Culantro, Long coriander, Sawtooth coriander
ลำต้น และราก
ลำต้นเป็นลำต้นหรือเหง้าใต้ดิน และอาจอยู่เหนือดินเล็กน้อย มีลักษณะเป็นกระเปราะกลมรีอยู่เหนือราก ส่วนรากเป็นระบบรากแก้ว และมีรากแขนง และรากฝอยแตกย่อยออกรอบๆ
ใบ
ใบแทงออกจากเหง้าที่เป็นลำต้น เรียงเวียนรอบเหง้า แน่นเป็นกระจุก ก้านใบมีลักษณะสั้น 0.5-1 เซนติเมตร ใบมีลักษณะเป็นรูปไข่ขอบขนวน มีลักษณะยาวรี ใบกว้าง 1-4 เซนติเมตร ยาว 5-35 เซนติเมตร ปลายใบแหลม ขอบใบหยักเป็นฟันเลื่อย และมีหนาวเล็กที่ปลายฟันเลื่อย ลักษณะใบแข็งกระด้าง ใบอ่อนมีสีเขียวสด เมื่อแก่มีสีเขียวเข้ม
ดอก
ดอกแทงออกตรงกลางของลำต้น มีก้านดอกแข็งยาว 10-30 เซนติเมตร มีใบประดับที่ก้านดอกรูปหอก ถัดมาเป็นดอกออกเป็นช่อ มีกลีบเลี้ยงสีเขียว 5 กลีบ รูปขนานแกมรูปไข่ ยาวประมาณ 0.5-0.75 เซนติเมตร และมีกลีบดอก 5-7 กลีบ สีขาว ดอกมีดอกย่อยจำนวนมาก เป็นดอกสมบูรณ์เพศ มีเกสรตัวผู้ 5 อัน ก้านชูอับเรณูสีขาว ส่วนเกสรเพศเมียมีลักษณะเป็นเส้นด้าย 2 เส้น ไม่มีฐานเกสร ดอกเริ่มบานหลังปลูกที่ 70-75 วัน และเมล็ดเริ่มแก่ที่ 40-50 หลังดอกบาน
ผล และเมล็ด
ผลมีขนาด 1.5×0.75 มิลลิเมตร เมื่อแก่ และแห้งจะปริแตกออกเป็น 2 ซีก แต่ละซีกจะมีเมล็ดด้านในจำนวนมาก
1. ลำต้น และราก
ลำต้นที่เป็นเหง้านำมาบดใช้ทาบริเวณแมลงกัดต่อย ช่วยลดอาการปวดได้ และรับประทานสดเป็นยาขับปัสสาวะ ส่วนรากนำมาต้มรับประทานแก้ไข้เป็นหวัด ช่วยขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ รวมถึงประโยชน์หลักสำหรับปรุงอาหารเพื่อปรับปรุงกลิ่นรสอาหาร
2. ใบ
ใบใช้บดนำมาทารักษาแผล แผลติดเชื้อ แผลอักเสบ รับประทานสดเป็นยาขับปัสสาวะ และนำมาเคี้ยวใช้ระงับกลิ่นปาก รับประทานเป็นยาระบาย แก้ไข้ รักษาหวัด ช่วยเจริญอาหาร รวมถึุงการใช้ประโยชน์หลักสำหรับปรุงอาหารเพื่อดับกลิ่นคาวทำให้อาหารน่ารับประทาน
ผักชีฝรั่งนิยมปลูกด้วยการหว่านเมล็ด และย้ายลงแปลงใหญ่ มีวิธีปลูก ดังนี้
การเตรียมแปลง
การปลูกผักชีฝรั่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องยกร่องแปลงปลูกให้สูงสำหรับพื้นที่น้ำท่วมง่ายเพื่อป้องกันโรครากเน่า ส่วนพื้นที่ดอนก็ควรยกร่องแปลงเช่นกันหรือเพียงไถทำร่องด้านข้างแปลงก็เพียงพอ
การเตรียมแปลงก่อนปลูกควรทำการไถดะด้วยผานใหญ่ ลึกประมาณ 30 เซนติเมตร และตากดินให้แห้ง 7-10 วัน พร้อมกำจัดวัชพืช หลังจากนั้น หว่านปุ๋ยคอกหรือมูลสัตว์ต่างๆ อัตรา 3-5 ตัน/ไร่ ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตรา 50 กิโลกรัม/ไร่ หากดินเปรี้ยวควรหว่านโรยด้วยปูนขาวร่วมด้วย หลังจานั้น ไถพรวนอีกครั้งด้วยผานเล็กกว่า พร้อมตากดินอีก 3-5 วัน หลังจากนั้นไถยกร่องกว้างประมาณ 1.5-2 เมตร ส่วนความยาวตามความเหมาะสมของพื้นที่
การสร้างโรงเรือนหรือมุงผ้า
เนื่องจากผักชีฝรั่งเป็นพืชที่ไม่ชอบแสงแดดจัด โดยเฉพาะการปลูกในฤดูร้อน ซึ่งอาจมีโอกาสเกิดโรคใบไหม้ได้ง่าย ดังนั้น จึงควรสร้างโรงเรือนทุกครั้งก่อนปลูก สำหรับโรงเรือนที่ว่าอาจใช้เพียงไม้ค้ำยัน เช่น ไม้ไผ่ ไม้ยูคา ปักเสารอบแปลงปลูก ระยะห่าง 3-5 เมตร ด้านบนคลุมด้วยผ้าสะแลนสีดำหรือสีเขียว ผูกยัดกับเสาไม้ด้วยลวดให้แน่น
การหว่านเมล็ดพันธุ์
เมล็ดผักชีฝรั่งที่ใช้ปลูกจะใช้ประมาณ 3 กิโลกรัม/ไร่ โดยหว่านหลังเตรียมแปลงหรือทำโรงเรือนเสร็จ หลังจากนั้นใช้คราดซี่เล็กคราดเกลี่ยหน้าดินเพื่อกลบเมล็ด 1 รอบ หรืออาจใช้น้ำรดได้เลยโดยไม่ต้องเกลี่ยกลบหน้าดิน
การให้น้ำ
การให้น้ำครั้งแรกจะให้หลังการหว่านเมล็ดเสร็จ และหลังจากนั้นจะให้น้ำทุกวัน วันละครั้ง ในปริมาณที่หน้าดินชุ่มด้วยเครื่องให้น้ำหรือระบบสเปรย์ เมื่อปลูกได้ 10-15 วันจะเริ่มเห็นเมล็ดเริ่มงอก
การใส่ปุ๋ย
ปุ๋ยที่ใส่ควรเป็นปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยหมักเพื่อรักษาสภาพดิน ร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์เคมีสูตร 12-4-4 หรือปุ๋ยเคมีสูตร 16-8-8
การย้ายต้นปลูก
เมื่อต้นผักชีอายุได้ประมาณ 10-20 วัน สำหรับแปลงปลูกหรือบางพื้นที่ในแปลงปลูกที่มีต้นถี่มาก ควรทำการย้ายต้นผักชีแบ่งออกปลูกในปลงใหม่เพื่อให้มีระยะต้นในแปลงที่เหมาะสม
การเก็บผลผลิต
ผักชีฝรั่งสามารถเก็บจำหน่ายได้เมื่ออายุประมาณ 45-60 วัน ด้วยการถอนทั่งต้น แล้วนำไปล้างน้ำให้สะอาดก่อนบรรจุถุงส่งจำหน่าย
โรค และแมลง
1. โรคใบไม้ มักเกิดในช่วงฤดูร้อน โดยจะพบอาการคล้ายรอยลวกสีเหลืองถึงสีน้ำตาลจากปลายใบลงมา ป้องกันโดยใช้เบนเลท อัตรา 6-12 กรัม/น้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่น
2. โรคโคนเน่า มักเกิดในฤดูฝน สังเกตุได้จากใบ และลำต้นมีลักษณะเหี่ยว เมื่อถอนต้นจะพบเหง้าหรือโคนต้นเกิดการเน่า ป้องกันโดยใช้แอนติโกร 2.1% ปริมาณ 30-60 กรัม/น้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่น และควรป้องกันตั้งแต่ระยะเตรียมแปลงปลูกร่วมด้วย คือ การยกแปลงสูง และมีร่องระบายน้ำโดยรอบ
3. หนอนกินใบ เป็นหนอนผีเสื้อกลางคืน มักระบาดในช่วงฤดูฝน ป้องกันได้โดยใช้สารเคมีกำจัดหนอนผีเสื้อฉีดพ่น
4. หอยทาก ซึ่งมักพบระบาดในบางพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ปลูกในที่ล่มหรือแปลงปลูกใกล้กับแหล่งหญ้าหรือป่ารก