วันนี้จะขอพูดถึงคำศัพท์ที่เชื่อว่าเป็นที่นิยมมากที่สุดอีกคำหนึ่งในช่วง Covid-19 เลย
คำนี้เป็นคำที่ไม่ใช่แค่พวกเราทุกคนต้องท่องให้ขึ้นใจเท่านั้นแต่ยังต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดด้วย
นั่นก็คือ ‘social distancing’ นั่นเอง
.
Centers for Disease Control and Prevention (CDC)
หรือ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐ
ได้นิยาม 'social distancing' ไว้ดังนี้
"Social distancing, also called “physical distancing,” means keeping space between yourself and other people outside of your home."
.
มีหลายคนพยายามแปล 'social distancing'
ออกมาเป็นภาษาไทย ที่เราเจอบ่อยที่สุดคือ
'การเว้นระยะห่างทางสังคม' ซึ่งฟังดูวิชาการ
และออกจะดูนามธรรมไปหน่อย
มีบางส่วนพยายามแปลให้เข้าใจง่ายขึ้นว่า
'การห่างกันสักพัก' หรือ 'การสร้างระยะห่างระหว่างตัวเองกับผู้อื่น'
ซึ่งในทางปฏิบัติ 'social distancing' นำไปใช้ในทุกบริบท
เช่น การเว้นที่นั่งห่างกันตัวเว้นตัวเป็นอย่างน้อย
การกำหนดจุดที่ห่างกันในการยืนหรือต่อแถวรับบริการ
ตัวอย่างประโยคในภาษาอังกฤษของ 'social distancing' ได้แก่
* Under a new "social distancing" strategy, handshaking is discouraged.
* ตามแนวทางการเว้นระยะห่างทางสังคม ไม่แนะนำให้จับมือทักทายกัน
* The World Health Organization is encouraging people to practice social distancing.
* องค์การอนามัยโลกกำลังสนับสนุนให้ประชาชนเว้นระยะห่างระหว่างกัน
.
จากตัวอย่างข้างบน จะเห็นว่า 'social distancing'
เป็นรูปคำนาม แต่หากใช้ในประโยคในรูปของกริยาวลี
จะต้องเอาคำกริยาอย่าง 'practice' มาวางไว้ด้านหน้า
.
ภายในคำว่า 'social distancing' เองนั้น
คำว่า 'distancing' ทำให้เรานึกถึงคำศัพท์พื้นฐาน
คือ 'distance' ซึ่งเป็นคำนาม แปลว่า ระยะทาง
แต่ที่น่าจะใกล้เคียงกับความหมายนี้ที่สุด
คือสำนวน keep your distance (รักษาระยะห่าง/อยู่ห่าง)
หรือรูปกริยาวลี 'distance oneself from someone/something'
ที่แปลว่า ถอยห่าง/ออกห่างจาก ดังตัวอย่างการใช้ด้านล่างนี้
* Police warned people to keep their distance if they saw a suspicious-looking man.
* ตำรวจเตือนประชาชนว่าถ้าเห็นชายท่าทางพิรุธ ขอให้เดินออกห่าง
* Susan tried to distance herself from her colleagues.
* ซูซานพยายามทำตัวออกห่างเพื่อนร่วมงาน
.
อย่างไรก็ตาม มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนเสนอว่า
การใช้คำว่า 'social distancing' ทำให้เข้าใจผิดเป็นว่า
แต่ละคนอยู่ห่างกันและเลิกสุงสิงหรือติดต่อคบค้าสมาคมกัน
ทั้ง ๆ ที่ความหมายตรงนี้ต้องการสื่อว่า
ห่างกันแค่กาย แต่มิตรภาพหรือความสัมพันธ์ยังเหมือนเดิม
หรือตัวไกลแต่ใจยังเชื่อมถึงกัน
ด้วยเทคโนโลยีที่จะเชื่อมคนที่อยู่ไกลกันให้ใกล้กันได้
ด้วยเหตุนี้ องค์การอนามัยโลกจึงจึงเสนอให้ใช้คำว่า
'physical distancing' แทน
เพื่อระบุความหมายให้ชัดเจนไปเลยว่า
ตัวอยู่ห่างกันหรือรักษาระยะห่างระหว่างกัน
ไม่สัมผัส ยืน หรือนั่งติดกัน
และระบุระยะห่างของแต่ละคนชัดเจนคือ 2 เมตร
แต่ความสัมพันธ์ทางสังคมยังเหมือนเดิม
และการใช้ก็เหมือนกันคือ ใช้คำกริยา practice มาวางไว้ข้างหน้า
.
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายสำนวนที่มีความหมาย
คล้าย ๆ กับ practice social/physical distancing ได้แก่
* Stay at least 2 meters from people.
(อยู่ห่างจากผุ้อื่นอย่างน้อย 2 เมตร)
* Stay away from crowded places.
(ไม่ไปอยู่ในที่ที่มีคนจำนวนมาก)
* Avoid mass gatherings.
(หลีกเลี่ยงการรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก)
* Avoid close contact with other people.
หรือ Avoid physical contact with other people.
(หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้อื่น)
อาจารย์ ติโรธ ทองนวล
อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาต่างประเทศ
คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร