สวัสดีครับ
เข้าสู่ตอนที่ 18 แล้วนะครับ
ก่อนหน้านี้ เราได้เรียนรู้ว่า Prefix และ Suffix
คือวิธีการสร้างคำศัพท์ใหม่ในภาษาอังกฤษ
ที่เป็นที่นิยมมากที่สุด
.
คำศัพท์โควิดที่เราเรียนไปหลาย ๆ คำ
เกิดจากการนำหน่วยคำสองชนิดนี้
มาเติมไว้ข้างหน้าและข้างหลัง
ทำให้เกิดคำศัพท์ใหม่ขึ้น
.
วันนี้จึงขอให้ Prefix และ Suffix
ให้เป็นพระเอกของงานในโพสต์นี้เลย
ก่อนอื่นเรามาดูประเภทของหน่วยคำ
ในภาษาอังกฤษกันก่อน
หน่วยคำหรือ Morpheme ในภาษาอังกฤษ
แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ
* หน่วยคำอิสระ (Free morpheme)
คือหน่วยคำที่สามารถปรากฏอยู่เดี่ยว ๆ ได้
โดยไม่ต้องพึ่งหน่วยอื่น ๆ
เช่น develop, write, rain
* หน่วยคำผูกพัน (Bound morpheme)
คือหน่วยคำที่ไม่สามารถปรากฏอยู่เดี่ยว ๆ ได้
ต้องไปรวมกับหน่วยคำอิสระ
เช่น -ment, re-, -y
.
ดังนั้น คำศัพท์ใหม่ในภาษาอังกฤษ
เกิดจากการนำหน่วยคำอิสระ
ไปเติมหน่วยคำผูกพัน
ซึ่งก็คือ Prefix (วางไว้ด้านหน้า)
และ Suffix (วางไว้ด้านหลัง)
จากตัวอย่างด้านบน
เมื่อเอามารวมกัน ก็จะได้คำศัพท์ใหม่
คือ development, rewrite และ rainy
.
ย้อนกลับมาที่หน่วยคำผูกพัน
หรือ Bound morpheme
ทั้ง Prefix และ Suffix ทำให้เกิดคำศัพท์ใหม่
แต่บทบาทและหน้าที่ในการสร้างคำศัพท์
ก็จะแตกต่างกัน
.
* Prefix เมื่อวางไว้หน้าคำ
จะทำให้ความหมายของคำใหม่เปลี่ยนแปลงไป
เช่น เอา Prefix re- ซึ่งแปลว่า อีกครั้ง
มาประกอบหน้าคำอย่าง check, read, organize
ก็จะได้คำศัพท์ใหม่คือ recheck (ตรวจสอบอีกครั้ง)
reread (อ่านใหม่)
reorganize (จัดระเบียบใหม่)
.
* Suffix เมื่อวางไว้หลังคำ จะทำให้หน้าที่ของคำ
หรือรูปทางไวยากรณ์ของคำเปลี่ยนไป
(แต่ส่วนใหญ่คำศัพท์ใหม่ยังมีความหมาย
ที่สัมพันธ์กับความหมายเดิม
และยังเป็นคำใน Word family เดียวกัน)
.
เราแบ่ง Suffix ออกเป็น 2 ประเภทย่อยได้แก่
1) Inflectional suffix คือ Suffix ที่เติมหลังคำ
แล้วทำให้คำนั้นมีรูปทางไวยากรณ์ที่เปลี่ยนไป
เช่น รูป Suffix ที่แสดงพหูพจน์ในภาษาอังกฤษ
เมื่อเติมหลังคำ ทำให้คำเอกพจน์กลายเป็นพหูพจน์
เช่น egg > eggs, box > boxes
หรือ Suffix แสดงเวลาที่เติมหลังคำกริยา
ทำให้รูปกาลลักษณะเปลี่ยนไป
เช่น watch > watched, speak > speaking
.
2) Derivational suffix คือ Suffix ที่เติมหลังคำ
แล้วทำให้คำนั้นมีหน้าที่หรือ Part of speech เปลี่ยนไป
เช่น Suffix -ness เปลี่ยนจากคำคุณศัพท์เป็นคำนาม
(happy > happiness)
-ous เปลี่ยนจากคำนามเป็นคำคุณศัพท์
(poison > poisonous)
.
เราหยุดเนื้อหาเครียด ๆ แล้วลองมาดูคำศัพท์โควิดของเราบ้าง
ว่ามี Prefix หรือ Suffix ตัวไหนบ้างประกอบ
และถ้าจะต้องเลือกกลุ่ม Prefix และ Suffix
ที่ทำให้เกิดคำศัพท์ใหม่ที่ส่งผลในเรื่องของความหมาย
แบบเห็นชัดเจนที่สุด น่าจะเป็นกลุ่ม Prefix และ Suffix
ที่ทำให้เกิดความหมายเชิงปฏิเสธ หรือตรงกันข้าม
.
เราจะเริ่มด้วย Prefix ซึ่งมีมากมายหลายตัว
* a- ประกอบคำที่ขึ้นต้นด้วยเสียงพยัญชนะ
เช่น asymptomatic (ไม่แสดงอาการ)
* anti- เช่น antibiotic (ยาปฏิชีวนะ)
antiseptic (ยาฆ่าเชื้อ)
antibacterial (ต้านเชื้อแบคทีเรีย)
* counter- เช่น counteract (ต้านฤทธิ์)
* de- เช่น debility (อาการอ่อนเพลีย)
* dis- เช่น disinfect (ฆ่าเชื้อ)
disability (การไร้ความสามารถ/ความพิการ)
* il- เช่น illegal (ผิดกฎหมาย)
* im- เช่น immobile (ไม่เคลื่อนไหว)
imperfect (ไม่สมบูรณ์แบบ)
impermeable (กันน้ำ/ไม่ให้น้ำซึมผ่าน)
* in- เช่น inaccurate (ไม่ถูกต้อง/ไม่แม่นยำ)
incorrect (ไม่ถูกต้อง)
invisible (มองไม่เห็น)
* mal- เช่น malnutrition (ภาวะทุพโภชนาการ)
* non- เช่น non-smoker (ผู้ไม่สูบบุหรี่)
non-toxic (ไม่มีพิษ/ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ)
* un- เช่น uncomfortable (ไม่สบาย/อึดอัด)
unhealthy (ไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ)
unsafe (ไม่ปลอดภัย)
unwell (ป่วย/ไม่สบาย)
.
มาดูตัวอย่างประโยคกันครับ
* It is estimated that 1 in 4 coronavirus carriers could be asymptomatic.
* ประมาณการว่าหนึ่งในสี่ของผู้ที่เป็นพาหะของโคโรนาไวรัสอาจจะไม่แสดงอาการของโรค
* An effective way to keep your hands clean is to use antibacterial hand gel.
* วิธีที่ได้ผลวิธีหนึ่งในการทำความสะอาดมือคือการใช้เจลล้างมือที่ต้านเชื้อแบคทีเรีย
* Ten people have been arrested for illegal hoarding of face masks.
* ตำรวจจับกุมผู้ต้องหา 10 คนในข้อหากักตุนหน้ากากอนามัยโดยผิดกฎหมาย
* It is essential for medical staff to wear impermeable gowns to avoid any infection.
* บุคลากรทางการแพทย์จำเป็นต้องสวมชุดปฏิบัติงานแบบกันน้ำเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ
* Many workers have complained about unsafe and unhealthy working conditions during the COVID-19 outbreak.
* คนงานจำนวนมากบ่นเรื่องสภาพการทำงานที่ไม่ปลอดภัยและเป็นอันตรายต่อสุขภาพในช่วงการระบาดของโควิด-19
.
ต่อด้วย Suffix ซึ่งมีอยู่ไม่มาก
ที่ทำให้ความหมายเปลี่ยน ตัวอย่างเช่น
* -free เช่น Covid-free (ไม่ติดโควิด)
coronavirus-free (ปลอดเชื้อไวรัสโคโรนา)
worry-free (ไร้ความกังวล)
alcohol-free (ไม่มีแอลกอฮอล์)
interest-free (ไม่มีดอกเบี้ย)
* -less เช่น careless (ไม่ระมัดระวัง/ประมาท)
tasteless (ไม่มีรสชาติ) homeless (ไร้บ้าน)
.
มาดูตัวอย่างประโยคกันครับ
* During the coronavirus pandemic, it is important to prepare meals in a clean, coronavirus-free kitchen.
* ในช่วงระบาดของโคโรนาไวรัส การเตรียมอาหารในครัวที่สะอาด ปลอดเชื้อไวรัสโคโรนา เป็นเรื่องสำคัญ
* People who test positive for Covid-19 may complain that the food is tasteless, or they may lose their sense of smell.
* คนที่ติดเชื้อโควิด-19 อาจบ่นว่าอาหารไม่มีรสชาติหรืออาจจะสูญเสียความสามารถในการรับกลิ่น
.
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง
ของภาษาอังกฤษคือ ทุก ๆ กฎมีข้อยกเว้นเสมอ
(Every rule has an exception.)
เรื่อง Prefix แสดงความหมายปฏิเสธก็เช่นกัน
เมื่อเอามาประกอบหน้าคำศัพท์
บางตัวกลับไม่แปลความหมายแบบตรงว่า 'not'
แต่กลับมีความหมายในเชิงบวกหรือความหมายอื่น ๆ
* invaluable/priceless = ประเมินค่าไม่ได้
(ห้ามแปลว่า ไม่มีค่า ❌❌❌
ถ้าจะใช้เพื่อแสดงความหมายว่า ไม่มีค่า
ให้ใช้ worthless หรือ valueless)
* inflammable = ติดไฟง่าย
เหมือนกับคำว่า flammable
(ห้ามแปลว่า ไม่ติดไฟ ❌❌❌
ถ้าจะใช้เพื่อแสดงความหมายว่า ไม่ติดไฟ
ให้ใช้ nonflammable)
* unwrap = แกะห่อออก
untie = แก้มัด/แกะเชือก
(ห้ามแปลว่า ไม่แกะห่อ หรือไม่ผูก ❌❌❌)
* disclose = เปิดเผย
(ห้ามแปลว่า ไม่ปิด ❌❌❌)
อาจารย์ ติโรธ ทองนวล
อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาต่างประเทศ
คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร