วิธีการอ่านโน้ตดนตรีไทย มีหลักพิจารณาการอ่านดังต่อไปนี้
องค์ประกอบของโน้ต
การใช้สัญลักษณ์เพื่อบันทึกเสียงดนตรี ไม่ว่าจะอยู่ในวัฒนธรรมใดก็ตามไม่สามารถที่จะใช้แทนในทุกลีลาของดนตรี ได้ครบทุกกระบวนความ อย่างไรก็ตามไม่ว่าการบันทึกโน้ตของดนตรีแต่ละวัฒนธรรมจะมีการกำหนดกฏเกณฑ์ มากน้อยต่างกันเพียงใดก็ตาม สัญลักษณ์ที่ใช้แทนเสียงมักจะประกอบด้วย ๓ ลักษณะ คือ
๑. สัญลักษณ์แทนความสูง-ต่ำ ของเสียง (Pitch)
๒. สัญลักษณ์แทนความสั้นยาวของเสียง (Duration)
๓. สัญลักษณ์พิเศษอื่นๆ
๑. สัญลักษณ์แทนความสูง-ต่ำ ของเสียง (Pitch) ระดับความสูง-ต่ำของเสียงนับ เป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างทำนองดนตรี ในวัฒนธรรมดนตรีตะวันตก สัญลักษณ์ที่ใช้แทนระดับเสียงอาศัยระดับความสูง-ต่ำ ของบรรทัด ๕ เส้นเป็นตัวกำหนด สำหรับระบบโน้ตในดนตรีไทย สัญลักษณ์ที่ใช้แทนระดับความสูง-ต่ำ ของเสียงถูกกำหนดโดยตัวอักษรจำนวน ๗ ตัว และสัญลักษณ์การแทนเสียงสูง –ต่ำ โดยมี จุด (.) ข้างล่างตัวอักษร เป็นเสียงต่ำ ส่วนมีจุด (.) ข้างบนตัวอักษร เป็นเสียงสูง ดังแสดงตารางดังนี้
๒. สัญลักษณ์แทนความสั้น-ยาวของเสียง ความสั้น-ยาวของเสียงเป็น คุณสมบัติพื้นฐานที่สำคัญยิ่งต่อการกำหนดลีลาจังหวะในดนตรีตะวันตก สัญลักษณ์ที่ใช้แทนความสั้น-ยาว สังเกตได้จากลักษณะที่แตกต่างกันของตัวโน้ต เช่น ตัวกลม ตัวขาว ตัวเขบ็ด เป็นต้น
ระบบโน้ต ดนตรีไทย มีสัญลักษณ์ที่ตรงกันข้ามกับระบบโน้ตสากล คือ อัตราจังหวะความสั้น-ยาว ของเสียงในระบบโน้ตสากลขึ้นอยู่กับลักษณะที่แตกต่างกันของโน้ตเป็นสำคัญ ในขณะที่ตัวโน้ตตามระบบ ดนตรีไทย ไม่สามารถแทนค่าความสั้น-ยาวของ เสียงได้ อัตราความสั้น-ยาวระบบโน้ตดนตรีไทย จะเกิดได้ ต้องอาศัยองค์ประกอบที่สำคัญ ๒ ประการ คือ ห้องเพลง และการจัดเรียงโน้ต
ห้อง เพลง ห้องเพลงในระบบโน้ต ดนตรีไทย ทำหน้าที่เช่นเดียวกับจังหวะเคาะ (Beat) โดยจะมีการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าในอัตราช้า-เร็วอย่างสม่ำเสมอ ทุกบรรทัดที่ใช้บันทึกโน้ตจะประกอบด้วย ๘ ห้องเพลง โดยตำแหน่งของจังหวะเคาะจะอยู่ที่ส่วนท้ายสุดของตัวโน้ตในแต่ละห้องเพลง ดังนี้
ตัวอย่าง โน้ตเพลงไทยอัตราจังหวะสองชั้น
เพลงบังใบ สองชั้น
เพลงบังใบเป็นเพลงอัตราสองชั้น เป็นเพลงเก่าไม่ทราบนามผู้แต่ง ประเภทหน้าทับสองไม้ มีสองท่อน ใช้ขับร้องในการแสดงโขนละคร ภายหลังมีผู้นำมาแต่งขยายขึ้นเป็นอัตราสามชั้น และตัดลงเป็นชั้นเดียวครบเป็นเพลงเถา มีอยู่หลายทางด้วยกัน ทางที่นิยมมากคือ ทางปี่พาทย์ของจางวางทั่ว พาทยโกศล ทางของครูช้อย สุนทรวาทิน และทางของพระยาประสานดุริยศัพท์ (แปลก ประสานศัพท์) เพลงบังใบเป็นเพลงในตับวิวาห์พระสมุทรเช่นเดียวกับเพลงคลื่นกระทบฝั่ง และแขกสาหร่าย
การบรรเลงขลุ่ยเพียงออ เพลงบังใบสองชั้น
การขับร้อง เพลงบังใบสองชั้น
คำร้องเพลงบังใบในตับวิวาห์พระสมุทร พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยอันโดรเมดาร้อง ตอบอันเดรคู่รักของนาง
ได้ยินคำสำเนียงเสียงเสนาะ แสนไพเราะรสรักเป็นหนักหนา
เหมือนยินเสียงหงส์ทองที่ฟ่องฟ้า กล่อมสุนทรวอนว่าน่ายินดี
ถึงแม้ว่าจะสนิทนิทรา ก็ผวาเมื่อสดับศัพท์เสียงพี่
ถึงดิฉันร้อนรุมกลุ้มฤดี เสียงเหมือนทิพย์วารีมาประพรม
แต่โอ้ว่าอนิจจาได้กินหวาน มิช้านานต้องกลืนทั้งขื่นขม
พอพี่ไปใจน้องต้องระทม ยิ่งมาชมก็ยิ่งช้ำระกำใจ
ต่อมามีผู้นำทำนองเพลงบังใบ ๒ ชั้นไปดัดแปลงเป็นเพลงลูกกรุงลูกทุ่งหลายเพลงด้วยกัน ที่ยังหาฟังกันได้ ได้แก่ เพลงรักบังใบ
เนื้อร้องเพลงรักบังใบ
กามเทพหลอกลวง เสียบศรปักทรวงให้ห่วงหา
ให้รักแล้วใยมา ริดรักราแรมไกล
รักของข้าดั่งบัวบังใบ บังมิให้ใครเห็น
เฝ้าครวญหวนทุกเช้าเย็น ตรอมตรม
สุดหักสุดหายหัวใจมิวายระทม
สุดตรอมสุดตรมใจ ยิ่งคิดให้โหยหา
ต้องบังรักไว้ไม่กล้า บอกใคร
เย็นย่ำสุริยา ตะวันจากตาพามืดมิด
โอ้ช่างเหมือนดวงจิต มิดมืดยามรักไกล
น้ำตาตกตามตะวัน นึกแล้วหวั่นพรั่นใจ
อกเอ๋ยทำฉันใด เล่าเอย
เพลงรักบังใบ ทำนองเดิม บังใบสองชั้น
ตัวอย่างเพลงไทยอัตราจังหวะสามชั้น
เพลงนกเขาขะแมร์ สามชั้น
เพลงนกเขาขะแมร์ทำนองของเดิม เป็นเพลงเขมรแท้ ๆ หลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ได้ต่อทำนองเพลงดังกล่าวจากขุนสำเนียงไพเราะ เจ้ากรมปี่พาทย์หลวงในพระเจ้ามณีวงศ์ แต่ครั้งตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเยือนประเทศแถบอินโดจีน เมื่อกลับมาเมืองไทย หลวงประดิษฐ์ไพเราะ ได้นำเพลงที่ชาวชวาเรียกว่า "เพลงนกเขา " มาปรุงทางใหม่ ครบทั้งเถา โดยมีทำนองสำเนียงเขมร มีลูกล้อลูกขจัดทำนองเลียนเสียงขันคูของนกเขาและได้ขอให้ นายมนตรี ตราโมท ช่วยแต่งบทร้องให้ แต่สำหรับเนื้อร้องข้างล่างนี้ เป็นเนื้อร้องของ ศจ.ดร.อุทิศ นาคสวัสดิ์ โดยใช้ทำนอง เพลงนกเขาขะแมร์ ท่อน ๒ ของหลวงประดิษฐ์ไพเราะมาแต่ง และใช้ชื่อว่า "เพลงจู้ฮุกกรู" ลักษณะโครงสร้าง เพลงนกเขา ในอัตราสองชั้น ใช้หน้าทับปรบไก่ เป็นเพลงไทยที่ล้อสำเนียงเขมร ลีลาอ่อนหวาน นุ่มนวล ทำนองเพลงฟังคล้ายมีเสียงนกเขาคูขันด้วยความรื่นเริง เนื้อร้องใช้คำประพันธ์ ประเภทคำกลอน
ต่อมามีผู้นำทำนองเพลงนกเขาขะแมร์นี้มาแต่งบทร้องใหม่ในแบบฉบับเพลงลูกกรุง ได้แก่ เพลง นกเขาคู่รัก
เพลงนกเขาคู่รัก
คลิกเพื่อรับชม หลักการอ่านโน้ตดนตรีไทย