หมวด คติสอนใจ ของคนไทย ยุคที่ผ่าน ๆ มา
- สิ่งที่ต้องห้าม ไม่ให้มีการหยิบยืมกัน
1. เครื่องมือเครื่องใช้ ที่มีไว้เพื่อประกอบอาชีพ
2. เงิน ทอง หยอง
3. ภรรยา หรือสามี
- สิ่งที่ห้ามกระทำก่อนวัยอันควร
1. ชิงสุกก่อนห่าม (ริรักในวัยเรียน)
2. เสพเครื่องดองของเมา
- สิ่งเตือนใจ คิดก่อนทำ
1. กระทำการใด ๆ ต้องมีสติ (อย่าประมาท)
2.
หมวด ....
ใครรู้ ใครจดจำอะไรได้อีก อีเมล์มาบอกกัน จะบันทึก ให้ชาวชุมชนได้อ่านกัน
ตรุษไทย (หายไปใหน) :
เป็นวันสิ้นปีของไทยแต่โบราณ จึงนิยมบำเพ็ญกุศลเพื่ออุทิศให้แก่ผู้ล่วงลับและเพื่อเป็นมงคลแก่ตนในโอกาสขึ้นปีใหม่
ตรุษไทย เป็นวันเปลี่ยนปีนักษัตรตามหลักโหราศาสตร์ไทย โดยคำว่าตรุษนั้น เป็นภาษาสันสกฤต แปลว่าตัด
หรือการสิ้นไป วันตรุษจึงถือเป็นวันสิ้นปีของคนไทยมาแต่โบราณ โดยประเพณีนี้สืบทอดมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย
คู่กับประเพณีสงกรานต์ซึ่งเป็นวันขึ้นปีใหม่มาแต่โบราณ จึงมักเรียกรวมกันว่า ประเพณีตรุษสงกรานต์
ซึ่งหมายถึงวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
โดยประเพณีตรุษไทย มีกำหนดคือ วันแรม 14-15 ค่ำ เดือน 4 ถือว่าเป็นวันสิ้นปี ตามการนับแบบจันทรคติ
ตามอิทธิพลทางโหราศาสตร์จากชมพูทวีป และกำหนดให้วันสงกรานต์เป็นวันปีใหม่ เมื่อเริ่มเข้าสู่ราศีเมษ
ตามการนับแบบสุริยคติที่ได้รับอิทธิพลทางโหราศาสตร์จากชาวตะวันตก
แต่แม้จะกำหนดให้วันสงกรานต์เป็นวันปีใหม่ของไทย แต่เกณฑ์การเปลี่ยนปีนักษัตรก็ยังใช้วันตรุษเป็นเกณฑ์
เพราะแนวคิด12 นักษัตรเป็นแนวคิดทางเอเซียตะวันออกมานานเป็นพันปีแล้ว ซึ่งชาวเอเซียตะวันออก
ใช้หลักโหราศาสตร์ทางจันทรคติมาเก่าก่อน
ทั้งนี้คนไทยแต่โบราณเชื่อว่าในวันตรุษนี้ เทวดาผู้ดูแลโลก ดูแลประเทศ ดูแลเมือง จะเปลี่ยนแปลง
ผู้มาทำหน้าที่ จึงควรทำพิธีบรวงสรวงต้อนรับเทวดาที่มาใหม่และขอบคุณเทวดาที่เคยปกปักรักษา
ประวัติ:
ตามจารีตประเพณีแต่ดั้งเดิมของไทย ถือเอาวันขึ้น 1 ค่ำ เดือนอ้าย เป็นวันขึ้นปีใหม่
ซึ่งถือตามปฏิทินทางจันทรคติ แต่ต่อมาในสมัยสุโขทัย ได้ถือว่าวันขึ้น 1 ค่ำ เดือนห้าเป็นวันขึ้นปีใหม่
ซึ่งเรียกว่าวันตรุษ ซึ่งประเพณีวันตรุษไทยได้รับคติมาจากศรีลังกา ที่รับประเพณีวันตรุษ
ซึ่งเป็นประเพณีเดิมของชนชาติทมิฬอีกทอดหนึ่ง และมีการปฏิบัติสืบต่อกันมา จนกลายเป็น
งานนักขัตฤกษ์ใหญ่ เพื่อสร้างสวัสดิมงคลแก่บ้านเมือง
ภายหลังได้กำหนดให้วันสงกรานต์เป็นวันขึ้นปีใหม่และวันตรุษเป็นเพียงวันสิ้นปีเก่า
จากอิทธิพลทางโหราศาสตร์จากตะวันตก ที่วันปีใหม่คือวันที่เริ่มเข้าสู่ราศีเมษ โดยราชสำนักไทย
เรียกประเพณีตรุษนี้ว่า พระราชพิธีสัมพัจฉรฉินท์ โดยมีการทรงบำเพ็ญพระราชกุศล
และบำเพ็ญกิจโดยเอนกปริยาย เพื่อขับไล่อัปมงคลและสร้างสิริมงคลแก่พระนครเนื่องในการขึ้นปีใหม่
โดยพระราชพิธีนี้ได้ปฏิบัติสืบมา และยกเลิกลงในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เนื่องจากทรงเห็นว่าไทยได้ติดต่อกับประเทศต่าง ๆ มากขึ้น การใช้ปฏิทินทางจันทรคติไม่เหมาะสม
และไม่สะดวก เพราะไม่ลงรอยกับปฏิทินสากล จึงประกาศให้ราชอาณาจักรสยามกำหนดวันขึ้นปีใหม่
โดยใช้วันทางสุริยคติตามแบบสากลแทน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2432 เป็นต้นมา และถือเอา
วันที่ 1 เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ด้วย ต่อมาได้เปลี่ยนให้เป็นวันที่ 1 มกราคม เป็นวันปีใหม่สากล
ในปี พ.ศ. 2483 โดย จอมพล ป. พิบูลสงคราม
ประเพณีตรุษไทยในปัจจุบัน:
เนื่องด้วยประเพณีตรุษ กำหนดวันโดยใช้ปฏิทินทางจันทรคติ ทำให้ส่วนใหญ่วันตรุษจะกำหนดลงในช่วงเดือนมีนาคม
ซึ่งใกล้กับเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ไทย ทำให้คนไทยส่วนใหญ่ไม่ทราบความสำคัญของวันตรุษไทยนี้
อย่างไรก็ตามวัดตามภาคกลางในประเทศไทยยังคงนิยมจัดประเพณีตรุษไทยตลอดมาจนถึงปัจจุบัน
ตรุษไทย เป็นวันสิ้นปีของไทยแต่โบราณ จึงนิยมบำเพ็ญกุศลเพื่ออุทิศให้แก่ผู้ล่วงลับและเพื่อเป็นมงคลแก่ตนในโอกาสขึ้นปีใหม่
โดยประเพณีตรุษไทยในปัจจุบัน ยังคงจัดเป็นสอง หรือสามวัน(คือวันแรม14 หรือ 15 ค่ำเดือน 4 และวันขึ้น 1ค่ำเดือน 5)
ตามแต่ความนิยมของแต่ละท้องถิ่น ซึ่งจะให้ความสำคัญกับการทำบุญตักบาตรบำเพ็ญกุศลเพื่ออุทิศให้บรรพชนผู้ล่วงลับ
โดย มีรูปแบบการบำเพ็ญกุศลเหมือนกับในวันธัมมัสวนะอื่น ๆ แต่ที่ต่างออกไปคือ พุทธศาสนิกชนที่มาบำเพ็ญกุศล
มักนำขนมไทยคือข้าวเหนียวแดง ข้าวต้มมัด หรือกาละแม มาถวายพระเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษ
ดูเพิ่ม:
สงกรานต์
อ้างอิง:
กรมศิลปากร. (2513). นางนพมาศ หรือ ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์. พิมพ์ครั้งที่ 10. กรุงเทพฯ : ศิลปาบรรณาคาร.
จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ. (2496). พระราชพิธีสิบสองเดือน. พระนคร : โรงพิมพ์พระจันทร์.
ราชกิจจานุเบกษา, พระราชพิธีสัมพัจฉรฉินท์, เล่ม ๒๘ ตอนที่ ๐ ง , ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๕๔, หน้า ๒๗๕๑
กรมศิลปากร. (2525). ศิลปวัฒนธรรมไทย เล่มที่ 3 ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมกรุงรัตนโกสินทร์. กรุงเทพฯ : (ม.ป.ท.). หน้า131 132
เทวประภาส มากคล้าย. (2553). คุ้งตะเภา จากอดีตสู่ปัจจุบัน : พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ ประเพณีวัฒนธรรม ความเชื่อ เอกลักษณ์ และภูมิปัญญาท้องถิ่น. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. หน้า 60. ISBN 978-974-364-884-7
แหล่งข้อมูลอื่น:
วันตรุษไทย ใครว่าไม่สำคัญ[ลิงก์เสีย]. ศูนย์พุทธศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
หมวดหมู่:
บทความที่มีลิงก์เสียตั้งแต่กันยายน 2021ประเพณีไทยการฉลองปีใหม่
หน้านี้แก้ไขล่าสุดเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2564 เวลา 22:04 น.
ที่มา: จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี