) พระพฤหัสบดี มีมณฑกนั้นเป็นพาหนะสถิตใน ปัจฉิมทิศ ...

... ตำนานกล่าวว่า ...

ก. กาลครั้งหนึ่ง พระพฤหัสบดีเกิดเป็นนกอีลุ้ม พระจันทร์เกิดเป็นเหยี่ยว บินมาจับนกอีลุ้ม นกอีลุ้มจึงหันไปหลบ ซุกซ่อนอยู่ในรอบเท้าโค เหยี่ยวบินโผลงมาปะทะมูลดินแห้งกับรอยเท้าโค อกแตกตาย ...

ข. ในกาลสมัยหนึ่ง พระจันทร์มีความกำเริบเพราะเหตุที่ทำพิธีราชสูระสำเร็จ จึงไปลอบลักพานางดารา ผู้ซึ่งเป็นชายาแห่งพระพฤหัสบดีมา ครั้นผัวติดตามไปขอคืน ก็ไม่ยอมให้ ผลสุดท้ายเลยเกิดรบกันใหญ่ ระหว่างพวกเทวดากับเทวดาที่เรียกกันว่า “เทวาสุรสงคราม” ผลของการรบสงบลงด้วยมีพระพรหมมาห้าม และบังคับให้พระจันทร์ส่งนางดาราคืนให้แก่พระพฤหัสบดี แต่ในในระหว่างที่นางดาราได้ไปตกอยู่กับพระจันทร์ จึงได้เสียกับพระจันทร์จนมีครรภ์กับพระจันทร์แล้ว ภายหลังเมื่อประสูติโอรสออกมา คือ พระราหู ...

... ตามหลักพยากรณ์ ...

พระพฤหัสสบดี เป็นดาวขนาดใหญ่รองลงมาจากพระอาทิตย์ สร้างขึ้นจากพระฤๅษี ตามธรรมดาพระฤๅษีต้องแก่กล้าไปด้วยวิชาอาคม เวทมนต์ ญาณต่างๆ ดังนั้น พระพฤหัสบดีจึงมีอำนาจอิทธิฤทธิ์และอิทธิพลมาก เป็นเจ้าแห่งศิลปวิทยาการทุกประเภท มีศีลมีธรรมอันสูงส่ง ผู้ใดมีพระพฤหัสบดีกุมลัขณา ถือว่าเป็นโกมุท เกณฑ์มีกลิ่นหอม เป็นที่เคารพบูชาของสมณชีพราหมณ์ทั้งหลาย ดาวพระพฤหัสบดีเสมอด้วยพระอิศวร คือเจ้าแห่งดาวนพเคราะห์ทั้งหลาย มีความรู้ความสามรถชำนาญในทางไสยศาสตร์ ไตรเภทต่าง ๆ กอปรด้วยมีใจเมตตากรุณาปราณี โอบอ้อมอารีเอื้อเฟื้อ สุขุมรอบคอบละเอียดถี่ถ้วน ไม่ให้โทษแก่ผู้ใด เพียงแต่ไม่ช่วยเท่านั้นก็พอแล้ว ถ้าได้เป็นศัตรูกับใครแล้วร้ายกาจนัก ถึงกับวอดวายฉิบหายขายตนทีเดียว ...

ผู้ที่มีพระพฤหัสบดีเป็นศัตรู นับว่าเคราะห์ร้ายที่สุด ในการดูดวงชาตาการพยากรณ์ทั้งหลาย ก็ต้องดูพระพฤหัสบดีเป็นลักขณาก่อนอื่นเสมอ มิตรของพระพฤหัสบดีก็คือพระอาทิตย์ เพราะเป็นบุตรเขย ส่วนพระอังคาร พระเสาร์ แ ละ ราหู ใน ๓ ดวงนี้ ถ้าไปต้องกันเข้าเมื่อใด เจ้าชาตามักได้รับความเดือดร้อน แต่ได้ไปถูกพระอาทิตย์ พุธ ศุกร์ ก็จัดว่าดีได้ หากไปกับพระจันทร์ ซึ่งเป็นธิดาแล้ว บิดาสั่งสอนธิดาไม่ยอมเชื่อถ้อยคำของบิดา กลับโกรธบิดา ครั้นบิดาลงโทษทัณฑ์ ก็สงสาร เล่นเอาหนาว ๆ ร้อน ๆ ไปทั้งสองฝ่าย ต่างไม่ลงรอยซึ่งกันและกัน ทำให้เจ้าชาตาเข็ดหลาบไปนาน เพราะจะให้โทษก็ไม่เชิง ให้คุณก็ไม่ใช่ กลายเป็นทุกข์ลาภไปเพราะทำให้สุดแสนจะทนทุกข์ทรมานเดือดร้อน กลุ้มใจ เศร้าโศกาหมองศรีไป พฤหัสบดีนี้โบราณาจารย์ถือกันต่าง ๆ มาจนทุกวันนี้ ถือกันว่าเป็นครู เยาวชนผู้เริ่มเข้าโรงเรียนมักจะตั้งต้นไปเข้ากันในวันพฤหัสบดี บูชาครูกันในวันพระพฤหัสนี้ทุกรายไป แม้ในโรงเรียนต่าง ๆ ทั้งรัฐบาลและราษฎร์ในทุกวันนี้ พอขึ้นปีใหม่หรือเทอมใหม่ มักจะให้เด็กนักเรียนนำดอกไม้ธูปเทียนมาไว้ครูกันเสียครั้งหนึ่งในวันพระพฤหัสบดีนี้ พระพฤหัสบดีนี้เป็นดาวศุภเคราะห์ ...

... การใช้สีเครื่องแต่งกาย ...

แต่งกายพฤหัสบดีล้วนสีเหลือง (เลื่อมปภัสสร) (Light Yellow) ส่งกาญจนประเทืองเทียบแท้ ไพฑูรย์ รัตน์รองเรืองรั้งสฤษดิ์ ผาดผ่าน สังวาลพราวเพ็ชรรัตน์รุ่งเรือง จรัสจรูญ ...

... บูชาพระวันเกิด ...

คนใดเกิดวีนพระพฤหัสบดี ควรมีพระพุทธรูปปางทรงประทับนั่งสมาธิ (โพธิบัลลังก์) บูชาจึงจะมีความสุขความเจริญรุ่งเรืองดี ...

... ๖. พระศุกร์ ...

พระอิศวรผู้เป็นเจ้า ได้สร้างพระศุกร์ขึ้นจาก คาวี (ในอธิไทยโพธิบาทว์ กล่าวว่า สร้างด้วยนาค “ศุกรนาค แปลงนามอินทร์ชุบขึ้นแฮ” ในหนังสือเคล็ดลับโหราศาสตร์กล่าวว่า สร้างจากพิทยาธร หรือ คนธรรพ์ทั้ง ๓ อย่างนี้ จะสร้างขึ้นด้วยอะไรแน่ ขอให้เป็นการพิสูจน์จากท่านผู้รู้ทั้งหลายคิดเองเถิด) ๒๑ ตัวโดยร่ายพระเวทให้โค ๒๑ ตัวนั้นป่นละเอียด แล้วห่อด้วยผ้าสีน้ำเงินหรือสีคราม(Light indigo Blue) ประพรมด้วยน้ำอมฤต ก็บังเกิดเป็นองค์พระศุกร์เทวาขึ้น มีกายเป็นสีประภัสสร ทรงนิราภรณ์ เลื่อมประภัสสรโอภาส และมีวิมานเป็นสีทอง ทรงโคศุภราช(วัว) เป็นพาหนะ สถิตในอุดรทิศ ...

ตำนานกล่าวว่า

ในกาลครั้งหนึ่ง พระศุกร์เกิดเป็นรุกขเทวดา พระอังคารเกิดเป็นกบ พระเสาร์เกิดเป็นงู วันหนึ่งงูไล่กบมา กบโดดหนีเข้าอาศัยโพรงไม้ที่รุกขเทวดาอยู่ เทวดาเห็นงูไล่กบมาก็ออกยืนขวางทางกั้นทางไว้ งูจึงมิอาจไล่กบเข้าไปได้ กบก็รอดจากความตาย ...

... ตามหลักพยากรณ์ ...

พระศุกร์นี้ ตามตำราอื่นหรือโหราจารย์โดยมากกล่าวว่า สร้างจากคาวี (โค) ดังได้กล่าวไว้ที่เชิงบาทแล้ว แต่ตำรานี้อธิบายว่าสร้างจากพิทยาธรหรือคนธรรพ์ อันลักษณะของพิทยาธรนี้ ชาวเรามีใครพบหรือเห็นรูปร่างหน้าตาแม้แต่ประการหนึ่งประการใดเลย นอกจากจะได้อ่านพบในหนังสือต่างๆ ดังนั้น จึงมิใช่มนุษย์หรือเทวดา แต่คงเข้าใจเอาเองว่า เหาะเหินเดินอากาศได้อย่างเทวดา เสพย์นารีผลเป็นภรรยา พิทยาธรผู้หญิงเรียกว่า “พิทยาธรี” ตามปทานุกรมแปลว่า ผู้ทรงวิชา หรือ มิวิชากายสิทธิ์ ฉะนั้น จึงเป็นผู้ชำนาญพระเวทย์ ไม่แพ้พระพฤหัสบดีเท่าใดนัก จะน้อยกว่าที่กำลังญาณเท่านั้น แต่เป็นอาจารย์ของพวกอสูรหรือพวกมานพ จึงเป็นพวกชนิดนักเลง หรือ ฝ่ายพาล ชอบทางกามคุณ จึงถือกันว่าเป็นราคะจริตไปด้วย เป็นพระเจ้าแห่งความรัก ความสวยงาม และ สันติภาพ และทำให้มนุษย์มีนิสัยสุภาพ สงบเสงี่ยม รักสวยรักงาม มัชฌิมา ปฏิปทา ถ้าจะดูโภคสมบัติให้ดูศุกร์ ขอให้สังเกตดูในเรื่องเกษตร ห้องศุกร์ ถ้ามีเสาร์หรือราหูมาอาศัย ก็ทำให้มีอิทธิฤทธิ์ขึ้นได้ ฉะนั้น จึงเป็นที่นับถือของฝ่ายต่ำ หรือ พาล ผู้ใดกุมศุกร์มักมีกามราคะแรง มีเนื้อคู่มากเพราะไม่ค่อยเลือก โวหารการพูดดีมาก มีสัจจธรรมเหมือนกัน และชอบกับดาวพระเคราะห์อื่น ๆ แทบทุกดวงคล้ายกับพุธ ไม่ถือตน ไว้ยศกับผู้ใด เว้นแต่ถ้าใครพาลก่อนจึงจะให้โทษ ฉะนั้น เวลาราหูเสาร์มาถูกก็ให้โทษ ไม่สู้ร้ายแรงนัก ส่วนที่เกี่ยวข้องกับพระอาทิตย์ก็เป็นกลาง ๆ ที่ร้ายก็มีที่ดีก็มี เพราะว่าพระอาทิตย์ถือยศไว้ตัว นิสัยไม่กินกับศุกร์ แต่ถึงคราวดีก็มีคนกุมศุกร์ ถ้าอาทิตย์ไปเข้าก็ยิ่งทำให้กามราคะแรง ถึงได้ศุกร์ทุกข์เหมือนกัน ชอบในทางกามารมณ์เป็นราคะจริตก็จริง แต่มีศรัทธาจริตรวมอยู่ด้วย พูดถึงดาวในอากาศ ฝ่ายโหราจารย์กล่าวว่า ดาวรุ่งที่ขึ้นตอนเช้ามืดนั้น คือดาวพระศุกร์ มีข้อสังเกตว่า ดาวพระศุกร์รวมกับดาวพระอาทิตย์ในดวงพอเต็มหนุ่มสาวมักได้แต่งงานกันแต่แรกรุ่น ถึงศุกร์กับพระอาทิตย์จะเป็นคู่สมพงศ์ก็ส่งไปตามอิทธิพล หากไปถูกคนเกิดวันอาทิตย์ดังนี้ ให้เห็นผลเป็นคนขี้เหนียว แต่คนอดอยากด้วยกาลกิณีร่วมด้วยกัน ด้วยเหตุที่ให้คุณมากกว่าโทษ ทางโหร จัดเป็นดาวศุภเคราะห์น้อย รองจากพระพฤหัสบดี ...

... การใช้สีเครื่องแต่งกาย ...

วันศุกร์ประสารจัดระจิตร์ไว้สีน้ำเงิน (Light indigo Blue) พิพิธพัตราส่งสรรพแช งามเงื่อนเตือนเนตร ให้แต่งตังตลึงหลง ...

... บูชาพระวันเกิด ...

คนใดเกิดในวันศุกร์ ควรมีพระพุทธรูปปางทรงพระรำลักถึงพระธรรม (พระรำพึง) บูชา จะมีความสุขความเจริญรุ่งเรืองดีขึ้น ...

... ๗. พระเสาร์ ...

พระอิศวรผู้เป็นเจ้า สร้างพระเสาร์ขึ้นจากพยัคฆ์ ๑๐ ตัว โดยร่ายพระเวทให้เสือนั้นป่นลง แล้วจึงห่อด้วยผ้าสีดำ (Dark Brown Sehia) ประพรมด้วยน้ำอมฤต ก็บังเกิดเป็นองค์พระเสาร์เทวราชขึ้น มีสีกายเป็นสีคล้ำ ทรงรัตนนิลเป็นทิพยอาภรณ์ มีวิมานเป็นสีมรกต ทรงพยัคฆ์ราช (เสือ) เป็นพาหนะ สถิตในหรดีทิศ ...

... ตำนานกล่าวว่า ...

ในกาลครั้งหนึ่ง พระเสาร์เกิดเป็นนาคราช พระอังคารเกิดเป็นอาลัมพายน์ (หมองู) จับเอาพญานาคไปเที่ยวเร่แสดงให้คนดู ให้ได้รับความลำบากแก่ตัวยิ่งนัก ฯลฯ ...

... ตามหลักการพยากรณ์ ...

พระเสาร์เป็นดาวขนาดใหญ่ รองจากพระพฤหัสบดี และสร้างด้วยเสือ ดังนั้น จึงมีใจดุร้ายดัง พยัคฆ์ราช รักษาเกียรติยศ (อดอยากเยี่ยงอย่างเสือสงวนศักดิ์) ระวังภัยมาก มีในเป็นพาลมีทิฏฐิมานะกล้าหาญ ชอบคบพาล และ นักเลงโต ชอบการตีรันฟันแงต่อสู้ คล้ายพระอังคาร รูปไม่งาม แต่ท่าทางผึ่งผายองอาจ เป็นที่เกรงขามของเหล่าศัตรู ชอบอยู่เพียงเงียบ ๆ ขรึม รักความสันโดษ แก้ตัวคล่องแคล่วว่องไว เอาตัวรอดได้ดี หึงหวง กล้าได้กล้าเสีย ถ้ามียศถาบรรดาศักดิ์ มักข่มเหงผู้น้อย ดุร้าย แต่ผู้เป็นนายรักใคร่ชอบพอ จะทำสิ่งใด ก็รอบคอบ สุขุม ยั่งยืนถาวร สติปัญญาหลักแหลม ไม่ยอมเสียเปรียบใครได้ง่าย ๆ ถ้าเสียเปรียบใครแล้วมักผูกพยาบาทไม่หาย เข้าใจรักษาตัว ตรงไปตรงมา เฉียบขาด เหมาะสมกับเป็นหัวหน้า หรือผู้นำคณะ เป็นคนที่เต็มไปด้วยเล่ห์กลมรรยาท นอกจากราหู แล้วก็ไม่ยอมเป็นมิตรกับใคร ยิ่งอังคารด้วยแล้ว เป็นศัตรูกันอย่างออกหน้าออกตา ไม่ใคร่ชอบการศึกษาและการเล่าเรียน แต่มีปฏิภาณดี โกรธง่ายหายเร็ว เป็นเจ้าแห่งการกสิกรรมและอารยธรรม มีความมานะบากบั่นอดทน และบึกบึนเป็นที่หนึ่ง โหราจารย์ชาวฝรั่งและชาวอินเดีย มีความขยาดเกรงกลัวดาวดวงนี้นักหนา โหราจารย์ก็มักพยากรณ์โทษทัณฑ์ทุกข์โศก ฯลฯ ด้วยเสาร์นี้ ได้เป็นกาลกิณีตกในเรือนวินาศน์ ก็พันห่วงไปเทียวพระเสาร์เป็นดาวบาปเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุด ...

... การใช้สีเครื่องแต่งกาย ...

วันเสาร์ม่วงสีอ่อน (Light Purple) งามเพราเพริศพริ้งอาภรณ์ พิจิตรเฉลาฉลักสุพรรณแฮ นิลมณีรัตน์กลิ้งกรอกน้ำ สล่ำสลัว ...

... บูชาพระวันเกิด ...

คนเกิดวันเสาร์ ควรจะมีพระพุทธรูปปางพระนาคปรกบูชา จึงจะมีความสุขความเจริญรุ่งเรืองดี ...

... ๘. พระราหู ...

พระอิศวรผู้เป็นเจ้า สร้างพระราหูขึ้นโดยใช้ศีรษะผีโขมด ๑๒ ตัวมาป่นลง แล้วประพรมด้วยน้ำอมฤตก็บังเกิดเป็นองค์พระอสุรินทรเรืองฤทธิ์ (ดำสลัว) (Dark) ทรงทิพยสุวรรณแสงสีใสสะอาด และมีวิมานเป็นสีนิลมีมหาสุบรรณราช(ครุฑ) เป็นพาหนะ สถิตในทิศพายัพ ...

... ตำนานกล่าวว่า ...

ในอดีตปฐมกาลล่วงมาแล้ว พระอาทิตย์เกิดเป็นพญานาค พระพฤหัสบดีเกิดเป็นพระอินทร์ พระเสาร์เกิดเป็นพญานาค และพระอังคารเกิดเป็นพญาราชสีห์ ดำริห์พร้อมใจกันจะสร้างสระน้ำ ไว้ให้เป็นที่อาศัยแก่มนุษย์ และ เทวดา จึงพากันไปปรึกษาพระราหู พระราหูว่า เราไม่ได้อาศัยน้ำ และ แผ่นดินนั้นด้วย แต่นั้นมา เทวดาทั้ง ๔ ก็เคียดค้นต่อพระราหู ครั้นประชุมกันสร้างมหาสระชื่อว่า “สุรามฤต” เสร็จแล้วก็คิดอ่านช่วยกันรักษา ฝ่ายพระอินทร์ รักษาทางด้านเขาพระสุเมรุ พระยาครุฑรับรักษาทางด้านเขาสตบริภัณฑ์ พระยาราชสีห์รับรักษาทางป่าหิมพานต์ พระยานาครับรักษาทางดานมหาสมุทร อยู่จำเนียรกาลนานมาเกิดพิบัติเหตุวันหนึ่งพญาครุฑไล่จะจกกินพญานาค พญานาคหนีไปพึ่งพระราหู ขอร้องให้ช่วยชีวิต พระราหูเห็นดังนั้น จึงตวาดว่า เหวยครุฑใจบาป เอ็งมาไล่พวกข้าทำไม พญาครุฑตอบว่า นาคนี้เป็นอาหารของเรา พระราหูก็โกรธทะยานเข้าวิ่งไล่ พญาครุฑก็แล่นหนีไปพึ่งพระอินทร์ พระราหูมิอาจไล่เข้าไปได้ ก็หยุดอยู่ และเกิดกระหายน้ำเป็นกำลัง จึงลงไปกินน้ำในสระสุรามฤต พระอินทร์เห็นดังนั้น ก็ขว้างจักรไปถูกกายพระราหูขาดสองท่อน เดชะอำนาจที่ได้ดื่นน้ำสุรามฤต จึงมิตาย ...

... ตามหลักพยากรณ์ ...

พระราหูสร้างด้วยศีรษะผีโขมดป่า ดังนั้น นิสัยจึงเป็นผี คือ ชอบกินเครื่องเซ่น เช่นกุ้งพร่า ของยำ และ อาหารชนิดสุก ๆ ดิบ ๆ นอกนั้นยังชอบเครื่องดื่มมึนเมาทุกชนิด เช่น กัญชา ยาฝิ่น เป็นต้น นิสัยคล้ายคลึงกับพระเสาร์ โหราจารย์บางคนใช้พระเสาร์พยากรณ์แทนก็มี ซึ่งไม่ใคร่ผิดจากกันเท่าใดนัก พระราหูเป็นสหายรักสนิทกับเสาร์ และนอกจากเสาร์แล้ว ราหูไม่ยอมคบหาสมาคมกับพวกดาวพระเคราะห์ใด ๆ เลย มีนิสัยชอบยอชอบสรรเสริญ ชอบฟังเสียงที่เพราะเสนาะหู เช่น ดนตรี และความรื่นเริงบันเทิงใจเป็นที่สุด โกรธง่ายหายเร็ว ใจคอบึกบึน องอาจ กล้าหาญ ไม่เกรงกลัวสิ่งใด แต่ถ้ายอมกลัวแล้ว ก็ยอมอย่างราบคาบจริง ๆ ชอบผจญภัย เป็นประมุขของเหล่าพาล ขึ้นชื่อนักเลงแล้วเป็นของราหูทุกชนิด ลงได้รักก็รักจนหลง ลงได้เกลียดใครก็เกลียดไม่รู้หาย ทำนองพวกอสุรยักษ์ ตามพยากรณ์บางแห่งเรียกอสุราก็มี ถือว่าเป็นยักษ์เอาทีเดียว ตามอิทธิฤทธิ์ของดวงดาว ถือว่าราหูคือธาตุลมพายุ มีลักษณะร้ายแรง สิ่งใดที่กีดขวางต้องวินาศไปหมด ถ้าราหูให้ร้ายแม้จะกำเนิดในตระกูลเศรษฐีอันอุดมไปด้วยทรัพย์ ก็ล้างผลาญเสียมิให้เหลือหลอ แม้นราหูจะเป็นตัวดี หากกุมลักขณาก็ยังข่มขี่ให้ซวดเซไปในอารมณ์แปลก ๆ ได้ ราหูเมื่อผลาญได้เท่าใด ก็อาจสามรถที่จะช่วยทำคุณให้รวดเร็วดุจกัน ดังคำกล่าวว่า “ให้คุณอนันต์โทษมหันต์” สามารถช่วยตนเอง แล้วยังช่วยผู้อื่นได้ด้วย ...

อนึ่งราหูนี้ ตาม ตำนาน กล่าวว่า เคยไปลักน้ำทิพย์กิน ถูกขว้างด้วยจักรตัวขาดครึ่งท่อน อาศัยที่ได้กินน้ำทิพย์ จึงมิตาย ฉะนั้นราหูจึงมักมีโรคประจำท้องเสมอ ตามมหาทักษากล่าวว่า เมื่อราหูเสวยอายุนั้นร้ายกาจนัก เท่าที่ได้สังเกต มักป่วยตั้งแต่สะดือลงมาถึงหัวเข่าในร่มผ้า มักจะเป็นโทษของราหูดุจกัน ไม่รู้จักอาย และเกรงใจใคร คือความคิดเห็นของตนเป็นใหญ่ เจ้าโวหารเล่นลิ้นผิดผันด้วย ถ้าหากราหูนำหน้าลัคขณาแล้วมีเสาร์ตามหลัง หรือมีเสาร์ตามหน้าราหูตามหลังแล้ว ใน ๒ ประการนี้มีแก่ผู้ใด ผู้นั้นมักมีนิสัยกล้าหาญ ไม่เกรงกลัวอันตรายใด ๆ ทั้งสิ้น แม้กระทั่งความตาย ตัวอย่างเช่น ในดวงพระราชสมภพของสมเด็จพระนเรศวรของเราทำนองนี้ ยอมปล้นค่ายอย่างทหาร เอาพระชนม์ชีพเข้าแลก จนประสบชัยชนะ แต่ถ้าเสาร์ราหูเล็งกันแล้ว เจ้าชาตามักตายด้วยอาการรวดเร็ว แม้เจ้าชาตาจะสูงอายุ ราหูก็ยังทรงอำนาจ แม้จะเป็นดาวพระเคราะห์ที่ต่ำกว่าดาวทั้งหลาย แต่ก็เป็นที่เกรงกลัวของหมู่ดาวสูงสุด เพราะความเป็นพาลของพระราหู และมีดีอีกอย่างหนึ่งของราหูคือไม่เบียดเบียนข่มเหงผู้น้อยที่ยอมเกรงกลัว หรือผู้ที่อยู่ใต้อำนาจ ถ้าเป็นหัวหน้า พวกบริวารก็มีความยำเกรง รักใคร่นับถือเป็นที่พึ่งได้อย่างดี ถ้าเป็นนายทหารชั้นผู้บังคับบัญชา ย่อมเป็นที่รักใคร่นับถือของบรรดาผู้อยู่ใต้อำนาจ เพราะไม่ถือตนไว้ยศ มีทรัพย์ก็ไม่ยึดถาวร เพราไม่ตระหนี่ ทำอะไรใหญ่โตมโหฬาร คิดใหญ่ใฝ่สูง แต่ไม่ยั่งยืนถาวร ทำคุณให้แก่ใครไม่ขึ้นก็ชอบทำ เพราะเห็นเป็นของสนุก เวลาราหูมีอิทธิฤทธิ์แข็งกล้า พฤหัสบดีอยู่สูงก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องพ่ายแพ้แก่ฝ่ายต่ำในบางเวลาเช่นเดียวกัน

อนึ่งราหูนี้ไม่มีเรือนชาตาที่อยู่ ต้องไปอาศัยเรือนเสาร์ในราศีกุมภ์เป็นเรือนครอง และไปอยู่ในราศีตุลย์ เป็นราชาโชค อุจจาวิลาศในเรือนศุกร์กับราศีเมถุน เป็นปกิณกะโชคในเรือนพุธ เพราะใน ๓ ราศีนี้เป็นธาตุลม ราหูอาศัยได้ ฉะนั้น ราหูจึงเป็นเจ้าแห่งความดุร้ายเก่งกาจในเรือนเสาร์ เป็นอาจารย์และแรงกามคุณในเรือนศุกร์ เจ้าโวหารพลิกแพลงในเรือนพุธ ดาวราหูนี้ เป็นดาวสำคัญในการพยากรณ์ที่เต็มไปด้วยอำนาจตามตำราโบราณ แต่งเป็นกลอนทำนายไว้ว่า “ราหูมาต้องลักขณา แม้สูงศักดิ์สุราลัยจะจากยศไกร วิบากใจไฟเผาผลาญ” ในโชคเทวฤทธิ์ก็ว่า “อสุรินทร์ทับลักขณาในบาปเคราะห์ จรไปเข้าทับกันทั้งจันทร์มาต้องลักขณา ท่านทายตัดชีวาถึงอาสัญ” ที่ร้ายก็ร้ายเอามากดังนี้ ...

ถ้าจะถึงฝ่ายดีก็ดีเลิศ เช่น ตำราว่าพฤหัสบดี เสาร์ ราหู ทั้ง ๓ หมู่มาเป็นศิริต้องลักขณา วัตะสังคี มีบริวารเหลือหลาย ลูกไพร่นักเป็นนาย แม้เชื้อสายจะครองเมือง เวลาดี และร้ายเทียบเสมอ พฤหัสบดี ได้ในด้านตรงข้าม ...

อนึ่งตำนานของอินเดีย กล่าวว่า ราหูนี้เป็นหมุดจุดสกัดของโลก อยู่ตรงข้ามกับดาวพระเกตุ มีลูกเป็นดาวหางหรือผีพุ่งใต้ ราหูนี้มี ๒ ตอน คือ เมื่อขาดโดยถูกจักรของพระอินทร์แล้ว คงเป็นดาวตอนหนึ่งมาเป็นโลกพิภพ คือ โลกที่เราอยู่ตอนหนึ่ง โหรฮินดูเกรงขามราหูไม่น้อยกว่าเสาร์ ส่วนโหรฝรั่งไม่สู้กลัวราหู แต่กลัวเกตุ ซึ่งเป็นท่อนหางมากกว่า อย่างฮินดูกล่าวว่า ถ้าหางไปฟาดอะไรเข้า จะทำให้สิ่งนั้นวอดวายเสียหาย ส่วนท่อนหัว ซึ่งเป็นพิภพนี้ กระทำความเที่ยงไม่มีในโลก โดยจิตใจของมนุษย์ย่อมหวั่นไหวมัวเมาไปด้วยอำนาจ ของธาตุราหู ...

ในการยกเอาราหูขึ้นมาพยากรณ์มากกว่าดาวนพเคราะห์อื่น ก็เพราะว่าราหูแม้จะจรในจักรราศี ก็ไม่เหมือนดาวต่างๆ คือ เดินย้อนพวกดาวอื่น และเกตุก็เดินย้อนเช่นเดียวกันกับราหู จึงถือกันว่า หัวกับหางไปด้วยกัน และเป็นดาวบาปเคราะห์

... พระบูชาวันเกิด ...

... คนที่เกิดวันพุธกลางคืน ...

... ควรมีพระพุทธรูปปางเสด็จประทับในป่าปาริเลยยถะ (ป่าเลไลย) บูชา จึงจะมีความสุขความรุ่งเรืองดี ...

... บทความต่อจากนี้คัดลอกมาจาก ...

http://www.ipayakorn.com/?p=48

หลังจากที่เราได้เรียนรู้เรื่องดาวกันมาบ้างพอสมควรแล้ว ที่นี้เราจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของดาวแต่ละตัวว่าตัวไหนมันมันอยู่ใกล้กันได้ หรือใกล้กันไม่ได้ ทางโหราศาสตร์เค้ามีศัพท์เรียกกันว่าคู่มิตร คู่ศัตรู คู่สมพล แต่ปัญหาคือการจำความสัมพันธ์ของเลขนี่แหล่ะมันจำได้ยาก มือใหม่บางคนอาจจะไม่ชอบที่จะมานั่งจำเลข ครูบาอาจารย์ท่านจึงให้นิทานเกี่ยวกับดาวเหล่านี้มาให้พวกเราฟังเพื่อง่ายแก่การจำว่าตัวไหน ...

มันมีบทบาทยังไงบ้าง ลืมบอกไปว่าในนิทานชาติเวรนี้จะไม่มีบทบาทของดาว ๙ กับ 0 นะครับ ที่นี้เพื่อความกระชับเอาแต่เนื้อๆผมจึงได้สรุปมาให้แล้ว เอาล่ะถ้าพร้อมแล้วมาฟังนิทานก่อนนอนกันเลย

เรื่องที่๑

พระอินทร์(๕) พระยาครุฑ(๑) พระยาราชสีห์(๓) พระยานาค(๗) พระราหู (๘)

ในปฐมกัลป์ ช้านานมากแล้ว ว่ากันว่ามีเทวะบุตรทั้ง๔ ได้แก่ พระอาทิตย์ พระอังคาร พระพฤหัส พระเสาร์ ได้มีดำริจะสร้างดินและน้ำ ให้เป็นที่อาศัยแห่งสัตว์โลกทั้งหลาย แต่การสร้างนั้นด้วยกำลังฤทธิ์ของเทวะบุตรทั้ง๔ นี้ คงใช้เวลานานกว่าจะสำเร็จลงได้ จึงไปหาพระราหูผู้ทรงฤทธิ์มาก ให้มาช่วยเป็นกำลังในการสร้างนี้ด้วย เมื่อไปปรึกษากับพระราหู ๆ ตอบว่าตัวเราเองนี้ไม่ได้อาศัยน้ำหรือดินในการดำรงชีวิตอยู่ การสร้างน้ำและดินนี้ไม่ได้มีประโยชน์ แก่ตัวเราเลย ท่านจงสร้างดินและน้ำนี้โดยลำพังเถิด เทพบุตรทั้งสี่องค์นั้นเกิดมีความแค้นพระราหูยิ่งนัก จึงกลับมาแบ่งหน้าที่ในการสร้างน้ำและดินกันเอง และได้บันดาลด้วยฤทธิ์กำเนิดน้ำอมฤต และแผ่นดินขึ้น โดยแบ่งหน้าที่กันรักษาตามเขตของตน ดังนี้...

พระพฤหัสบดี (๕) เป็น พระอินทร์รักษาเขาสุเมรุราช

พระอาทิตย์ (๑) เป็น พระยาครุฑรักษาเขาสัตตปริพันธ์ทั้ง๗

พระอังคาร (๓) เป็น พระยาราชสีห์ รักษาป่าพระหิมพานต์

พระเสาร์ (๗) เป็น พระยานาค รักษาพระมหาสมุทร

ครั้นกาลนานมาถึงกรรมวิบากจะเกิดชาติเวรสืบไป พระยาครุฑได้เห็นพระยานาคก็มีความปราถนาจะจับกิน จึงสำแดงฤทธิ์รุกไล่พระยานาค พระยานาคตกใจจึงหนีไปหาพระราหู ๆ เห็นดังนั้นจึงร้องตวาดด้วยคำหยาบช้าว่า “เหวยพระยาครุฑทุจริตคิดทำร้ายมิตรสหาย” พระยาครุฑตกใจเสียงตวาดบินหนีไปหาพระอินทร์ พระราหูไล่ตามไม่ทันและเกิดความกระหายน้ำเป็นกำลังก็ตรงไปดื่มน้ำอมฤต พระอินทร์ก็ทรงพิโรธพระราหูว่าบังอาจมากินน้ำอมฤต จึงตวาดด้วยเสียงอันดังว่า “เหวยราหู มึงว่ามึงไม่ได้ได้อยู่ในน้ำหรือบนดินเหตุใดจึงมากินน้ำอมฤตของกูเล่า” ว่าแล้วก็ทรงจักรเพชรขว้างไปต้องพระราหูกายขาดสองท่อน แต่ด้วยอำนาจของน้ำอมฤตที่กินไปนั้นทำให้เป็นอมตะกายขาดสองท่อนแต่ไม่ตาย จึงดำรงกายหนีไปยังที่อยู่แห่งตนได้ (จบแล้วจ้า อ่านกันเพลินล่ะสิ) ...

วิเคราะห์นิทาน

จากสิ่งที่อ่านมานี้พอจะมองเห็นบ้างมั๊ยครับว่าใครอยู่ด้วยกันได้ ใครอยู่ด้วยกันไม่ได้ ถ้ายังไม่เห็นผมจะสรุปตัวละครเป็นลำดับให้ฟังอีกครั้งนะครับ เริ่มจาก ...

พระยาครุฑ(๑) ไล่กิน พระยานาค(๗) พระอาทิตย์(๑) จึงเป็นศัตรูกับ พระเสาร์ (๗)

พระยานาค(๗) หนีไปหา พระราหู(๘) พระเสาร์(๗) จึงเป็นมิตรกับ พระราหู(๘)

พระราหู(๘) ตวาดและไล่ตาม พระยาครุฑ(๑) พระราหู(๘) จึงเป็นศัตรูกับ พระอาทิตย์(๑)

พระยาครุฑ(๑) หนีไปหา พระอินทร์(๕) พระอาทิตย์(๑) จึงเป็นมิตรกับ พระพฤหัสบดี(๕)

พระอินทร์(๕) ขว้างจักรใส่ พระราหู(๘) พระพฤหัสบดี(๕) จึงเป็นศัตรูกับ พระราหู(๘)

หลักในการจำนะครับ ขอให้ท่านลองสมมติตัวเองเป็นตัวละครในเรื่องดู แล้วทำความรู้สึกร่วมไปกับตัวละคร ว่าถ้าเราเจอเหตุการตามตัวละครเราจะรู้สึกอย่างไรบ้าง

(เค้าเรียกว่า บิ๊วอารมณ์) ท่านจะจำได้แม่นครับ เช่น ...

พระอาทิตย์ กับ พระเสาร์ เดิมเคยเป็นเพื่อนกันให้ความร่วมมือกัน (อันนี้เรียกว่าคู่ธาตุไฟ ถ้างงว่าเป็นคู่ธาตุไฟได้ยังไงย้อนไปอ่านเรื่อง วันคือดาว ดาวคือเลข ได้ครับ)

แต่อยู่ๆพระอาทิตย์จะมาจับพระเสาร์กิน ทายว่า หากเคยมีการทำงานใดๆให้ระวังเรื่องการผิดข้อตกลงผิดสัญญากันแบบไม่คาดคิดมาก่อน แต่จะมีผู้มีอำนาจเป็นที่พึ่ง

( เพราะหนีไปหาพระราหูไงล่ะ ) ...

พระเสาร์หนีไปหาพระราหู ทายว่า อยู่เฉยๆ ก็จะมีเรื่อง มีปัญหายุ่งยาก เข้ามาหา หรือ มักมีใจจะชอบช่วยเหลือเพื่อนฝูง หรือ มักชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน

พระราหู ตวาดไล่ตาม พระอาทิตย์ ทายว่า มักมีเรื่องให้ต้องตกใจแบบฉับพลัน หรือ ต้องจากถิ่นฐาน (ราหูต้องออกจากบ้านเพื่อไล่ตามพระอาทิตย์)

พระอาทิตย์ หนีไป หาพระอินทร์ ทายว่า จะได้รับความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ แต่ต้องเข้าไปหา

พระอินทร์ ขว้างจักรใส่ พระราหู ทายว่าจะเจ็บตัว เกิดความระส่ำระสาย ทรัพย์จะเสียหายกึ่งหนึ่ง

เป็นยังไงบ้างครับ นิทาานเรื่องแรกซึ่งเป็นเรื่องที่ยาวที่สุดเลย และเป็นเรื่องที่ผมชอบมากเพราะมีดาวหลายคู่มากมาเป็นนิทานแทบจะครบหมดทุกตัว หลายท่านอาจจะสงสัยว่าอ้าวแล้วพระยาราชสีห์(๓) ไม่เห็นมีบทบาทเลย ตอนแรกที่ผมอ่านก็สงสัยอยู่เหมือนกัน แต่ให้เพียงรู้ว่าเมื่อ ๔ ดาวนี้มารวมกันหมายถึงการได้รับความร่วมมือ ทำกิจการใดก็สำเร็จลุล่วง ก็พอครับ ...

...จากนี้ก็เป็นเบ็ดเตร็ดนิทานชาติเวรหลายๆที่นะครับ คัดลอกมาให้อ่านกันสนุกๆ ...

ในกาลครั้งหนึ่ง พระพฤหัสบดีเกิดเป็นอาจารย์ทิศาปาโมกข์ พระอาทิตย์เกิดเป็นมาณพไปเรียนวิชาศิลปะศาสตร์ในสำนักพระพฤหัสบดี อาจารย์ยกนางจันทร์ให้เป็นภรรยา พระอาทิตย์มีความพอใจรักใคร่นางมาก จึงเอานางใส่ตลับทองคำเก็บไว้ในเวลาเข้าป่าหาผลไม้ พระอังคารเกิดเป็นพิทยาธรเข้าไปสมจรด้วยนางจันทร์ในตลับนั้น พระพฤหัสบดีรู้เห็นเหตุการณ์นั้นโดยตลอด จึงทำเป็นปริศนาไว้รอท่าพระอาทิตย์เพื่อบอกเหตุการณ์ ครั้นพระอาทิตย์กลับมาจากป่า เข้าไปหาพระพฤหัสตามปกติ แลเห็นเชี่ยนหมากตั้งแยกกันออกเป็น 3 ที่ซึ่งทุกทีเคยมีตั้งเพียง 2 ที่เท่านั้น ก็เกิดความสงสัยจังถามพระอาจารย์ไปตามได้เห็นผิดสังเกต ทุกวันมาพระอาจารย์เคยตั้งเพียง 2 ที่ มาวันนี้ไฉนจึงตั้งเป็น 3 พระอาจารย์จึงแจ้งว่า ถ้าเธอใคร่จะรู้ว่าปริศนานั้นมีความหมายกระไร ก็จงไปเปิดตลับดูก่อนเถิด เมื่อพระอาทิตย์เปิดตลับดู ก็เห็นพระอังคาร ก็มีความโกรธแค้นมาก จึงยกพระขรรค์ขึ้นจะฟัน พิทยาธรพระอังคาร ก็จรเหาะขึ้นไปบนอากาศ แล้วกลับเอาพระขันธ์ฟันถูกศีรษะพระอาทิตย์แยก พระอาทิตย์จึงขว้างด้วยจักรไปต้องพิทพยาธรขาขาด ...

เอาล่ะครับมาดูกันว่าได้อะไรจากนิทานกันบ้าง ...

... เมื่ออาทิตย์พบจันทร์ ก็เป็นคู่ครัวเรือน เพราะเป็นผัวเป็นเมียกัน

... เมื่ออาทิตย์พบพฤหัส ก็เป็นคู่มิตรคู่วิชาการ เพราะเป็นศิษย์เป็นครูกัน

... เมื่ออาทิตย์พบอังคาร ก็เป็นคู่ศัตรูคู่ปะทะ เพราะเจอกันก็ฟาดฟันกันจนหัวแตกขาขาด

... เมื่อจันทร์พบอังคาร ก็เป็นคู่ชู้ คู่ผลประโยชน์ อังคารแอบได้เสียพระจันทร์ ดาวจันทร์เองก็ไม่ขัดขืน

... เมื่อจันทร์พบพฤหัส ก็เป็นคู่ธาตุและคู่ศัตรู ถึงจันทร์จะทำเสียแต่ด้วยความเป็นพ่อลูกอย่างไรก็ตัดไม่ตายขายไม่ขาดได้แต่อึดอัดใจ. จึงเป็นคู่เจ็บอกเจ็บใจงัยครับ ...

... เมื่อพฤหัสพบอังคาร ก็เป็นคู่สมพล ด้วยพฤหัสเองเป็นครูเป็นผู้มีธรรม.อังคารแอบเข้ามายุ่งกับลูกตัวเองทั้งๆที่รู้ทุกอย่างแต่ไม่ยุ่งทางโลก ก็ดูเหมือนจะเอื้ออำนวยให้อังคารทำเสียหายได้ จึงเป็นคู่เด็ดเดียวคู่จริงจัง ...

สวัสดีครับคุณนพ

รู้สึกดีใจมากเลยครับ ที่ถามเรื่องอารมณ์ของดาวมาแบบนี้ถือว่ามาได้ถูกทางแล้ว วิชาเลข 7 ตัวมีองค์ประกอบสำคัญ 2 ส่วนคือดวงดาวและเรือนภพ จะเก่งด้านใดด้านหนึ่งไม่ได้ต้องเก่งทั้งภพและเก่งทั้งดาวจึงจะครบเครื่อง. ดวงดาวบอกความสัมพันธ์ของตัวละคร เรือนภพบอกตัวละครและเรื่องราว กำลังพระเคราะห์บอกคุณภาพดีร้าย. จำลักษณะการอ่านอย่างนี้ไว้เป็นพื้นเสียก่อนแล้วจะเข้าใจง่าย เลข7ตัวจดจำไม่มากแต่ต้องใช้จิตนาการอ่านความสัมพันธ์ทั้งภพทั้งดาวให้เชื่อมโยงกันตรงนี้จะยากเหมือนตำน้ำพริกต้องโขลกให้แหลกเป็นเนื้อเดียวกันนั่นแหล่ะครับ

เรื่องของดาวเราจะแบ่งออกเป็น2ส่วน ส่วนแรกคือดาวแท้ๆ(ตั้งแต่อาทิตย์ถึงเสาร์) อีกส่วนคือกำลังพระเคราะห์(๖กำลังของอาทิตย์และที่เกินจาก7ไปจนถึง21) เอาเรื่องของดาวแท้ๆก่อนน่ะ ...

๑ ดาวอาทิตย์ กำเหนิดจากราชสีห์ 6ตัว อุปลักษณนิสัยใจคอะจะคล้ายราชสีห์ รักเกรียติรักศักดิ์ศรีหยิ่งทนงตน อารมณ์ร้อนโกรธง่ายหายไวเหมือนไฟไหม้ฟาง มีความโดดเด่นมั่นใจในตนเองรักพวกพ้องเป็นผู้นำยอมเหน็ดเหนื่อยเผื่อคนอื่น รักความยุติธรรม ...

๒ ดาวจันทร์ กำเหนิดจากนางฟ้า 15 องค์ อุปลักษณะนิสัยใจคอเหมือนผู้หญิงอ่อนหวานละเอียดอ่อนมีความเป็นระเบียบ อ่อนแอเป็นผู้ตามที่ดี คิดเล็กคิดน้อยจุกจิ๊กจู้จี้ มีเมตตาใจอ่อน ...

๓ ดาวอังคาร กำเหนิดจากกระบือ 8 ตัว อุปลักณะนิสัยใจคอห้าวหาญกล้าบ้าบิ่นไม่เกรงกลัวกล้าคิดกล้าทำใจนักเลงถึงไหนถึงกัน ขยันอดทนหากินไม่เลือกมีกำลังมากชอบใช้กำลัง ใจนักเลงเจ้าชู้ ปากคอโอหังถ้าเป็นนักเลงก็เป็นประเภทปากเปราะ ...

๔ ดาวพุทธ กำเหนิดจากช้าง 17 เชือก อุปลักษณะนิสัยใจคอรักความสงบ มีระเบียบเรียบร้อยชอบใช้ปัญญามากว่ากำลัง มีปากเป็นอาวุทธมีวาทะศิลป์ดีมีปัญญาดีมีไหวพริบปฏิภาณ ชอบอยู่กับที่ไม่ชอบเดินทางไม่ชอบการบังคับ ใจกว้างและมีเหตุผล ชอบอาหารการกินไม่ค่อย active เท่าไหร่นัก ...

๕ ดาวพฤหัส กำเหนิดจากฤาษี 19 ตน อุปลักษณะนิสัยใฝ่ทางธรรมมีปัญญาดีใจบุญจิตใจเมตตากรุณามีเหตุผลสูงรักสันโดด เป็นดาวครูบาอาจารย์ดาวพระดาวธรรม ...

๖ ดาวศุกร์ กำเหนิดจากวัว 21 ตัว อุปลักษณะนิสัยใจคอรักความสงบรักพวกพ้องเฉพาะตน สง่างรักสวยรักงามรักความสนุกสนานมีสังคมเก่ง มีความฉลาดเฉลียว เจ้าชู้มากหาและใช้เงินเก่ง ...

๗ ดาวเสาร์ กำเหนิดจากเสือ 10 ตัว อุปลักษณะนิสัยรักสันโดดชอบอยู่คนเดียวสังคมน้อย มีความอดทนอดกลั้นสูงชอบอยู่เป็นที่เป็นผู้ล่าที่จองหาโอกาส มีความพยาบาทเจ็บแล้วจำจนวันตายเวลาโกรธอารมณ์ร้ายรุนแรง เป็นนักเลงที่เก็บตัวเงียบๆไม่ชอบโชว์ ...

นี่คือบุคลิคของดาวทั้ง7ที่มาของคำว่าเลข7ตัว ที่ผมเขียนบอกว่ากำเหนิดจากอะไรจำนวนเท่าไหร่นั้นคือกำลังพระเคราะห์ของดาวนั่นเองเช่นอาทิตย์เลข๑กำลังพระเคราะห์(ฐานที่4)ก็คือเลข ๖ เมื่อคุณเห็นเลข๖ในฐานที่4ฐานกำลังพระเคราะห์ นั่นคือกำลังของอาทิตย์น่ะไม่ใช่ดาวศุกร์ เป็นต้น ...

สมมุติว่าอัตตะ(ตัวเจ้าชะตา)เป็นดาวอาทิตย์ เขาก็จะเป็นคนรักเกรียติรักศักดิ์ศรีใจคอกว้างขวางชอบเป็นผู้นำ เป็นต้น ...

เมื่อจดจำลักษณะขอวดาวได้แล้วต่อไปก็จำกำลังพระเคราะห์ที่เหลือคือ ...

๙พระเกตุ ๑๑มหาราชาโชค ๑๒ราหู ๑๓มหาอุต ๑๔จักรพรรดิ์ ๑๖พระโสฬสมงคล ๑๘มหาจักรพรรดิ์ ๒๐พระเสาร์กำลังสอง(มฤตยู)

... คราวหน้าจะพูดถึงนิทานความสัมพันธ์ของดาวให้ฟัง ...ผมมีความคิดจะลงเนื้อหาของวิชาเลขเจ็ดตัวในแบบที่ผมรู้ให้อ่านกันแต่เนื้อหามันมีเยอะ ยังงัยอาจขอคัดลอกข้อมูลเอาไปลงในกระทู้บ้างน่ะครับ ...

Tazan