A-029-ผักกาด
ชื่อสามัญ
Chinese Cabbage
ชื่อวิทยาศาสตร์
Brassica rapa L. (Brassica pekinensis var. cylindrica Tsen & S.H.Lee) (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Brassica chinensis var. pekinensis (Lour.) V.G. Sun) จัดอยู่ในวงศ์ผักกาด (BRASSICACEAE หรือ CRUCIFERAE)
ลักษณะ
ผักกาดขาวปลีเป็นผักที่มีอายุปีเดียว ผักกาดขาวขึ้นได้ในดินเกือบทุกประเภท ชอบดินร่วนที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง ในดินต้องชื้นตลอดฤดูปลูก ผักกาดขาวปลีต้องการน้ำมากสม่ำเสมอ และควรพรวนดินบ่อยๆ ในระยะที่เริ่มเข้าปลี ในประเทศไทยสามารถปลูกได้ตลอดปี และปลูกได้ผลดีที่สุดอยู่ในช่วงเดือนตุลาคม - กุมภาพันธ์
สรรพคุณ
- ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
- มีแคลเซียมช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน
- ช่วยบำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง
- ช่วยให้เจริญอาหาร รับประทานอาหารได้มากขึ้น
- ช่วยแก้กระหาย
- ช่วยทำให้กล้ามเนื้อทำงานเป็นปกติ
- แคลเซียมมีส่วนช่วยในการลดความดันโลหิตสูง
- ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้ผนังหลอดเลือด
- ช่วยขับน้ำนม (ใบ)
- ผักกาดขาวมีออร์กาโนซัลไฟด์ (Organosulffide) และฟลาโวนอยด์ ที่ช่วยป้องกันมะเร็งและโรคหลอดเลือดหัวใจ
- ช่วยป้องกันโรคมะเร็งในลำไส้
- ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง
- มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคตาบอดตอนกลางคืน
- ช่วยป้องกันและรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน
- มีส่วนช่วยกำจัดสารพิษ ของเสีย และโลหะหนักออกจากร่างกาย
- ผักกาดอุดมไปด้วยโฟเลตซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ในช่วง 3 เดือนแรก
- ช่วยทำให้เม็ดเลือดแดงแข็งแรงมากขึ้น
- ช่วยแก้หืด (เมล็ด)
- ช่วยแก้อาการหวัด ด้วยการต้มหัวผักกาดดื่มเป็นน้ำ
- ช่วยแก้อาการไอและเสมหะ ด้วยการใช้หัวผักกาดพอประมาณ ใส่ขิงและน้ำผึ้งเล็กน้อยแล้วต้มกับน้ำดื่ม (หัวผักกาด, เมล็ด)
- ช่วยแก้อาการเสียงแห้ง ไม่มีเสียง ด้วยการคั้นน้ำหัวผักกาดขาว เติมน้ำขิงเล็กน้อยแล้วนำมาดื่ม
- ช่วยแก้เลือดกำเดาออก
- ช่วยแก้อาเจียนเป็นเลือด
- ช่วยรักษาแผลในปาก ด้วยการคั้นน้ำจากหัวผักกาดขาวแล้วนำมาใช้บ้วนปากเป็นประจำ
- ช่วยแก้อาการเรอเปรี้ยว ด้วยการนำหัวผักกาดขาวดิบมาหั่นประมาณ 3-4 แว่นแล้วนำมาเคี้ยวกินแก้อาการ
- ช่วยแก้อาการเจ็บคอ (ใบ)
- ช่วยในการย่อยอาหาร (หัวผักกาด, ใบ)
- แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ
- ช่วยแก้ท้องเสีย (หัวผักกาด, เมล็ด, ใบ)
- ช่วยแก้และบรรเทาอาการท้องผูก
- ช่วยขับปัสสาวะ
- ช่วยแก้พิษสุรา
- ช่วยแก้อาการบวมน้ำ
- ช่วยรักษานิ่วในทางเดินปัสสาวะ
- ช่วยป้องกันและรักษาโรคเหน็บชา
- ช่วยแก้อาการอักเสบ
- ช่วยรักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกหรือแผลโดนสะเก็ดไฟ ด้วยการใช้หัวผักกาดนำมาตำให้แหลกแล้วนำมาพอกบริเวณที่เป็นแผล หรือจะใช้เมล็ดนำมาตำให้แหลกแล้วพอกก็ใช้ได้เช่นกัน (หัวผักกาด, เมล็ด)
- ช่วยแก้อาการฟกช้ำดำเขียว ด้วยการใช้หัวผักกาดหรือใบ นำมาตำให้ละเอียดแล้วพอกบริเวณที่ฟกช้ำ หรือจะใช้เมล็ดประมาณ 60 กรัมนำมาตำให้ละเอียดแล้วนำมาคลุกกับเหล้า (อุ่นให้ร้อน) แล้วนำมาพอกบริเวณที่เป็น (หัวผักกาด, ใบ, เมล็ด)
ประโยชน์
- ใช้ประกอบอาหาร เมนูผักกาดขาว ได้แก่ ผัดผักกาดขาว, แกงจืดผักกาดขาว, ต้มจืดผักกาดขาวยัดไส้ ฯลฯ
วิธีการปลูก
การปลูกผักกาดขาวสามารถทำได้ 2 วิธี คือ แบบเพาะกล้าแล้วย้ายปลูก ซึ่งเหมาะกับผักกาดขาวปลี ซึ่งเมล็ดพันธุ์มีราคาแพง กับอีกแบบ คือ หว่านลงแปลง ซึ่งใช้กับผักกาดขาวใหญ่และผักกาดขาวธรรมดา ซึ่งเมล็ดพันธุ์มีราคาถูก
1. แบบเพาะกล้า หว่านเมล็ดพันธุ์ลงในแปลงเพาะกล้า แล้วโรยทับด้วยดิน คลุกปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกหนา 1 เซนติเมตรคลุมด้วยฟางหรือหญ้าแห้ง รดน้ำให้ชุ่ม แล้วรดน้ำเช้าเย็น เมื่อต้นกล้าอายุได้ 15-20 วัน ก็ย้ายไปปลูกในแปลงปลูกที่เตรียมดินดีแล้วให้มีระยะห่าง 30-35 เซนติเมตร โดยควรย้ายกล้าในตอนเย็น
2. วิธีหว่านลงแปลงปลูก ใช้เมล็ดพันธุ์หว่านลงในแปลง แล้วโรยทับด้วยปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยคอกหนา 1 เซนติเมตร คลุมด้วยฟางหรือหญ้าแห้ง รดน้ำให้ชุ่ม แล้วรดน้ำเช้าเย็น พอกกล้าอายุได้ 15-20 วัน ให้ถอนแยกให้แต่ละต้นห่างกัน 30-35 เซนติเมตร
คุณค่าทางโภชนาการ
ผักกาดขาวมีสารอาหารต่าง ๆ ค่อนข้างครบ เช่น โปรตีน ไขมัน น้ำตาล ที่สำคัญคือผักกาดขาวมีแคลเซี่ยมและวิตามินซีในปริมาณสูง ซึ่งแคลเซี่ยมนอกจากจะมีหน้าที่เสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรงแล้ว ยังทำให้กล้ามเนื้อทำงานเป็นปกติ ปัจจุบันยังพบว่า แคลเซี่ยมมีบทบาทในการลดความดันโลหิตสูง และป้องกันมะเร็งในลำไส้อีกด้วย ส่วนวิตามินซีจะมีบทบาทในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เสริมสร้างความแข็งแรงของผนังหลอดเลือด ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน ป้องกันมะเร็ง และกำจัดสารพิษและโลหะหนักให้แก่ร่างกาย
รูปภาพ
อ้างอิง
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), เว็บไซต์เดอะแดนดอทคอม
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)