8 ตัวชี้วัดงานสภาฯเขต
Submitted by nida on Fri, 26/10/2012 - 09:15
8 ตัวชี้วัดความสำเร็จงานสภาองค์กรชุมชนระดับเขต
1. จัดประชุมสภาฯเขตอย่างน้อยปีละ 4 ครั้ง
2. จัดเวทีสาธารณะได้งานประเด็นต่างๆ อย่างน้อย ปีละ 1 ครั้ง
3. ได้งานประเด็นในเขตอย่างน้อย 3 เรื่อง
4. ต้องมีคณะผู้บริหารงานสภาฯเขตอย่างน้อย 15 คน
5. มีการประสานงาน การเชื่อมโยงงาน และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับโซนอื่น
6. มีกติกา ข้อบังคับ ระเบียบของสภาฯเขต
7. มีการบริหารจัดการที่ดี มีส่วนร่วม เป็นธรรม
8. มีการรายงานผลการปฎิบัติงานประจำปี กลับไปที่จังหวัด ตามแบบฟอร์มของ พอช
นายสุรศักดิ์ อินทรประสิทธิ์
ผู้แทนระดับจังหวัด สภาองค์กรชุมชนกรุงเทพฯ
--------------------------------------
http://coc.nida.ac.th/node/7751
ปัญหาสำคัญชุมชน กทม.
สภาองค์กรชุมชนกรุงเทพมหานคร
สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน)
912 ถนนนวมินทร์ แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240
โทร : 0-2378-8300-9 โทรสาร : 0-2378-8343 (แผนที่ตั้งสถาบันฯ)
สาระสำคัญ พระราชบัญญัติสภาองค์กรชุมชน
บันทึกโดย ฮาซัน มะเซ็ง
จากการขับเคลื่อนงานพัฒนาของภาคประชาชน โดยมีหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน ให้ การส่งเสริม และสนับสนุนอย่างต่อเนื่องตลอดมา ทำให้เกิดการรวมตัวของกลุ่มต่างๆ อย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นพื้นที่รูปธรรม ในลักษณะของเวทีปรึกษาหารือร่วมกันของกลุ่มคนในหมู่บ้าน/ตำบล ทำให้เกิดผลดีต่อการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น ชุมชนเข้มแข็ง มีความสามารถในการจัดการงานพัฒนาด้านต่างๆ ทำให้เครือข่ายชุมชนที่มีประสบการณ์และเห็นความสำคัญของเรื่องนี้ ได้ร่วมกันร่าง พ.ร.บ.สภาองค์กรชุมชนขึ้น เพื่อให้มีพ.ร.บ.ที่จะช่วยหนุนเสริม รับรองให้การทำงานแบบมีเวทีปรึกษาหารือกันอย่างต่อเนื่องมีสถานะเป็นที่ยอบ รับร่วมกันของทุกฝ่าย เสนอผ่านรัฐบาล และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ จนเป็นกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ นั้น
โดยมีเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.สภาองค์กรชุมชน ดังนี้
• เป้าหมายของกฎหมายฉบับนี้เพื่อให้ชุมชนท้องถิ่นมีความเข้มแข็ง ร่วมกันจัดการ แก้ไขปัญหาและพัฒนาชุมชนท้องถิ่น
• เป็นกฎหมายรับรองให้เวทีการปรึกษาหารือของชุมชนมีสถานะที่ชัดเจนเป็นที่ ยอมรับร่วมกันของทุกฝ่าย สภาองค์กรชุมชนมีภารกิจไม่มีอำนาจ
• เป็นกฎหมายส่งเสริม ไม่ใช่บังคับใช้พร้อมกัน
• สภาองค์กรชุมชนเกิดขึ้นตามความพร้อมและเห็นพ้องต้องกันของคนในชุมชน
• องค์กรชุมชนยังคงทำงานด้วยใจ คงความเป็นอิสระ ไม่ถูกครอบงำ สร้างการ ยอมรับด้วยการกระทำ ผลงาน ไม่ใช่อำนาจบังคับ
คำนิยามตามพ.ร.บ.สภาองค์กรชุมชน
“ชุมชน” หมาย ความว่า กลุ่มประชาชนที่รวมตัวกันโดยมีผลประโยชน์และวัตถุประสงค์ร่วมกันเพื่อช่วย เหลือหรือสนับสนุนกัน หรือทำกิจกรรมอันชอบด้วยกฎหมายและศีลธรรมร่วมกัน หรือดำเนินการอื่นอันเป็นประโยชน์ร่วมกันของสมาชิก มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องและมีระบบบริหารจัดการและการแสดงเจตนาแทนกลุ่ม ได้ “ชุมชนท้องถิ่น” หมายความว่า ชุมชนที่อยู่ร่วมกันในพื้นที่หมู่บ้านหรือตำบล
“ชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิม” หมายความว่า ชุมชนท้องถิ่นซึ่งเกิดขึ้นก่อนประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐
หมายเหตุ
คำนิยามเป็นการปรับให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญปี ๒๕๕๐ ม.๖๖ , ม.๖๗ “องค์กรชุมชน” หมาย ความว่า องค์กรซึ่งเป็นการรวมของชุมชน ชุมชนท้องถิ่นหรือชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิม ซึ่งจดแจ้งการจัดตั้งตามพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ ไม่ว่าประชาชนจะจัดตั้งกันขึ้นเอง หรือโดยการแนะนำหรือสนับสนุนของหน่วยงานของรัฐ เอกชน หรือองค์กรพัฒนาเอกชน “ตำบล” หมาย ความว่า เขตพื้นที่ในความรับผิดชอบของเทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล เขตในกรุงเทพมหานคร หรือเขตพื้นที่ที่กฎหมายเรียกชื่อเป็นอย่างอื่น
• ให้ รมว.กระทรวงการพัฒนาสังคมฯรักษาการตามพ.ร.บ.นี้
สภาองค์กรชุมชนตำบลประกอบไปด้วย (ม.๖)
1.สมาชิก ซึ่งเป็นผู้แทนชุมชนท้องถิ่นหรือชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิมในหมู่บ้าน และผู้แทน ชุมชนอื่นในตำบล ที่ได้รับการคัดเลือกและที่จำนวนตามที่ประชุมตาม ม.๕ กำหนด
2.สมาชิกผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวนไม่เกิน ๑ใน ๕ ของจำนวนสมาชิกตาม ๑
คุณสมบัติสมาชิกสภาองค์กรชุมชนตำบล (ม.๗)
• มี ภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่เป็นประจำ หรือมีชื่อในทะเบียนบ้านในหมู่บ้านในตำบลนั้นเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า หนึ่งปีจนถึงวันคัดเลือก
• ไม่เป็นหรือเคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สมาชิก/ ผู้บริหาร อปท. ผู้มีตำแหน่ง หรือเจ้าหน้าที่พรรคการเมือง หนึ่งปีก่อนวันคัดเลือก
• ไม่เคยสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส. สว. สมาชิกหรือผู้บริหารอปท. หรือเข้ารับการสรรหาเป็น สว. ในระยะเวลาหนึ่งปีก่อนวันคัดเลือก
• ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
ข้อห้ามสำหรับสมาชิกสภาองค์กรชุมชนตำบล (ม.๑๒)
• ไม่ช่วยเหลือหรือสนับสนุนการหาเสียงเลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สมาชิกหรือผู้บริหาร อปท.
• ไม่กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายและศีลธรรม
• ไม่สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ส.ว. สมาชิกหรือผู้บริหาร อปท. หรือเข้ารับการสรรหาเป็น ส.ว.
• ห้ามไม่ให้ผู้ที่สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ส.ว. สมาชิก/ผู้บริหาร อปท. ยังไม่ครบหนึ่งปีเป็นสมาชิกสภาองค์กรชุมชน
ระบบบริหารงานสภาองค์กรชุมชนตำบล
• สมาชิกสภาฯมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ ๔ ปี นับแต่วันคัดเลือก(ม.๘ )
• จัดการประชุมอย่างน้อยปีละ ๔ ครั้ง หรือกรณีสมาชิกไม่น้อยกว่า ๑ ใน ๔ ร้องขอ ม.๑๙)
• การประชุมต้องมีสมาชิกเข้าร่วมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง (ม.๒๐)
• การประชุมครั้งแรกให้สมาชิกเลือกกันเองเป็นประธานคนหนึ่ง และรองประธานสองคน (ม.๑๕ )
• สภาฯอาจตั้งคณะกรรมการเพื่อปฏิบัติภารกิจแทนได้ตามความเหมาะสม(ม.๒๓)
บทบาทภารกิจการประชุมของสภาองค์กรชุมชนตำบลในพื้นที่ มีดังนี้ (ม.๒๑)
1. ส่งเสริมและสนับสนุนให้สมาชิกองค์กรชุมชนอนุรักษ์หรือฟื้นฟูจารีตประเพณีภูมิ ปัญญาท้องถิ่น ศิลปะหรือวัฒนธรรมอันดีของชุมชนและของชาติ
2. ส่งเสริมและสนับสนุนให้สมาชิกองค์กรชุมชนร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นและหน่วยงานของรัฐในการจัดการ การบำรุงรักษา และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากร ธรรมชาติที่จะเป็นประโยชน์ต่อชุมชนและประเทศชาติอย่างยั่งยืน
3. เผยแพร่และให้ความรู้ความเข้าใจแก่สมาชิกองค์กรชุมชนรวมตลอดทั้งการร่วม มือกันในการคุ้มครองคุณภาพสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน
4. เสนอแนะปัญหาและแนวทางแก้ไขและการพัฒนาต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อนำไปประกอบ การพิจารณาในการจัดทำแผนพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
5. เสนอแนะปัญหาและแนวทางแก้ไข หรือความต้องการของประชาชนอันเกี่ยวกับ
การจัดทำบริการสาธารณะของหน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
6. จัดให้มีเวทีการปรึกษาหารือเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของปชช.ในการให้ความ คิดเห็นต่อการดำเนินโครงการของ อปท.หน่วยงานรัฐหรือเอกชนที่มีผลหรืออาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ สุขภาพอนามัย คุณภาพชีวิตชุมชน ทั้งนี้ อปท.หรือหน่วยงานของรัฐซึ่งเป็นผู้ดำเนินการหรือเป็นผู้อนุญาตให้ภาคเอกชน ดำเนินการต้องนำความเห็นดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาด้วย
7. ประสานและร่วมมือกับสภาองค์กรชุมชนตำบลอื่น
8. รายงานปัญหาและผลที่เกิดขึ้นในตำบลอันเนื่องจากการดำเนินงาน ของ อปท.หรือ หน่วยงานของรัฐ ต่อ อปท.และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง
9. วางกติกาในการดำเนินกิจการสภาองค์กรชุมชน
10. จัดทำรายงานประจำปีของสภาฯ รวมถึงสถานการณ์ด้านต่างๆ ที่เกิดขึ้นในตำบล เพื่อเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปทราบ
11. เสนอรายชื่อผู้แทนสภาองค์กรชุมชนตำบลสองคนเพื่อไปร่วมประชุมในระดับ จังหวัดของสภาฯ เมื่อมีการประชุมจดแจ้งจัดตั้งสภาองค์กรชุมชน ส่วนที่ต้องนำมาพิจารณาในการคัดเลือก ประธาน รองประธาน เลขานุการ และผู้ทรงคุณวุฒิ
มาตรา ๗ คุณสมบัติสมาชิกสภาองค์กรชุมชนตำบล
- มีภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่เป็นประจำ หรือมีชื่อในทะเบียนบ้านในหมู่บ้านในตำบล นั้นเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าหนึ่งปีจนถึงวันคัดเลือก
- ไม่ เป็นหรือเคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สมาชิก/ ผู้บริหาร อปท. ผู้มี ตำแหน่ง หรือเจ้าหน้าที่พรรคการเมือง หนึ่งปีก่อนวันคัดเลือก
- ไม่เคยสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส. สว. สมาชิกหรือผู้บริหารอปท. หรือเข้ารับการ สรรหาเป็น สว. ในระยะเวลาหนึ่งปีก่อนวันคัดเลือก
- ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับ ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
และความใน มาตรา ๑๒ ข้อห้ามสำหรับสมาชิกสภาองค์กรชุมชนตำบล
- ไม่ช่วยเหลือหรือสนับสนุนการหาเสียงเลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ดำรง ตำแหน่งทางการเมือง สมาชิกหรือผู้บริหาร อปท.
- ไม่กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายและศีลธรรม
- ไม่สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ส.ว. สมาชิกหรือผู้บริหาร อปท. หรือเข้ารับการสรรหา เป็น ส.ว.
- ห้ามไม่ให้ผู้ที่สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ส.ว. สมาชิก/ผู้บริหาร อปท. ยังไม่ครบหนึ่งปี เป็นสมาชิกสภาองค์กรชุมชน
บทบาทหน้าที่ของประธาน และรองประธานสภาองค์กรชุมชนตำบล ซึ่ง ในมาตรา ๑๖ มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
1. เรียกและดำเนินการประชุมสภาองค์กรชุมชนตำบล
2. ควบคุมและดำเนินกิจการของสภาองค์กรชุมชนตำบลให้เป็นไปตามกติกาและมติ ของสภาองค์กรชุมชนตำบล
3. ออกกติกาและคำสั่งใด ๆ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในการประชุม
4. เป็นผู้แทนสภาองค์กรชุมชนตำบลในกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก
5. แต่งตั้งเลขานุการสภาโดยความเห็นชอบของสมาชิกสภาองค์กรชุมชนตำบล
6. อำนาจและหน้าที่อื่นตามที่มีกฎหมายบัญญัติไว้
การประชุมในระดับจังหวัดของสภาองค์กรชุมชนตำบล (หมวด ๒)
• ให้มีการประชุมอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง และเมื่อสภาองค์กรชุมชนตำบลในจังหวัดไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 ร้องขอ (ม.๒๔)
• ผู้ว่าฯอาจให้มีการจัดประชุม เมื่อมีการจัดทำหรือแก้ไขแผนพัฒนาจังหวัด หรือเห็นสมควรรับฟังความเห็นสภาองค์กรชุมชน (ม.๒๕)
• ผู้เข้าประชุม เป็นผู้แทนสภาองค์กรชุมชนตำบลละ สองคน ผู้ทรงคุณวุฒิไม่เกิน 1 ใน 5 ของผู้แทนสภาองค์กรชุมชนตำบล (ม.๒๖)
• อบจ.อาจให้การอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการประชุมเป็นเงินอุดหนุนทั่วไป (ม.๒๙)
นางนภา เศรษฐกร รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวต่อที่ประชุมภายหลังเป็นตัวแทนรับข้อเสนอของสภาฯ โดยกล่าวว่า
การ รวมกลุ่มเป็นเครือข่าย “สภาฯ” ใช้คำว่าสภาองค์กรชุมชนตำบลอย่างเหมาะสม มารวมตัวกัน มาแสดงความคิดเห็น แต่มีวิธีการว่าจะทำอย่างไรให้เกิดเป็นรูปธรรม จากที่ได้รับฟังมีแนวคิดที่เป็นข้อเสนอที่เป็น แนวทางที่จะต้องเดินไปข้างหน้า ข้อเสนอทั้ง ๕ ด้าน เป็นข้อเสนอที่หน่วยงานยอมรับว่าคำตอบทุกคำตอบ คือชุมชน ชุมชนมีทุนทางสัคม ปราชญ์ชาวบ้าน ความร่วมือ องค์ความรู้ ซึ่งมีข้อมูล องค์ความรู้ ชุมชนเป็นผู้รู้ข้อมูลมากกว่าหน่วยงาน
ทางรัฐ โดยเฉพาะกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เห็นด้วยที่จะเดินไปด้วยกัน ดังนั้น ประชาสังคมและชุมชน เป็นผู้ขับเคลื่อนที่สำคัญเป็นอย่างมาก พอช.ภายใต้กระทรวง พม. ขอน้อมรับและและนำข้อเสนอดังกล่าวซึ่งเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายที่รัฐต้อง พยายามผลักดัน ซึ่งพอช.มีภารกิจในการส่งเสริม สนับสนุน การดำเนินงานของสภาองค์กรชุมชน เพื่อให้สภาองค์กรชุมชนเกิดขึ้นอย่างครอบคลุมในปี ๒๕๕๕ ซึ่งจะต้องได้รับความร่วมมือจากชุมชนจึงจะประสบผลสำเร็จ
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากการประชุมฯ ที่ประชุมได้มีมติ ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังนี้
๑) ทิศทางการขับเคลื่อนสภาองค์กรชุมชน ปี ๒๕๕๕
ในการขับเคลื่อนสภาองค์กรชุมชน ที่ประชุมได้กำหนดยุทธศาสตร์การทำงานใน ๓ ด้าน ประกอบด้วย
ยุทธศาสตร์ที่ ๑ สร้างความเข้มแข็งของสภาองค์กรชุมชนตำบลในการจัดการตนเอง
ยุทธศาสตร์ที่ ๒ สร้างการเรียนรู้ การจัดการความรู้ การสื่อสารสาธารณะของคนในชุมชนท้องถิ่น และขยายผลโดยใช้รูปธรรมจากพื้นที่
โดยการจัดการความรู้ การพัฒนาระบบข้อมูล การติดตามประเมินผล และการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์
ยุทธศาสตร์ที่ ๓ พัฒนาสภาองค์กรชุมชนตำบลให้มีประสิทธิภาพและประสานเชื่อมโยงกับภาคีการพัฒนา
๒) มาตรการส่งเสริม สนับสนุนการจัดตั้งและพัฒนาสภาองค์กรชุมชน
เพื่อให้การกำหนดมาตรการการส่งเสริม สนับสนุนการจัดตั้งและพัฒนาสภาองค์กรชุมชน เป็นไปอย่างสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ที่ประชุมฯ ได้สรุปบทเรียนการดำเนินงานที่ผ่านมา และกำหนดมาตรการในการส่งเสริม สนับสนุนการจัดตั้งและพัฒนาสภาองค์กรชุมชน โดยให้ พอช.ส่งเสริมการพัฒนาบุคคลากรเพื่อรองรับภารกิจในการส่งเสริมการจัดตั้งและ พัฒนากิจการสภาองค์กรชุมชน โดยจัดจ้างอาสาสมัคร หรือพัฒนาบุคลากร ของ พอช.ให้มีความเข้าใจและทำหน้าที่ในการส่งเสริมสภาองค์กรชุมชนอย่างจริงจัง และการพัฒนากิจการสภาองค์กรชุมชนตำบล ให้สามารถดำเนินการตามเป้าหมายสู่การจัดการกับปัญหาและความต้องการของคนใน ตำบล เป็นที่พึ่งของคนในตำบลได้ โดยอาจเป็นข้อเสนอหรือแผนงานพัฒนาทั้งระบบใน ๒ ระดับ ๑) จัดทำแผนพัฒนาให้สภาฯมีความเข้มแข็งสามารถจัดแผนงานพัฒนาหรือข้อเสนอจองตน เองได้ ๒) การจัดสมัชชาระดับตำบล โดยสภาฯที่มีความเข้มแข็งเป็นเจ้าภาพในการนำแผนของสภาฯ ไปบูรณาการกับเครือข่ายภาคีอื่นๆ เพื่อยกระดับเป็นแผนของคนทั้งตำบล
๓) ความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายและแผนพัฒนา
เพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัติ ที่ประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล จึงได้ประมวลความเห็นจากสภา องค์กรชุมชนผ่านเวทีการประชุมระดับตำบล จังหวัด และภาค รวมถึงความเห็นจากเวทีสมัชชาเครือข่ายองค์กรชุมชน เมื่อวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๔ โดยสามารถประมวลความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับนโยบาย และแผนพัฒนาด้านต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อประชาชน เพื่อเสนอต่อรัฐบาล โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
๓.๑ ข้อเสนอต่อนโยบายด้านเศรษฐกิจ
รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ด้วยการมุ่งสร้างความเข้มแข็งในภาคเกษตรโดยการลดภาระหนี้สินของเกษตรกร สนับสนุนระบบเกษตรปลอดสารเคมีและเกษตรอินทรีย์ พัฒนาระบบตลาดที่เป็นธรรมด้านราคาของพืชผลการเกษตร เพื่อเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร อันจะนำไปสู่ความมั่นคงทางอาชีพและรายได้ของเกษตรกร รวมถึงสร้างระบบความ มั่นคงทางอาหารในสังคมไทย เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าร่วมประชาคมอาเซียน
ประเด็นข้อเสนอ ได้แก่ หนี้สินเกษตรกร การสร้างรายได้ ราคาผลผลิตทางการเกษตร เกษตรพันธะสัญญาและความมั่นคงทางอาหาร การค้าเสรีและประชาคมอาเซียน
๓.๒ ข้อเสนอต่อนโยบายสังคม
มุ่งพัฒนาสังคมโดยเน้นแนวทางปลูกจิตสำนึกคุณธรรมจริยธรรม ใช้ศาสนาและวัฒนธรรม เป็นเครื่องมือและให้ชุมชนท้องถิ่นมีบทบาทหลักในการจัดการ ปัญหายาเสพติดและการพนัน แรงงานข้ามชาติ เด็กและเยาวชน กลุ่มชาติพันธุ์และคนไร้รัฐ บนหลักการสิทธิมนุษยชน
ประเด็นข้อเสนอ ได้แก่ ศาสนาและวัฒนธรรม ยาเสพติดและการพนัน แรงงานข้ามชาติ ผู้หญิง เด็กและเยาวชน กลุ่มชาติพันธุ์และกลุ่มคนไร้รัฐ
๓.๓ ข้อเสนอต่อนโยบายกฎหมายและโครงสร้าง
รัฐบาลควรดำเนินการปฏิรูปโครงสร้างในทุกระดับ โดยให้ประชาชนเข้ามีส่วน ร่วมในการปรับปรุงโครงสร้างรัฐ และออกแบบโครงสร้างองค์กรปกครองท้องถิ่นให้เหมาะกับบริบทพื้นที่ เนื้อหาสำคัญ คือ “การกระจายอำนาจในรูปแบบ ชุมชน/ท้องถิ่น/จังหวัด จัดการตนเอง” หรืออาจจะเรียกชื่ออื่นๆ ที่ภาคประชาชนสามารถเข้าใจได้ ภารกิจ ปฏิรูปประเทศไทย มีเนื้อหาสองประการ คือ นวัตกรรมปรับปรุงกลไกองค์กร และการสร้างขบวนการภาคประชาชน ในการเข้าร่วมภารกิจปฏิรูปประเทศไทย ภารกิจสองประการนี้จะต้องดำเนินการเป็นองค์รวมร่วมกันเพื่อให้เกิดความคืบ หน้าความสำเร็จที่วัดผลได้
ประเด็นข้อเสนอ ได้แก่ กำจัดการทุจริตคอรัปชั่น การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น การพัฒนาภาคใต้ การเสริมสร้างความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พื้นที่ปกครองพิเศษเพื่อให้จังหวัดจัดการตนเอง
๓.๔ ข้อเสนอต่อนโยบายคุณภาพชีวิต
ยกระดับการพัฒนาสุขภาวะชุมชนท้องถิ่นสู่การจัดการตนเอง สร้างคุณภาพการ ศึกษาเพื่อชีวิต จัดให้มีกองทุนชุมชนท้องถิ่นและกองทุนสวัสดิการชุมชน เพื่อยกระดับสังคมไทยให้เป็นสังคมสวัสดิการตลอดชีพ
ประเด็นข้อเสนอ ได้แก่ สุขภาพ กองทุนชุมชนท้องถิ่นและกองทุนสวัสดิการชุมชน การศึกษา
๓.๕ ข้อเสนอต่อนโยบายทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม
ส่งเสริมการดูแล อนุรักษ์ จัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยคำนึงถึงต้นทุนชีวิต สิทธิชุมชน ระบบนิเวศ เปิดโอกาสให้องค์กรชุมชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ และบริหารจัดการ บนหลักการมีส่วนร่วม “ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมตรวจสอบ ร่วมติดตามประเมินผล ร่วมรับประโยชน์”
ประเด็นข้อเสนอ ได้แก่ ที่ดิน/ที่อยู่อาศัย การจัดการน้ำ/ลุ่มน้ำ/น้ำโขง การจัดการน้ำและลุ่มน้ำ ป่าไม้ เหมืองแร่ การจัดการภัยพิบัติ การจัดการทรัพยากรชายฝั่ง การจัดการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ พลังงาน และมาตรการเร่งด่วนด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
๔) การศึกษาความเป็นไปได้ในการทบทวนและแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติสภาองค์กรชุมชน พ.ศ.๒๕๕๑ และพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการมือง พ.ศ.๒๕๕๑
จากการขับเคลื่อนงานสภาองค์กรชุมชนตลอดระยะเวลา ๓ ปีที่ผ่านมา พบว่ายังมีปัญหา ข้อติดขัดเกี่ยวกับประเด็นทางกฎหมายในบางประการ ที่อาจส่งผลต่อการขับเคลื่อนและการพัฒนาคุณภาพการดำเนินงานของสภาองค์กร ชุมชน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนงานพัฒนาชุมชนท้องถิ่นให้มีความ เข้มแข็ง สามารถจัดการตนเองได้อย่างยั่งยืน และเข้าไปมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประเทศได้อย่างแท้จริง
ในส่วนของสภาพัฒนาการเมือง พ.ร.บ.สภาพัฒนาการเมือง พ.ศ.๒๕๕๑ มาตรา ๔๑ บัญญัติว่าเมื่อครบกำหนดสามปี นับตั้งแต่วันที่ พ.ร.บ.นี้ใช้บังคับ ให้สภาพัฒนาการเมือง พิจารณาทบทวนว่าสมควรยกเลิกหรือแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัตินี้ ดังนั้น เพื่อเปิดโอกาสให้ขบวนองค์กรชุมชน ได้มีส่วนร่วมในการเสนอความเห็นเกี่ยวกับประเด็นที่ควรเสนอเพื่อพิจารณา แก้ไข เพิ่มเติมใน พ.ร.บ.สภาองค์กรชุมชน พ.ศ. ๒๕๕๑ และ พ.ร.บ.สภาพัฒนาการเมือง พ.ศ.๒๕๕๑ โดยอาจจัดให้มีผู้แทนเข้าร่วมในการศึกษาประเด็นเพื่อทบทวน แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ทั้งสองฉบับ
ข้อเสนอ ที่ประชุมมีมติให้ตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาศึกษา ทบทวน แก้ไข เพิ่มเติม พ.ร.บ.สภาองค์กรชุมชน พ.ศ.๒๕๕๑ และ พ.ร.บ.สภาพัฒนาการเมือง พ.ศ.๒๕๕๑ ให้สอดคล้องกับความเป็นจริง หลัง พ.ร.บ.ทั้ง ๒ ฉบับมีผลบังคับใช้ครบ ๓ ปี
๕) ทบทวนการดำเนินงานของที่ประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล
ตามที่ ที่ประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล ได้เห็นชอบให้มีกติกาที่ประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล พ.ศ.๒๕๕๒ ว่าด้วย การดำเนินการของที่ประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล พ.ศ.๒๕๕๒ และได้ประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๒ ที่ผ่านมา
ตามกติกาในหมวดที่ ๓ ส่วนที่ ๑ ได้กำหนดให้มีคณะกรรมการดำเนินการ โดยให้ที่ประชุมในระดับชาติ เลือกผู้แทนจำนวนไม่เกิน ๒๗ คน และผู้ทรงคุณวุฒิไม่เกิน ๖ คน รวม ๓๓ คน เป็นกรรมการ นอกจากนี้ คณะกรรมการดำเนินการ ยังได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการประสานงานสภาองค์กรชุมชนประจำภูมิภาค ๕ ภาค เพื่อเป็นกลไกติดตาม ส่งเสริมการขับเคลื่อนงานสภาองค์กรชุมชน
คณะกรรมการดำเนินการ ได้ดำเนินการตามบทบาทภารกิจที่ได้รับมอบหมาย นับตั้งแต่เดือนมกราคม ๒๕๕๒ ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ในการนี้ จึงเห็นควรเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาทบทวนกลไกการดำเนินงานของที่ประชุมใน ระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล
ทั้งนี้การส่งเสริมการจัดตั้งสภาองค์กรชุมชน นับตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๕๑ จนถึงปัจจุบัน (กันยายน ๒๕๕๔) มีการจัดตั้งสภาองค์กรชุมชนตำบลรวมทั้งสิ้น ๒,๖๗๗ แห่ง คิดเป็นร้อยละ ๓๓.๖ ของจำนวนตำบล/ เทศบาล/ เขตทั่วประเทศ