1. จังหวะกับอารมณ์เพลง
จังหวะ มีส่วนประกอบในตัวจังหวะเอง 3 ส่วนคือ กลุ่มจังหวะนับลักษณะการเคาะจังหวะ และอัตราช้า- เร็วของการดำเนินจังหวะทั้ง 3 ส่วนประกอบ ต้องบรรเลงไปพร้อมกันเป็น จังหวะเดียวกัน มีอิทธิพลต่อการถ่ายทอดออารมณ์ต่างๆได้ เช่น จุดเน้นหนัก - เบา ที่สม่ำเสมอของจังหวะ เปรียบเสมือนชีพจรของบทเพลง และดนตรี ทำใหู้้ังร้สึกมีชีวิตชีวา หรือลักษณะการเคาะจังหวะตามแบบรูปของสไตล์เพลง และดนตรี สามารถถ่ายทอดใหู้้ังเกิดอารมณ์ร่าเริง ตื่นเต้น ่อนคลาย หรือโศกเศร้าได้ตามสไตล์นั้นๆ เป็นต้น
2. ความดัง - เบากับอารมณ์เพลง
ความดัง - เบากับอารมณ์เพลงเกิดจากเนื้อดนตรีที่มีความหนาแน่นของตัวโน้ต หรือของแนวดนตรีที่แตกต่างกัน ยิ่งหนาแน่นมากยิ่งดังมาก และอารมณ์ของู้ังก็จะันวน หรือเปลี่ยนแปลงตาม เช่น ยิ่งเสียงดังยิ่งถ่ายทอดอารมณ์เครียด และตื่นเต้น เสียงที่ค่อยๆ เบาลง จะถ่ายทอดอารมณ์ค่อยๆ คลายความเครียด หรือ รู้สึกสบาย เป็นต้น
3. ความแตกต่างของอารมณ์เพลง
เมื่อเราฟังเพลงที่มีโครงสร้าง หรือส่วนประกอบแตกต่างกันย่อมจะทำให้เกิดอารมณ์ควมรู้สึกแตกต่างกันไปในแต่ละเพลง ซึ่งอารมณ์ที่จะเกิดขึ้นเมื่อบุคคลังเพลง ถ้าจำแนกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ จะได้ 2 อารมณ์ คือ
- อารมร์ด้านบวก Positive feeling ได้แก่ อารมณ์ที่เป็นสุขต่างๆ เช่น ร่างเริง เบิกบาน หวาน รัก มีกำลังใจ เป็นต้น
- อารมณ์ด้านลบ Negative feeling ได้แก่ อารมณ์ที่เป็นทุกข์ต่างๆ เช่น เศร้า เครียด ท้อถอย เป็นต้น ซึ่งบทเพลงทุกเพลงจะมีอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งดังกล่าวนี้ เป็นแก่นสารของเพลง
ในการประพันธ์เพลงแต่ละเพลง ผู้ประพันธ์จำเป็นต้องใช้เทคนิคในการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของตนลงในบทเพลง เพื่อให้ผู้ฟังเกิดอามรมณ์และความรู้้สึกคล้อยตาม เทคนิคและการแสดงออกในการจินตนาการในการสร้างสรรค์บทเพลงประกอบด้วยสิ่งต่างๆดังนี้
1) เสียง เป็นเทคนิคที่สำคัญประการหนึ่งในการสื่อให้เกิดอารมณ์ต่างๆ เช่น บทเพลงที่ต้องการแสดงออกถึงความสนุกสนาน ปลุกใจ ผู้ประพันธ์จะเลือกใช้เสียงที่อยู่ในระดับปานกลาง ไม่สูง หรือต่ำจนเกินไป มีการสลับเสียงสูง - ต่ำ เพื่อให้เกิดสีสันของบทเพลง รวมทั้งเป็นกระตุ้นอารมณ์ ความรู้สึกของผู้ฟังให้รู้สึกคึกคักและสนุกสนานตามไปด้วย บทเพลงที่เกียวข้องกับความรัก ความงาม ความสุข ความโศกเศร้า การสูญเสีย หรือการพลัดพราก ผู้ประพันธ์จะเลือกใช้เสียงในระดับเสียงเดียวกัน ไม่สลับเสียงสูง - ต่ำ โลดโผนดังบทเพลงที่ให้อารมณ์สนุกสนาน บทเพลงที่ต้องการสื่อถึงความสวยงามและเสียงของธรรมชาติ ผู้ประพันธ์ยังจำเป็นต้องคัดสรรเสียงให้ใกล้เคียงกับเสียงธรรมชาติ ผู้ประพันธ์ยังจำเป็นต้องคัดสรรเสียงให้ใกล้เคียงกับเสียงธรรมชาติที่ต้องการถ่ายทอด เช่นเสียงนกร้อง เสียงน้ำตก เสียงคลื่น
2) จังหวะ เป็นเทคนิคที่ผู้ประพันธ์ต้องคำนึงถึงในการประพันธ์เพลง โดยบทเพลงที่สนุกสนาน จังหวะที่ใช้ก็จำเป็นต้องเป็นจังหวะที่กระชับ สั้น ไม่เชื่องช้า ซึ่งแตกต่างกับบทเพลงที่เกี่ยวข้องกับความรัก ความงาม ความสุข ความโศกเศร้า การสูญเสีย หรือการพลัดพราก ก็ต้องใช้จังหวะช้า มีกาทอดจังหวะ เพื่อให้ผู้ฟังเข้าถึงอารมณ์เพลงได้ง่ายขึ้น
3) รูปแบบ นอกจากจะใช้รูปแบบตามที่กำหนดเป็นแบบทฤษฎีดนตรีไทยแล้ว ผู้ประพันธ์อาจต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบบทเพลง เพื่อให้เกิดความแปลกใหม่ในวงการดนตรีไทย ซึ่งจะทำให้บทเพลงไทยได้รับความสนใจและความนิยมมากขึ้น เช่น เพลงโหมโรงมหาราช ผลงานประพันธ์ของอาจารย์มนตรี ตราโมท ที่ได้แต่งขึ้นเพื่อทูลเกล้า ฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ (รัชกาลที่๙) เนื่องในวโรกาสทรงพระเจริญพระชนมพรรษา ๖ รอบ โดยรูปแบบของเพลงนี้มีลักษณะแตกต่างไปจากเพลงโหมโรงเดิม ผู้ประพันธ์ได้กราบบังคมทูลขอพระบรมราชานุญาต อัญเชิญทำนองบทเพลงพระราชนิพนธ์ใกล้รุ่งและเพลงเราสู้มาแปลงเป็นเพลงอัตราจังหวะสองชั้น สอดแทรกทำนอง ลูกล้อ ลูกขัด ลูกเหลื่อม ผสมผสานกันอย่างลงตัวและจบด้วยทำนองเพลงพระราชนิพนธ์สายฝน ๓ วรรคบทเพลงจึงมีความไพเราะ แปลกหูไปจากเดิมมาก
4) สำเนียงภาษา ศิลปินดนตรีไทยมีความสามารถในการเลียนสำเนียงชาติต่างๆ ดังจะเห็นได้จากชื่อเพลงส่วนใหญ่ที่ขึ้นต้นด้วยชื่อของชชนชาติต่างๆ เช่น จีน แขก ฝรั่ง มอญ เขมร ลาว พม่า เป็นต้น ดังนั้น ในการประพันธ์เพลงผู้ประพันธ์เพลงจึงจำเป็นต้องใช้เทคนิคในการถ่ายทอดให้บทเพลงนั้นมีสำเนียงคล้ายคลึงกับทำนองและสำเนียงเพลงของแต่ละชาติให้ได้มากที่สุด
ประวัติความเป็นมาของเพลง
เพลง หมายถึง ถ้อยคำที่นักประพันธ์เรียงร้อยหรือเรียบเรียงขึ้น ซึ่งประกอบด้วย เนื้อร้อง ทำนอง จังหวะ ทำให้เกิดความไพเราะสร้างความเพลิดเพลินให้แก่ผู้ฟัง มีคุณค่าด้านวรรณศิลป์ทั้งด้านการเลือกสรรคำที่ใช้ในการแต่ง การเรียบเรียงประโยค และการใช้โวหาร เพลงนั้นอาจให้ข้อคิดแก่ผู้ฟังในการดำเนินชีวิตด้วยสำเนียงขับร้อง ทำนองดนตรี กระบวนวิธีรำระบำ โดยเพลงสร้างสรรค์จากเครื่องดนตรีหรือการขับร้อง
เพลงลูกกรุง เป็นเพลงไทยสากลประเภทหนึ่ง โดยเป็นเพลงที่บอกเล่า ถ่ายทอด ความรู้สึกของสังคม และคนเมืองหลวง ตลอดจนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การถ่ายทอดอารมณ์ การขับร้อง น้ำเสียง ของกลุ่มนักร้อง นักแต่งเพลง และนักดนตรีจะมีรูปแบบ ประณีต ละเอียดอ่อน ออกมานุ่มนวล เนื้อร้องจะมีลักษณะเป็นร้อยแก้ว ร้อยกรอง มีความหมายสลับซับซ้อน ยอกย้อน ปี พ.ศ. 2482 วงสุนทราภรณ์ก่อตั้งเป็นวงดนตรีวงใหญ่ ซึ่งทำให้สังคมเมืองในยุคนั้น เริ่มตื่นตัวการฟังเพลง ผู้ฟังและค่ายเพลงต่างๆ เริ่มจัดประเภทเพลง สร้างนักร้องให้มีรูปแบบความเป็นคนเมืองหลวง นักดนตรี นักแต่งเพลง นักร้องต่างมีรูปแบบ หาแฟชั่นนำสังคม ทั้งเรื่องแฟชั่น การแต่งกาย มีคลับมีบาร์ แถวถนนราชดำเนิน ตามย่านชุมชน โรงแรมใหญ่ๆ มีห้องบอลรูม เพื่อให้มีการจัดแสดงดนตรีประกอบ และเริ่มมีการเปรียบเทียบระหว่างเพลงลูกทุ่งและเพลงลูกกรุง
เพลงลูกทุ่ง คือเพลงที่สะท้อนวิถีชีวิต สภาพสังคมอุดมคติและวัฒนธรรมไทย โดยมีท่วงทำนอง คำร้อง สำเนียง และลีลาการร้องการบรรเลงที่เป็นแบบแผน มีลักษณะเฉพาะซึ่งให้บรรยากาศ ความเป็นลูกทุ่ง เพลงลูกทุ่ง คือ เพลงไทยรูปแบบหนึ่งที่พัฒนามาจากเพลงพื้นบ้าน บรรเลงโดยใช้เครื่องดนตรีสากล ใช้ภาษาง่ายๆ บรรยายเรื่องราวของชีวิต สภาพสังคม และวัฒนธรรม ซึ่งเน้นวิถีชีวิตของชาวชนบท มีท่วงทำนอง คำร้อง ลีลาการร้อง ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ให้บรรยากาศความเป็นลูกทุ่ง เนื้อเพลงมีความหลากหลาย ตามแต่ผู้ประพันธ์จะกำหนด ทั้งแนวรัก แนวเศร้า สะท้อนชีวิตความเป็นอยู่ หรือเหตุการณ์สำคัญๆ ซึ่งเพลงลูกทุ่งจะบันทึกไว้ เช่น การเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ก็มีเพลง น้ำท่วม เนื้อร้องท่อนหนึ่งว่า "น้ำท่วมน้องว่าดีกว่าฝนแล้ง พี่ว่าน้ำแห้งให้ฝนแล้งเสียยังดีกว่า น้ำท่วมปีนี้ทุกบ้านล้วนมีแต่คราบน้ำตา"
เพลงพื้นบ้าน คือ เพลงของท้องถิ่นที่ชาวบ้านจดจำสืบทอดกันมาแบบปากเปล่า ใช้ร้องเล่นเพื่อความสนุกสนานรื่นเริง และถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกโดยใช้ถ้อยคำที่ง่ายๆ แต่ใช้โวหารหรือการเปรียบเทียบที่คมคาย เน้นเสียงสัมผัส และจังหวะการร้องเป็นสำคัญ เนื้อร้องเป็นบทกลอน ถ่ายทอดชีวิต มีคติสอนใจ ให้อารมณ์สนุกสนาน
เพลงสตริง (string) อาจหมายถึง เพลงที่ใช้บรรเลง-ขับร้องในประเทศไทยนั้น เริ่มต้นมาจากเพลงไทยเดิมและเพลงลิเก หลังจากนั้น พัฒนามาเป็นเพลงไทยสากล และเพลงลูกทุ่ง ต่อมาเพลงสากลยุคใหม่เกิดขึ้น รากศัพท์เพลงนี้จะชื่ออะไรไม่ได้สนใจ แต่เมืองไทยเรียกว่า “เพลงสตริง” ผู้จุดประกายเพลงสตริงในประเทศไทยน่าจะได้แก่วงดนตรี “ดิอิมพอสสิเบิ้ล” แต่จะเรียกว่าเป็นดนตรีต้นแบบสตริงก็มิใช่ เพราะส่วนใหญ่เพลงวงนี้จะเป็นเพลงแจ๊ส ผสมเพลงสมัยใหม่ การขับร้องเพลงของวงดิ อิมพอสสิเบิ้ล ก็ระรื่นหูชวนฟัง เพราะร้องชัดถ้อยชัดคำ ไม่เหมือนเพลงสตริง ที่นักดนตรี นักแต่งเพลงประเทศมีสมองเพื่อจะลอกเลียนเพลงเขามาทำมาหาประโยชน์ใส่ตน และนี่คือ การทำวงการเพลงเมืองไทย เข้าสู่ยุคเสื่อมทรามขาดความเป็นสากล ขาดความประณีตในการทำดนตรี และการขับร้องมากมายก่ายกอง ที่ไปลอกเลียนเพลงเขามา ลอกเลียนทำนองเพลงเขามา แปลความหมายของเพลงมาเป็นภาษาไทย หรือไม่ก็ใส่เนื้อร้องใหม่เข้าไป โดยมิได้คำนึงถึงหลักภาษา ฉันทลักษณ์ นึกจะใส่ภาษาวิบัติก็ใส่เข้าใป
เพลงเพื่อชีวิต แต่แรกเริ่มหมายถึงเพลงที่มีเนื้อหากล่าวถึงชีวิตของคน โดยเฉพาะคนชนชั้นล่าง กล่าวถึงความยากลำบากในการใช้ชีวิต การถูกเอารัดเอาเปรียบ เพลงในแนวเพื่อชีวิตในยุคนี้โดยมากจะเป็นเพลงลูกทุ่ง เช่น เพลง กลิ่นโคนสาบควาย ของคำรณ สัมบุญณานนท์, จักรยานคนจน ของยอดรัก สลักใจ, น้ำมันแพง ของสรวง สันติ, น้ำตาอีสาน แต่งโดยชลธี ธารทอง และขับร้องโดยสายัณห์ สัญญา เป็นต้น
เพลงเพื่อชีวิตมักจะรวมเอาองค์ประกอบของดนตรีตะวันตกเหมือนกันเช่นเพลงบัลลาด และเพิ่มเป็นจังหวะของดนตรีไทยเซ่น สามช่า หมอลำ และลูกทุ่ง และมีองค์ประกอบของดนตรีคลาสสิกไทยบ้างเช่นกัน เพลงเพื่อชีวิตในยุคแรกจะเป็นดนตรีโฟล์กตะวันตกพร้อมกับการใช้เครื่องดนตรีอคูสติก ซึ่งต่อมาได้เพิ่มดนตรีร็อกพร้อมกับกีตาร์ไฟฟ้า เบส และกลองชุด บางศิลปินยังได้รับอิทธิพลของเร้กเก้ สกา และเพลงละตินบ้างและบางศิลปินยังใช้เครื่องดนตรีไทยเซ่น พิณ ขลุ่ย และซออู้
โดยวงดนตรีเพื่อชีวิตที่มีชื่อเสียง ได้แก่ คาราวาน, แฮมเมอร์, โคมฉาย เป็นต้น ความนิยมในเพลงเพื่อชีวิตไม่ได้เป็นเพียงกระแสในห้วงเวลานั้น หากแต่ยังได้รับความนิยมเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีวงดนตรีและนักร้องเพลงเพื่อชีวิตที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน เช่น คาราบาว, พงษ์สิทธิ์ คำภีร์, พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ, อินโดจีน (วงดนตรีไทย)|อินโดจีน, คนด่านเกวียน, มาลีฮวนน่า, โฮป, ซูซู, ตีฆอลาซู เป็นต้น อีกทั้งยังมีศิลปินบางคนหรือบางกลุ่มที่ไม่ได้เป็นเพื่อชีวิตอย่างเต็มตัว แต่เนื้อหาของเพลงหลายเพลงมีเนื้อหาที่คล้ายคลึงกับเพื่อชีวิตหรือจัดให้อยู่ประเภทเพื่อชีวิตได้ เช่น จรัล มโนเพ็ชร, เสกสรร ทองวัฒนา, ธนพล อินทฤทธิ์, หนู มิเตอร์, นิค นิรนาม, พลพล พลกองเส็ง, กะท้อน, ศุ บุญเลี้ยง, สิบล้อ เป็นต้น
อารมณ์เพลงเศร้า น้อยใจ เสียใจ เช่น
เพลงเป็นไปไม่ได้
ศิลปิน : ดิอิมพอสซิเบิ้ล
ถ้าฉันมี สิบหน้า อย่างทศกัณฑ์ สิบหน้านั้น ฉันจะหัน มายิ้มให้เธอ
สิบลิ้น สิบปาก จะฝากคำพร่ำเพ้อ ว่ารักเธอ รักเธอ เป็นเสียงเดียว
ถ้าฉันมี ยี่สิบตา อย่างทศกัณฑ์ ยี่สิบตา ของฉัน จะมองเธอไม่เหลียว
ยี่สิบแขน จะสวมสอด กอดเธอผู้เดียว ยี่สิบสีดา อย่ามาเกี้ยว ไม่แลเหลียวมอง
แต่ฉันมี หน้าเดียว ซีดเซียวทุกข์ทน ด้วยความจน ความขัดสน จนเงินและทอง
หนึ่งลิ้น หนึ่งปาก ไม่อาจจักผยอง ว่าฉันปอง ฉันปอง เธอแม้เงา
และฉันมี ตาคู่เดียว แลเหลียวเมียงมอง อีกมือสอง ของฉัน มันอาภัพอับเฉา
ดาวจากสรวง หรือจะร่วง สู่ทรวงอกเรา ได้แต่ซบเซา เศร้าลำเค็ญ เป็นไปไม่ได้
คลิกเพื่อเข้าชมเพลง
อารมณ์เหงา คิดถึงบ้าน เช่น
เพลงเดือนเพ็ญ
ศิลปิน : คาราบาว
เดือนเพ็ญ สวยเย็นเห็นอร่าม นภาแจ่มนวลดูงาม เย็นชื่นหนอยามเมื่อลมพัดมา
แสงจันทร์นวลชวนใจข้า คิดถึงถิ่นที่จากมา คิดถึงท้องนาบ้านเรือนที่เคยเนา
เรไรรัองดังฟังว่า เสียงเจ้าที่เฝ้าครวญหา ลมเอ่ยช่วยพากระซิบข้างกาย
ข้ายังคอยอยู่มิหน่าย มิเลือนห่างจากเคลื่อนคลาย คิดถึงมิวายที่เราจากกัน
กองไฟ สุมควายตามคอก คงยังไม่มอดดับดอก จันทร์เอ่ยช่วยบอกให้ลมช่วยเป่า
สุมไฟให้แรงเข้า พัดไล่ความเยือกเย็นหนาว ให้พี่น้องเฮานอนหลับอุ่นสบาย
ลมเอย ช่วยเป็นสื่อให้ นำรักจากห้วงดวงใจ ของข้านี้ไปบอกเขาน้ำนา
ให้เมืองไทยรู้ว่า ไม่นานลูกที่จากลา จะไปซบหน้ากับอกแม่เอย
คลิกเพื่อเข้าชมเพลง
นอกจากเพลงที่ยกตัวอย่างข้างต้นนี้ ยังมีเพลงอีกมากมายหลายเพลง หลากหลายศิลปิน ที่ถ่ายทอดอารมณ์เพลงต่างๆ ขอให้นักเรียนฟังเพลงเยอะ ๆ ฟังอย่างหลากหลายเพื่อให้เข้าถึงอารมณ์เพลงกันนะครับ