เพลงแขกหนัง อัตรา ๒ ชั้นของเก่า หน้าทับปรบไก่ มีท่อนเดียว ๔ จังหวะ นายมนตรี -ตราโมท ได้แต่งขยายขึ้นเป็นอัตรา ๓ ชั้น และตัดลงเป็นชั้นเดียว ครบเป็นเพลงเถา เมื่อ พ.ศ.๒๔๗๒ พร้องทั้งแต่งบทร้องและตั้งชื่อใหม่ตามภาษามลายู “เพลงแขกกุลิต” (คำว่า กุลิต แปล-ว่า หนัง)
บทร้องเพลงแขกหนังนี้ มีความหมายเกี่ยวกับความรู้เป็นสิ่งที่มีค่าอันประเสริฐ
เพลงราตรีประดับดาว เป็นบทเพลงพระราชนิพนธ์เพลงแรกในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระองค์ได้ทรงฟังเพลงแขกมอญบางขุนพรหม เถา อันเป็นพระนิพนธ์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้า ฯ กรมพระนครสวรรค์พินิต เพลงนี้เป็นเพลงสำเนียงเป็นมอญ ซึ่งบทร้องที่ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ในตอนชั้นเดียวท่อนสุดท้ายนั้นมีว่า "ชื่อแขกมอญบางขุนพรหมนามสมญา ฉันได้มาจากวังบางขุนพรหม" รัชกาลที่ ๗ จึงมีพระราชประสงค์จะทรงแต่งเพลงเถาในสำเนียงมอญอย่างนั้นบ้าง จึงทรงหารือกับครูผู้ใหญ่ในวงการดนตรีไทยในสมัยนั้น เพลงที่ทรงเลือกมาเพื่อพระราชนิพนธ์ขึ้นเป็นเพลงเถานั้น คือเพลงมอญดูดาว สองชั้น พร้อมทรงพระราชนิพนธ์บทร้องขึ้นสำหรับร้องเป็นประจำโดยเฉพาะว่า
บทเพลงนี้ได้ถ่ายทอดเรื่องราว เกี่ยวกับ ความจำเป็นที่ต้องจากกันในเวลาอันใกล้
เพลง "ลาวดวงเดือน" เป็นผลงานนิพนธ์ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม พระราชโอรสลำดับที่๓๘ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับเจ้าจอมมรกต พระนามเดิมว่า "พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงศ์"ในปี พ.ศ.๒๔๔๖ เมื่อมีพระชันษา ๒๑ ปี พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงศ์เสด็จขึ้นไปนครเชียงใหม่ ได้พบรักกับเจ้าชมชื่น ธิดาสาวของเจ้าราชสัมพันธวงศ์กับเจ้าคำย่นเป็นรักครั้งแรกที่ พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงศ์ไม่อาจห้ามพระทัยได้ จึงทรงขอให้พระยานริศราชกิจข้าหลวงใหญ่มณฑลพายัพเป็นเถ้าแก่สู่ขอแต่เจ้าราชสัมพันธวงศ์ทัดทานไว้เพราะเห็นว่าเจ้าชมชื่นมีอายุเพียง ๑๖ ปีในขณะนั้น รอให้มีอายุครบ๑๘ปีเสียก่อนและต้องการให้ พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงศ์ทูลขอพระบรมราชานุญาตจากพระบรมราชชนก เพื่อเจ้าชมชื่นจะได้อยู่ในฐานะสะใภ้หลวงแต่ พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงศ์ก็ถูกทัดทานจากทุกฝ่าย ความรักครั้งแรกของพระองค์จึงต้องยุติลงด้วยความผิดหวัง เมื่อพระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงศ์เข้ารับราชการในกระทรวงเกษตราธิการทรงรับผิดชอบการเลี้ยงไหมทำให้ต้องเสด็จไปตรวจเยี่ยมศูนย์การทำไหมในมณฑลต่างๆ ครั้งหนึ่งในระหว่างทางที่เสด็จมณฑลอีสานได้ทรงหยุดประทับแรมบรรทมในเกวียน บรรยากาศในยามค่ำคืนอันเงียบเหงาทำให้ทรงนึกถึงความรักที่มีต่อเจ้าชมชื่น
จึงได้ทรงนิพนธ์เพลงถึงนางอันเป็นที่รักเพื่อสะท้อนความรักความคิดถึงรวมถึงความไม่สมหวังในรัก อาลัยในความรัก โดยทรงดัดแปลงและนำท่วงท่าทำนองเพลง "ลาวดำเนินทราย" ของพระยาประสานดุริยศัพท์(แปลก ประสานศัพท์)ซึ่งเป็นเพลงสำเนียงลาว และตั้งชื่อเพลงว่า "ลาวดำเนินเกวียน" เพลงนี้ได้รับความนิยมมาก หลังจากที่ พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงศ์สิ้นพระชนม์(โดยมีพระชันษาเพียง ๒๘ ปี)ผู้ที่นำไปขับร้องทีหลังไม่รู้ที่มาของเพลง เห็นว่าเนื้อเพลงขึ้นต้นด้วยคำว่า
ลาวดำเนินทราย ๒ ชั้น ของพระยาประสานดุริยศัพท์ (แปลก ประสานศัพท์) กล่าวกันว่าเป็นที่โปรดปรานของกรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม จึงทรงพระนิพนธ์เพลง "ลาวดำเนินเกวียน" ขึ้นอย่างเดียวกัน เพลงนั้นต่อมารู้จักกันดีในชื่อลาวดวงเดือน อารมณ์เพลงไปในทำนองพ้อรักและอาลัย (Serenade) เช่นเดียวกับเพลงลาวดวงเดือน หรือลาวคำหอม
เพลงลาวดำเนินทรายเป็นเพลงในอัตรา ๒ ชั้น ที่มีความไพเราะ เป็นที่นิยมบรรเลงเรื่อยมา เนื้อเพลงที่นิยมใช้ขับร้องแต่เดิมมาจากบทละครเรื่องพระลอ พระนิพนธ์ในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ที่ขึ้นต้นด้วย “สองนางงามก็เล้าโลมถามพี่เลี้ยงเฉลย...”หลังจากนั้นก็มีบทร้องที่ใช้ขับร้องเพลงลาวดำเนินทรายอีกหลายบท แต่ไม่เป็นที่นิยม กระทั่งเมื่อสมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชนิพนธ์บทร้องขึ้นบทหนึ่งตามทำนองเพลงลาวดำเนินทราย ทรงบรรยายถึงการตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปตามภูเขา(หรือดอย)ต่างๆ อันเป็นถิ่นทุรกันดาร มีความลำบากยากเย็นในการตามเสด็จ แล้วพระราชทานชื่อเพลงนี้ใหม่ว่า ไทยดำเนินดอย ล้อชื่อตามเพลงของเดิมคือ ลาวดำเนินทราย