เรามาเรียนคำกริยาตัวหนึ่ง
ที่ไม่ว่าใคร ๆ ก็อยากจะให้เราทำ ณ ตอนนี้
เพราะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกัน
การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
นั่นคือคำว่า...... 'stay'
.
เราเห็นการใช้คำว่า 'stay'
ในสื่อต่าง ๆ สโลแกน
หรือในแคมเปญรณรงค์ต่าง ๆ มากมาย
ตัวอย่างเช่น
* Stay home, stay safe.
* อยู่บ้าน หยุดเชื้อ (เพื่อชาติ)
.
หรือในข้อความตัววิ่งบนมือถือของค่ายต่าง ๆ
เช่น AIS ขึ้นข้อความบนจอมือถือด้านบนสุด
ว่า 'Stay home.'
ขณะที่ Dtac ขึ้นข้อความว่า 'Stay safe.'
.
แม้กระทั้่งสองประโยคสำคัญ
ที่คุณหมอและพยาบาลเขียนลงบนกระดาษ
แล้วยกขึ้นมาให้เห็นตอนถ่ายรูปอย่าง
* I stay at work for you. You stay at home for us.
* We stay here for you. You stay at home for us.
* พวกเรา (แพทย์และพยาบาล) ทำงานหนักที่โรงพยาบาลเพื่อคุณ ขอให้คุณอยู่บ้านเพื่อพวกเรา
.
แต่รู้ไหมครับว่า คำว่า 'stay' ในบริบทข้างต้น
ไม่ได้เป็นคำกริยาประเภทเดียวกัน
อีกทั้งความหมายและการใช้ก็แตกต่างกันไปด้วย
.
เวลาเราเปิดพจนานุกรมหาหาความหมาย
และการใช้ของคำกริยาสักคำนั้น
เราจะเห็นว่านอกจากจะมีหลายความหมายแล้ว
ยังเป็นคำกริยาคนละประเภทด้วย
.
* กริยาบางตัวต้องตามด้วยกรรม (Object)
หากขาดกรรมไป ความหมายจะไม่ครบถ้วนสมบูรณ์
เราเรียกกริยาประเภทนี้ไนภาษาอังกฤษว่า
Transitive verb
หรือสกรรมกริยา กริยาที่ต้องการกรรม
.
* ตรงกันข้ามกับกริยาที่ไม่ต้องมีอะไรตามหลัง
ก็มีความหมายสมบูรณ์แล้ว
สิ่งที่ตามหลังจะเป็นส่วนขยาย
เราเรียกกริยาประเภทนี้ในภาษาอังกฤษว่า
Intransitive verb
หรืออกรรมกริยา กริยาที่ไม่ต้องการกรรม
.
* ขณะที่กริยาอีกประเภทหนึ่ง
ทำหน้าที่เชื่อมประธานกับส่วนเติมเต็มประธาน
ซึ่งบอกสภาพ ลักษณะ หรือสิ่งที่ประธานเป็น
เราเรียกกริยาประเภทนี้ในภาษาอังกฤษว่า
Linking verb หรือกริยาเชื่อม
.
แล้วคำว่า 'stay' เป็นคำกริยาประเภทใดบ้าง
เรามาดูกันเลยครับ
.
1. 'stay' ที่แปลว่า 'อยู่ที่ใดที่หนึ่ง ไม่ได้ออกไปที่อื่น' นั้น
จะเป็นกริยาที่ไม่ต้องการกรรม (Intransitive verb)
ส่วนที่ตามหลังจะถือเป็นคำขยาย ตัวอย่างเช่น
* To prevent the spread of coronavirus, people should stay at home.
* ประชาชนควรอยู่บ้านเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
.
สำนวนที่แปลว่า 'อยู่บ้าน'
จะใช้ 'stay home'
หรือ 'stay at home' ก็ได้
แต่หน้า 'home' จะไม่มี articles
a/the หรือคำกับกับนามใด ๆ อีกแล้ว
* Can you stay here for a while?
* คุณอยู่ที่นี่สักครู่ได้ไหม
.
ตรงนี้อย่าสับสน 'live' นะครับ
เพราะคำนี้จะแปลว่า 'อยู่อาศัย'
หรือ 'มีชีวิตอยู่' และ 'stay' คำนี้
ก็เป็นคำคนละความหมายกับ 'stay'
ที่แปลว่า 'พัก' หรือ 'พักอยู่ชั่วคราว' ด้วย
ดังตัวอย่างด้านล่างนี้
* Which hotel are you staying?
* คุณพักอยู่โรงแรมไหน
.
นอกจากนี้ ยังมีสำนวนอย่าง 'stay in'
ที่แปลว่า อยู่บ้าน ไม่ออกไปเที่ยวกลางคืน
กับ 'stay out' คืออยู่นอกบ้าน ดึกดื่นยังไม่กลับบ้าน
* I'd better stay in and watch movies on Netflix.
* ผมควรอยู่บ้านและดูหนังช่องเน็ตฟลิกซ์ดีกว่า
* Don't stay out late next time!
* คราวหน้าอย่ากลับดึกนะ
.
ดังนั้น เวลาฟังเพลงฮิต แล้วเจอท่อนฮุกต่อไปนี้ ...
* อยู่นาน ๆ ได้ไหม นาน ๆ จะเจอกันสักที
* แต่เธออยู่ได้หรือเปล่า เธอนั้นมีธุระอะไรหรือเปล่า
* อยู่ต่อเลยได้ไหม อย่าปล่อยให้ตัวฉันไป
.
มันคือ 'อยู่' ที่แปลว่า 'stay' นะครับ
.
2. 'stay' ตัวนี้ เป็นกริยาเชื่อม (Linking verb)
ซึ่งทำหน้าที่เหมือน Verb to be
ที่เชื่อมประธานกับคำที่บอกสภาพ ลักษณะ
หรือสิ่งที่ประธานเป็น
ซึ่งตามกฎไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ
ส่วนที่จะตามหลังกริยาเชื่อม คือคำนาม (noun)
และคำคุณศัพท์ (adjective)
และที่สำคัญคือกริยาพวกนี้ทำหน้าที่แค่เชื่อม
และตัวมันเองไม่มีความหมายเด่นชัด
ดังนั้นเวลาแปลเป็นภาษาไทย
บ่อยครั้งเราจะไม่แปลกริยาพวกนี้
ทำให้หลายคนสรุปว่า
ภาษาไทยไม่นิยมใช้คำกริยาเชื่อม
.
Stay safe. แปลว่า ขอให้ปลอดภัย
และไม่แปล 'stay' ว่า 'อยู่'
.
Stay strong. แปลว่า เข้มแข็งเข้าไว้
และไม่แปล 'stay' ว่า 'อยู่'
* There are many ways to stay connected during social distancing.
* มีหลายวิธีที่จะติดต่อถึงกันในช่วงที่ต้องอยู่ห่างกัน
* One way to stay healthy is to exercise regularly.
* วิธีหนึ่งที่จะทำให้มีสุขภาพดีคือออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
.
เช่นเดียวกัน ทั้ง 'stay connected'
และ 'stay healthy'
คำว่า 'stay' ไม่แปลว่า 'อยู่'
แต่ความหมายถูกกลืนหายไปเวลาแปล
.
ทีนี้เราได้ทราบแล้วนะครับว่า
Stay home, stay safe
คำว่า 'stay' แตกต่างกันอย่างไร
อาจารย์ ติโรธ ทองนวล
อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาต่างประเทศ
คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร