สวัสดีครับ เรามาถึงตอนที่ 24 กันแล้ว ใจหายนะครับ พรุ่งนี้วันสุดท้ายของ COVID English แล้ววันที่ 7 พฤษภาคม เราก็จะมีแบบทดสอบออนไลน์มาให้ทำกัน วันนี้ขอต่อเนื้อหาจากเมื่อวันศุกร์ เรื่องเก็บตกศัพท์ COVID Part II เรามาดูกันเลยดีกว่าครับ
.
เรามาดูคำศัพท์เกี่ยวกับผู้ป่วย ผู้ติดเชื้อ หรือกลุ่มเสี่ยงกันก่อนดีกว่า
* Cases ในที่นี้แปลว่า ผู้ติดเชื้อ COVID-19 ผู้ติดเชื้อรายใหม่คือ New cases ผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันคือ Confirmed cases ผู้ติดเชื้อรวมทั้งหมดคือ Total cases
* Patient zero แปลว่า มนุษย์คนแรกที่ติดเชื้อไวรัสและทำให้เกิดการระบาดจากคนสู่คน ทั้งนี้ หากทราบว่ามนุษย์คนแรกนี้คือใคร จะช่วยให้วงการแพทย์เข้าใจโรคนี้ได้ดีมากยิ่งขึ้น อันจะนำไปสู่แนวทางการรักษาและป้องกันโรคอย่างถูกวิธี
* Vulnerable/At-risk groups แปลว่า กลุ่มเสี่ยง คือกลุ่มที่โอกาสติดโควิด-19 ได้ง่ายกว่า เช่น people over 70 years old (ผู้มีอายุมากกว่า 70 ปี) people with long-term medical conditions (ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง) or underlying diseases (ผู้มีโรคประจำตัว) เช่น cardiovascular disease (โรคหัวใจและหลอดเลือด) heart disease (โรคหัวใจ) lung disease (โรคปอด) diabetes (โรคเบาหวาน) chronic respiratory disease (โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง) cancer (โรคมะเร็ง)
* Superspreader แปลว่าผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่สามารถแพร่เชื้อทำให้คนจำนวนมากติดเชื้อหรือมีโอกาสติดเขื้อในอัตราส่วนที่สูงจนน่าตกใจ เช่นในกรณีของหญิงชาวเกาหลี ผู้ป่วยรายที่ 31 ซึ่งแพร่เชื้อไปสู่คนอื่นเป็นจำนวนมาก
.
ต่อมาเราจะมาดูศัพท์เกี่ยวกับอาการของโรคบ้างครับ
* อาการของโรค (Symptoms)
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐ Centers for Disease Control and Prevention หรือ CDC ได้ระบุว่า หลังจากได้รับเชื้อ 2-14 วัน อาจจะมีอาการที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ดังนี้
* Cough (ไอ)
* Shortness of breath or difficulty breathing (หายใจลำบาก/ติดขัด หรือ หายใจไม่สะดวก)
.
หรืออาจจะมีอาการสองอย่างจากอาการต่อไปนี้
* Fever (ไข้)
* Chills (หนาวสั่น)
* Muscle pain (ปวดกล้ามเนื้อ)
* Headache (ปวดศีรษะ)
* Sore throat (เจ็บคอ)
* New loss of taste or smell (สูญเสียการรับรู้รสหรือการได้กลิ่น)
.
ต่อมาเราจะมีดูคำกริยาตลอดจนสำนวนที่มีความหมายว่า เป็นโรค ไม่เป็นโรค มีอาการ หรือไม่มีอาการครับ
.
* เราใช้ Verb 'have' ตามด้วยโรคและอาการ เพื่อบอกว่าบุคคลนั้นเป็นโรคหรือมีอาการของโรค หากไม่ได้เป็นหรือไม่มีอาการ เราเปลี่ยนเป็นรูปปฏิเสธ เช่น
* He has COVID-19. (เขาติดเชื้อโควิด-19)
* He doesn't have COVID-19z (เขาไม่ติดเชื้อโควิด-19)
* He has a high fever. (เขามีไข้สูง)
* He doesn't have a cough. (เขาไม่มีอาการไอ)
* He has a sore throat. (เขามีอาการเจ็บคอ)
.
* เราใช้ Verb 'develop' ตามด้วยโรคหรืออาการของโรค
* Patients have developed serious complications from COVID-19. (ผู้ป่วยมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากโควิด-19)
* 80% of those with coronavirus may develop mild symptoms such as fever and cough. (ผู้ติดไวรัสโคโรนาร้อยละ 80 อาจจะมีการที่ไม่รุนแรงเช่น มีไข้และไอ)
.
* เราใช้สำนวน 'to test positive for ...' และ 'to test negative for ...' ในความหมายว่า 'ติดเชื้อ ...' และ 'ไม่ติดเชื้อ ...' ตามลำดับ
* The young boy tested positive for coronavirus, but his elder brother tested negative. (เด็กชายคนนั้นติดเชื้อไวรัสโคโรนาแต่พี่ชายเขาไม่ติด)
.
* เราใช้ 'to be infected with ...' ในความหมายว่า 'ติดเชื้อ' ได้เช่นกัน
* People over 70 have a higher chance of being infected with coronavirus. (คนที่อายุมากกว่า 70 มีโอกาสติดเชื้อไวรัสโคโรนาสูงกว่า)
.
* เรายังใช้ 'contract' ตามด้วยโรค ในความหมายว่า 'ติดโรค ...' ได้ด้วย
* Several health workers around the world have contracted COVID-19. (บุคลากรทางการแพทย์หลายคนทั่วโลกติดเชื้อโควิด-19)
.
* นอกจากนี้ ยังมีกริยาอื่น ๆ ที่ใช้บอกอาการ เช่น
* She is running a temperature/a fever. (เธอมีไข้)
* He has difficulty breathing. (เขาหายใจไม่สะดวก)
* Most hospitalized COVID-19 patients are suffering from chronic illnesses. (ผู้ป่วยโควิด-19ที่รักษาตัวอยู่กำลังป่วยด้วยโรคเรื้อรัง)
.
ตามด้วยคำศัพท์ที่ว่าด้วยการหายจากโควิด-19
.
* เราใช้ Verb 'recover from' ตามด้วยโรค แปลว่า 'หายป่วย .../หายจาก ..."
* According to the report, more than 1,000,000 people have recovered from COVID-19. (รายงานระบุว่า มีผู้หายป่วยโควิด-19 มากกว่า 1,000,000 คนแล้ว)
.
* เราใช้ 'to be discharged from hospital' ในความหมายว่า 'ออกจากโรงพยาบาล'
* All COVID-19 patients have been discharged from Wuhan hospitals. (ผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งหมดออกจากโรงพยาบาลในเมืองอู่ฮั่นแล้ว)
.
ส่งท้ายด้วยอีก 3 ตัว ที่อยากจะแนะนำให้รู้จัก
ครับ
* Cocooning (การให้ผู้สูงอายุหรือผู้มีปัญหาสุขภาพ กักตัวอยู่ที่บ้านเพื่อป้องกันการติดเชื้อ)
* Flatten the curve (ลดตัวเลขการติดเชื้อในแต่ละวันลงเพื่อให้กราฟแสดงจำนวนผู้ติดเชื้อไม่ดิ่งขึ้น)
* New normal (ความปกติในรูปแบบใหม่ คาดว่าหลังโควิด-19 เราจะใช้ชีวิตในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และจะกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิต เช่น การเข้าสู่ยุคของการเรียนการสอนแบบออนไลน์เต็มรูปแบบ ความตื่นตัวในการดูแลรักษาสุขภาพ)
.
พบกันวันพรุ่งนี้กับตอนสุดท้าย ตอนที่ 25 นะครับ
อาจารย์ ติโรธ ทองนวล
อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาต่างประเทศ
คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร