นักโหราศาสตร์ที่ดี
... พระศาสดา ...
... ดวงปฏิจจสมุปบาท ...
... อ.ธนเทพ ปฏิพิมพาคม ...
...นักโหราศาสตร์ที่ดีควรจะมีมโนธรรมประจำใจ...ไม่มีอคติต่อผู้ที่มาตรวจดวงชาตากับตน ...และต้องไม่เลือกที่รัก มักที่ชัง...ผู้ที่มาตรวจดวงชาตา
ทุกคนถือว่าเป็นผู้ที่มีความทุกข์ใจ...เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว...ที่มาดูดวงก็เพื่อที่จะปัดเป่าความทุกข์ออกไป...เพราะฉะนั้นผู้ที่เป็นโหรทุกท่านควรที่จะต้องมีจิตเมตตาช่วยบรรเทาทุกข์...ให้แก่ผู้ที่มาดูดวงและแนะแนวทางการปฏิบัติ...ที่จะแก้ปัญหาต่างๆนั้นให้หมดไป... แต่ในบางเรื่อง... ถ้าตอบไปแล้ว...
...ทำให้เกิดโทษทุกข์กับผู้มาดูดวง...ก็ควรตอบแบบเลี่ยงๆ...และพยายามหาหนทางในการที่จะแก้ปัญหานั้นๆออกไป...
...โดยทางอ้อม ...
... เรื่องที่ควรงดที่จะพูด...ก็คือ...เรื่องทายเป็นทายตาย...ควรจะทายไปว่าอาจจะเป็น...อาจจะตายจะทำให้ผู้มาดูรู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง...อีกอย่างเรื่องเกี่ยวกับบุตร หากถามว่าบุตรคนไหนให้คุณ...คนไหนไม่ให้คุณ... ถึงแม้ว่าผู้เป็นโหรจะรู้ในดวงชาตาเด็กเป็นอย่างดี...ก็ไม่ควรตอบตรงตามเนื้อเรื่องออกไป...เพราะจะทำให้พ่อและแม่เด็กเกิดความลำเอียงขึ้นมากับบุตรคนที่โหรบอกว่าให้คุณ หรือให่โทษกับพ่อ-แม่...ทันที...ซึ่งจะเกิดตราบาปกับเด็ก...ทำให้ส่วนลึกของพ่อ-แม่เลือกที่จะดูแล...บุตรคนที่ให้คุณอย่างเต็มที่...และเลิกเอาใส่ใจกับบุตรที่ให้โทษ ...
...ส่วนเรื่องคู่ครอง จะเป็นคู่แท้หรือคู่เทียม จะเลิกกันเมื่อไร...เรื่องราวเหล่านี้ก็ไม่ควรกล่าวออกไป ควรจะตอบแบบเลี่ยงๆ...ไปเช่นบอกว่าคนเราในเรื่องคู่ครองนั้นมีอยู่หลายแบบอาจจะเป็นคู่กัด คู่ศัตรู คู่ล้างผลาญฯลฯ บางคู่ดวงไม่สมพงศ์กันเลย...แต่ปรากฏว่าอยู่ด้วยกันมาตลอดแถมมีลูก หลานเต็มเมือง...บางคู่ดวงสมพงศ์กันดีแต่กลับเลิกรากันไปก็มีให้เห็นอยู่เยอะหลายคู่......ดังนั้นจึงไม่ควรไปเน้นชัดว่า...นี่ไม่ใช่...คู่ของคุณ แต่เป็นคู่เทียม...นี่ใช่..คู่ของคุณเป็นคู่แท้ของคุณ...ทำนองนี้แหละ...ครับ...
งดพูดเสียจะดีกว่า ...
ในเรื่องแสวงหาผลประโยชน์ก็ควรงดเช่น...ดวงคุณกำลังมีเคราะห์...ต้องสะเดาะห์เคราะห์แก้กรรม...อย่างโน้นอย่างนี้ ......จิปาถะ...การตัดกรรมเป็นสิ่งที่กระทำได้ยาก มีแต่ทำให้บรรเทาลงไปได้บ้างเท่านั้น...โดยการทำกรรมดีเข้ามาสกัดกั้นกรรมเก่า...ที่กำลังตามเรามา...ศาสนาสอนเราไว้ว่า...ทุกคนเราเิกิดมาจากกรรมในอดีตชาติ...เป็นกรรมดีหรือกรรมชั่ว ... ก็แตกต่างกันไปแล้วแต่บุคคล ... สมกับที่พระท่านว่าไว้ว่า ... ทำดีต้องได้ดี ... ทำชั่วต้องได้ชั่วแน่นอน ...
... อ.ธนเทพ ปฏิพิมพาคม ...
... ซึ่งเรื่องราวที่ได้กล่าวไปแล้วทั้งหมดนี้...ครูบาอาจารย์ท่านก็มีบทบัญญัติ สั่งห้ามอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น เวลาจะกล่าว...คำทำนายใดๆออกไป...โหราจารย์ทุกท่านควรที่
จะต้องคิดดูให้รอบคอบเสียก่อน...แล้วจึงค่อยออกคำทำนายออกไป......จะได้ไม่เป็นการผิดจรรยาบรรณของโหรที่ได้ปฏิบัติตามกันมาแต่โบราณกาล...นะครับ...
... อ.ธนเทพ ปฏิพิมพาคม ...
... ข้อแนะนำในการศึกษาวิชาโหราศาสตร์ ...
... เนื่องจากวิชาโหราศาสตร์เป็นวิชาที่ลึกลับซับซ้อน การศึกษาจึงมีแต่การสับสนสลับซับซ้อนทั่วๆ ไป หลักสำคัญมีอยู่ว่า ...
๑. ท่านต้องเรียนไปอย่างช้าๆ อย่าด่วนรีบเรียนจนเร็วเกินไป อาจทำให้ท่านสับสนยุ่งยากใจขึ้นภายหลัง ...
๒. ต้องศึกษากฎเกณฑ์หลักมูลฐานขั้นต้นโดยทั่วๆ ไปเป็นขั้นๆ โดยใช้เวลาพอสมควร ...
๓. เรียนอย่างมีระเบียบด้วยวิธีที่ถูกต้องเป็นขั้นๆ อย่าข้ามไปข้ามมา มิฉะนั้นจะจับหลักไขว้เขวและปนไปกันหมด ...
ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผลวินิจฉัยที่ต้องอาศัยหลักเปรียบเทียบความสัมพันธ์ ...
๔. การวิเคราะห์หาความชำนาญ ใช้วิธีอนุมาณเปรียบเทียบว่าสอดคล้องหรือขัดแย้งเสริมกำลังหรือลดกำลังลงไปแค่ไหน การประมาณหนักเบาตลอด
ถึงผลมากน้อย ...
๕. เมื่อศึกษามาพอสมควรแล้ว ฝึกหัดปัญหาคำถามต่างๆ แล้วค้นหาวิธีตอบ ท่านควรลองใช้ความพยายามด้วยความรู้ความเข้าใจของท่านเองเสียชั้น
หนึ่งก่อน ครูของท่านคือ ตัวของท่านเอง และท่านควรจะซื่อสัตย์ต่อตัวเองด้วย ...
... ถ้าท่านมีโอกาสก็ควรหัดพยากรณ์คนในบ้านของท่านทุกคน เพื่อนๆ ของท่านเพื่อหาความเจนจัดจากประสบการณ์จริงๆ เรื่อยไป ...
... การศึกษาวิชาโหราศาสตร์เป็นของกว้างขวางและพิสดารมาก ถ้าหากจะเอาตำรามารวมกันทั้งเก่าและใหม่ก็นับเป็นจำนวนพันๆ เล่ม และรวมทั้ง
ภารตะ สากล ไทย จีน ก็นับกันไม่ไหว ฉะนั้นการศึกษาวิชาโหราศาสตร์จึงไม่รู้จักจบสิ้นลงได้เหมือนกับวิชาการแพทย์ซึ่งมีโรคเพิ่มขึ้นฉันนั้น แต่เท่าที่
ทราบโหรทั้งหลายเอาแต่ส่วนที่เข้ากันได้เฉพาะโหรไทยแล้วนิยมทำนายกันทางราศี ที่เรียกว่า “ดวงจักรราศี” การศึกษาวิชาโหราศาสตร์เพื่อเข้าใจ
แต่ละอย่างให้แจ่มแจ้งชัดเจนไม่ใช่อยู่ที่การท่องจำอย่างนกแก้วนกขุนทอง ต้องอยู่ที่การเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างทุกแง่ทกมุม เช่นกับการผสมสีเป็นต้น
เรารู้จักการเอาสีมาผสมกัน สีแดงกับสีขาวจะออกเป็นสีอะไร ถ้าเราอ่านสีผสมนั้นออกก็เรียนโหราศาสตร์เข้าใจได้แจ่มแจ้ง สีแดงผสมสีขาวต้องออกสี
ผสมเป็นสีชมพู เมื่อผสมสีเป็นเราก็สามารถเรียนวิชาโหราศาสตร์กันได้เท่าเทียมกันทุกคน ไม่เป็นการสำคัญที่ต้องมีพรสวรรค์หรือบุคลิกลักษณะแต่
ประการใด ส่วนการพยากรณ์พิสดารเป็นเรื่องที่นักพยากรณ์จะสอนตัวเองด้วยการค้นสอบหาความชำนาญต่อไป ...
ดังคำโคลงของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ ดังนี้
ฝูงคนกำเนิดคล้าย คลึงกัน
ใหญ่ย่อมเพศผิวพรรณ แผกบ้าง
ความรู้อาจเรียนทัน กันหมด
ยกแต่ชั่วดีกระด้าง อ่อนแก้ฤาไหว ฯ
... คัดลอกมาจากโหราเวสม์ ...
...ลิงค์ไปเว็บที่มีบทความโหราศาสตร์ต่างๆดังนี้คือ...
http://tanatepastrol.blogspot.com/
http://k-am-po-n.wix.com/horasart#!home/mainPage
http://exguitarhora.wix.com/exastrology
ลิงค์ไปที่ โหราศาสตร์ไทยเดิม อ.สิงห์โต สุริยาอาลักษ์
http://www.horawej.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=189124&Ntype=34
...รูปดาวมาตราฐานในดวงเดียว...
... รูปดาวมาตราฐานนี้ออกแบบมาจาก อ.ดำริห์ ไตรรัตน์ แต่เนื่องจากต้นฉบับเดิมจากหนังสือ อ.ดำริห์ ไตรรัตน์ ผมค้นหายังไม่เจอ ก็เลยจัดทำขึ้นมา
ใหม่พอได้อยู่ เพื่อนักศึกษาโหราศาสตร์จะได้มองตำแหน่งดาวมาตราฐานได้โดยง่ายไม่ต้องมองหลายดวง ผมก็ว่าไม่เลวนะครับ เท่ากับความคิดของ
อ. ดำริห์ ไตรรัตน์ ในรูปดาวมาตราฐานนี้มีประโยชน์ต่อนักศึกษาโหราศาสตร์ได้อย่างแท้จริง ...
... สุดท้ายนี้ ผมก็ยังคิดอยู่เสมอว่าวิชา " โหราศาสตร์ " เป็นศาสตร์ที่ทุกคนควรเรียนรู้ เพื่อที่จะแก้กรรมต่างๆที่ติดตัวทุกคนมาให้เบาบาง
ลงไป ... เพราะอันที่จริงดวงชาตาไม่ได้ลิขิตชีวิตมนุษย์ได้ 100 % เราสามารถฝืนชาตาลิขิตได้ในบางส่วน มิใช่ว่าจะต้องเป็นไปตามดวงอยู่
เสมอไป ...ถ้าพลังชีวิตเรามีกำลังสูงขึ้นมา ทำกรรมดีขึ้นมาบั่นทอนกรรมชั่ว ... เราทุกคนก็สามารถที่จะฝืนโชคชาตาได้อย่างแน่นอน ...
... สวัสดีครับ ...