รู้จักสถานะของตนเองต้องรู้จัก สิทธิผู้สูงอายุ
เป็นส่วนราชการมีฐานะเป็นกรมในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2558 ตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2558 ซึ่งมีภารกิจ
เกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ การจัดสวัสดิการ และการคุ้มครองพิทักษ์สิทธิผู้สูงอายุ โดยการเสนอนโยบาย
การพัฒนางานวิชาการด้านมาตรการ กลไก องค์ความรู้ และนวัตกรรมในการปฏิบัติงาน การส่งเสริมและสนับสนุน
ในเชิงวิชาการและการปฏิบัติงานในพื้นที่เป้าหมายภายใต้การบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
โดยมีกลไกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชมรมผู้สูงอายุเป็นแกนหลักในการดำเนินงานในรูปแบบ
“หุ้นส่วนในงานพัฒนาด้านผู้สูงอายุ” ตลอดจนการติดตามประเมินผลการดำเนินงาน โดยมีศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ
และศูนย์การเรียนรู้และฝึกอบรมด้านผู้สูงอายุในกำกับเป็นศูนย์แห่งการเรียนรู้และพัฒนาแบบเบ็ดเสร็จครบวงจร (ศูนย์ต้นแบบ)
เพื่อความมีคุณภาพชีวิตที่ดีและเสริมสร้างหลักประกันความมั่นคงในการดำรงชีวิตของผู้สูงอายุ
มาออกกำลังกาย ให้กระชับ จะได้คล่องตัว จ้า...
ไม้พลอง กลองยาว
รำมวยจีน จินกังกง
เป็นการผสาน จิตกับกายไปด้วยกัน ทำให้ร่างกายแข็งแรง รวมถึงทำให้มีสมาธิ ภูมิต้านทานดีขึ้น
ปัจจุบัน พ.ศ. 2555 สำรวจอายุเฉลี่ยคนไทย ชาย 69 ปี หญิง 76 ปี
เริ่มมีการพูด และวิเคราะห์กันถึง เรื่องการกำหนดว่าผู้สูงอายุ ควรเริ่มที่อายุ 65 ปี จะเหมาะสมกับสถานะการใน 5 ปีข้างหน้า
คนไทยกลุ่มใหญ่ที่เกิดมากที่สุด จะทะยอยเข้าสู่กลุ่มผู้สูงอายุ
ประมาณ 2 ล้านคน คนไทยมีอายุยืนมากขึ้น อายุ 60 ปีก็ยังทำงานได้ดี
ในเวลานี้คนไทยมีอัตราการเกิดลดลง มีลูกคนเดียว เป็นโสดมาก อยู่กับเพศเดียวกันมากขึ้น ทำให้มีอยู่ในตลาดแรงงานน้อย
จ่ายภาษีไม่เพียงพอ ต่อผู้สูงอายุที่มีมากกว่ามาก ถ้าสังคมไทยเรายอมรับ การเป็นผู้สูงอายุที่ อายุ 65 ปี ก็จะทำให้คนค้างอยู่
ในตลาดแรงงานมากขึ้น การเข้าสู่กลุ่มสูงอายุจะทะยอยมา ทำให้การให้สวัสดิการพื้นฐาน แก่ผู้สูงอายุเพียงพอได้
สวัสดิการพื้นฐาน ภาครัฐจัดเพื่อให้มีชีวิตอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี ไม่ถึงกับขัดสน ในการใช้ชีวิตประจำวัน ได้แก่
- สิทธิไม่ต่องจ่ายค่าธรรมเนียมต่างๆ
- สิทธิในการจ่ายค่าบริการสาธารณูประโภค ครึ่งราคา หรือยกเว้น
- สิทธิได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐ
การปรับเปลี่ยนอายุของผู้สูงอายุที่ 65 ปี แน่นอนย่อมมีปัญหา ข้อติดขัดเกิดขึ้น ประชาชนภาคสังคม กิจการงาน ภาคเอกชนควรทะยอยเริ่มไปก่อน เช่น
ยอมรับการจ้างแรงงานต่อไปถึงอายุ 65 ปี กับบางตำแหน่งงานก่อน จนนำไปสู่ทุกตำแหน่งงาน เพื่อความเสมอภาคกันในสังคมผู้ใช้แรงงาน
ภาครัฐต้องมีการแก้กฏหมายที่มีการกำหนดอายุสิ้นสุดที่ 60 ไปเป็น 65 ปี ให้มีผลเป็นการจ้างพิเศษต่อไปปีต่อปี โดยไม่เลือกปฎิบัติ
จนระบบเข้ารูปเป็นการถาวร รนณรงค์ วางแผนประชากรศาสตร์ระยะยาว การมาอยู่อาศัยของตนต่างชาติ การสาธารณะสุข ให้ประชาชนเข้าใจ
อย่างถ่องแท้ เกี่ยวกับโรคเพศสัมพันธ์กับการมีบุตร และการเลี้ยงครรภ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด อย่างถูกต้องปลอดภัย การให้เงินสนับสนุนการมีบุตร
การสาธารณะสุข นับวันก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว จากคนมีอายุยืนได้ถึง 80 ปี ในปัจจุบัน แล้วในอีก
5 ปีข้างหน้า อายุยืนมากกว่านี้แน่นอน (เปลี่ยนและปลูกอวัยวะได้)
สำหรับ ภาคประชาชนต้องเตรียมตัวเอง ตั้งแต่ขณะที่ทำงานอยู่ เลือกว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร เมื่อตนเองเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
- การออม
- การรับบำนาญ
- การซื้อประกัน ชึวิต และสุขภาพ รักษาพยาบาล
- การกิน อยู่อาศัย ออกกำลังกาย ทำงานกิจกรรม ที่เหมาะสม และสุขภาพจิตที่ดี
- อย่าให้ 4 อาการป่วย เหงา วิตกกังวน หวาดกลัว ซึมเศร้า มารบกวนชีวิต เมื่อเข้าวัยเกษียญอายุ
- ตัดภาระการเป็นหนี้ต่างๆ ให้หมดสิ้น และผ่องถ่ายภาระ ที่ท่านยังต้องสงเคราะห์ผู้อื่น
เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ สำคัญนะจะบอกให้
เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่จะจ่ายแบบขั้นบันได บอกว่าอายุมากจ่ายมาก เริ่มจ่ายในเดือนตุลาคม 2554
แล้วก็ให้จ่ายตกเบิกเพิ่มให้อีกแม้ว่าจะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม
ครม.อนุมัติงบกลาง 2556 ให้จ่ายเงินค่าส่งเสริมสนับสนุน จัดการทำศพผู้สูงอายุตามประเพณี
รายละ 2,000 บาท เพื่อให้ได้รับการคุ้มครองครบถ้วนตามสิทธิ จำนวนทั้งสิ้น 1.7 ล้านราย วงเงิน 342 ล้านบาท
2559 รัฐบาลกำลังพิจารณาเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ โดยใช้หลักบำนาญพื้นฐานทางเศรษฐกิจ เป็นหลักในการกำหนดอัตราการจ่ายเงิน รอฟังข่าวคืบหน้านะจ๊ะ...
การดูแลผู้ป่วยสูงอายุระยะกลาง หมายถึง
ผู้ป่วยและญาติเห็นว่า อยู่รักษาโรงพยาบาลบริการดีเกินไป ถ้าผู้ป่วยอยู่รักษาที่บ้านก็ไม่มีใครดูแลตลอดทั้งวัน
หลังจากได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลจนเป็นที่ไว้วางใจของแพทย์ที่ให้การรักษาแล้ว ก็จะให้กลับไปรักษาตัวต่อที่บ้าน
ซึ่งระยะเวลาดังกล่าวจะเป็นช่วงเวลาประมาณ 6 สัปดาห์ ที่สำคัญมาก ว่าผู้ป่วยจะหายสนิท หรืออาการทรุดลง
จากการดูแลรักษาตัวไม่ดีพอ ซึ่งประเทศไทยยังไม่มีหน่วยงานรองรับ เช่น สถานพักฟื้นผู้ป่วย สถานที่กายภาพบำบัด
ดังนั้น ญาติ บุตร หลาน ของผู้ป่วย ควรให้ความใส่ใจ และให้ความสำคัญแก่ผู้ป่วย ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง
สรุป ดูแลดีหายป่วย ดูแลไม่ดีอาการทรุด หรือพิการไปเลย และต้องมีค่ารักษาเพิ่มชึ้นอีกหลายเท่าตัว
เรื่องกินแคลเซี่ยม
- อย่าหาซื้อกินเอง ต้องให้แพทย์สั่งเท่านั้น
- ผู้หญิง อายุ 30ปี ถึงหมดประจำเดือน กิน 800 - 1000 มิลลิกรัม / วัน
หมดประจำเดือนแล้ว กิน 1000 - 1200 มิลลิกรัม / วัน
การทำร้ายตนเอง
- การนำสิ่งเสพติด เข้าสู่ร่างกาย
- การกินอาหาร มากเกิน มันเกิน หวานเกิน เค็มเกิน ไม่กินผัก กินนานาสัตว์ กินสุกๆดิบๆ หมัก ดอง ขึ้นรา
- กินอาหารที่อาจมีสารพิษเจือปน ผสมในอาหารทำให้ นุ่ม เหนียว สด กรอบ ไม่บูด สีสวย ยาฆ่าแมลงในผัก
- การออกกำลังกายที่ น้อยเกิน มากเกิน รุนแรง ไม่สม่ำเสมอ ไม่เหมาะสม (เจ็บปวดเกิน 24 ชม.หลังออก)
- การบริโภคยาประเภท ก. ใช้ยาด้วยความเตยชิน ใช้ยาแรง ยาเสื่อมสภาพ หมอตี๋สั่ง ไม่ทำตามแพทย์สั่ง
- ที่อยู่อาศัย อากาศถ่ายเทไม่ดีพอ ฝุ่นละอองมาก เสียงรบกวน ดื่มน้ำน้อย นอนดึก ตื่นเช้าก่อน 5 นาฬิกา
- ยืนนาน นั่งนาน นั่งหลังโกง นั่งพับเพียบ นั่งขัดสมาธิ ยกของหนัก ก้มเงย จัดระเบียบร่างกายไม่สมดุลย์
-
สังคมไทย เป็นครอบครัวใหญ่ ถึงแม้ปัจจุบันจะไม่ได้อยู่บ้านหลังคาเดียวกันก็ตาม
ลูกหลานไทย ควรรักษาไว้เป็นเอกรักษ์ของชาติ ดูแลบุพการี กตัญญูต่อท่านตลอดชั่วอายุของท่าน
ถ้าลูกหลานท่านใดทอดทิ้ง ขอแนะนำ กดที่รูปได้เลย ...