Cinnamon, Cassia
มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า บอกคอก (ลำปาง), พญาปราบ (นครราชสีมา), สะวง (ปราจีนบุรี), กระดังงา (กาญจนบุรี), ฝักดาบ (พิษณุโลก), สุรามิด (สุโขทัย), กระแจกโมง โมงหอม (ชลบุรี), กระเจียด เจียดกระทังหัน (ยะลา), อบเชยต้น มหาปราบ (ภาคกลาง) เป็นต้น
Cinnamomum spp. จัดอยู่ในวงศ์อบเชย (LAURACEAE)[
อบเชยเป็นเครื่องยาหรือเครื่องเทศที่ได้มาจากการขูดเอาเปลือกชั้นออกให้หมด แล้วลอกเปลือกชั้นในออกจากแก่นลำต้น โดยใช้มีดกรีดตามยาวของกิ่ง แล้วนำไปผึ่งในที่ร่มสลับกับตากแดดประมาณ 5 วัน และในขณะที่ตากให้ใช้มือม้วนเอาขอบทั้งสองข้างเข้าหากัน เมื่อเปลือกแห้งแล้วจึงมัดรวมกัน โดยเปลือกอบเชยที่ดีนั้นจะต้องเป็นสีน้ำตาลอ่อนหรือสีสนิม มีความตรงและยางอย่างสม่ำเสมอ โดยยาวประมาณ 1 เมตร มีรสสุขุม เผ็ด หวานเล็กน้อย และมีกลิ่นหอมแบบเฉพาะ
อบเชยมีอยู่หลายชนิดซึ่งคุณภาพแตกต่างกันไป ตามสถานที่ปลูกหรือแหล่งผลิต ส่วนที่นำมาใช้เช่นเปลือกของใบและกิ่งก้าน แต่สรรพคุณทางยาจะใช้เหมือนกันหมด
‘อบเชยเทศ’ หรือที่คนไทยเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า อบเชยศรีลังกา มีราคาแพงที่สุดเป็นมีลักษณะไม้ยืนต้นขนาดเล็กไม่ผลัดใบ เปลือกลำต้นมีสีเทาและหนา กิ่งขนานกับพื้นและตั้งชันขึ้น ใบเป็นใบเดี่ยวออกสลับกันตามลำต้น ลักษณะใบคล้ายรูปไข่ ปลายใบแหลม มีเส้นใบ 3 เส้น ดอกออกเป็นช่อตามปลายกิ่ง ดอกขนาดเล็กสีเหลืองมีกลิ่นหอม ผลมีสีดำคล้ายรูปไข่
‘อบเชยจีน’ เป็นไม้ยืนต้น มีความสูงและขนาดของลำต้นมากกว่าอบเชยเทศ มีเปลือกหนาหยาบกว่า และสีเข้มกว่าอบเชยเทศเช่นกัน ใบมี
ลักษณะคล้ายรูปหอก เป็นมันสีเขียวเข้ม ออกดอกเป็นช่อ ดอกมีขนาดเล็ก มีขนอ่อน ๆ ที่ก้านดอก เนื้อผลนิ่ม กลิ่นหอมฉุน มีรสขมเล็กน้อย
‘อบเชยญวน’เป็นไม้ยืนต้น ซึ่งมีลักษณะลำต้นคล้ายคลึงกับอบเชยจีนมาก ใบเป้นใบเดี่ยวค่อนข้างบาง รูปร่างยาวเรียว ปลายใบแหลม ดอกและผลมีขนาดเล็ก มีรสหวาน แต่มีกลิ่นหอมไม่เท่ากับอบเชยเทศ ปลูกได้ดีมากในประเทศไทย และประเทศไทยเราส่งออกอบเชยชนิดนี้
‘อบเชยชวา’ หรือ อบเชยอินโดนีเซีย เป็นไม้ยืนต้นที่ใหญ่กว่าอบเชยที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด เป้นอบเชยที่วางจำหน่ายตามท้องตลาดทั่วไป แต่นิยมเรียกกันว่าอบเชยเทศ ใบยาวเรียว ปลายใบแหลม ดอกและผลมีขนาดเล็ก มีกลิ่นหอมแต่น้อยกว่าอบเชยเทศ
ส่วน อบเชยต้น(เชียด) หรือ อบเชยไทย นั้น เป็นไม้ต้นที่มีใบและเปลือกหอม ลักษณะใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม เมื่อขยี้ใบจะมีกลิ่นหอม ดอกช่อ ออกที่ปลายกิ่ง มีสีเหลืองอ่อนหรือเขียวอ่อน เหม็น กลีบรวมชั้นนอก 3 กลีบ คล้ายกลีบเลี้ยง กลีบรวมชั้นใน 3 กลีบ แยกกันแต่ติดตรงโคน ผลสด แก่สีม่วงดำ
อบเชยต้น หรือ อบเชยไทย เป็นอบเชย สายพันธุ์ไทย พบมากที่สุดทางภาคเหนือของไทย และอบเชยต้น เปลือกต้นจะมีความหนาและแข็งกว่าอบเชยต้นที่นำเข้าจากญวน, อินเดีย และจีนมาก
ส่วนที่ใช้ : อบเชยมีหลายชนิดซึ่งคุณภาพแตกต่างกันไป ตามสถานที่ปลูกหรือแหล่งผลิต ส่วนที่นำมาใช้คือเปลือกของใบและกิ่งก้าน
ใช้การเพาะเมล็ด โดยให้นำเมล็ดมาเพาะโดยเร็วใน 2-3 วัน เพราะเมล็ดจะสูญเสียความงอกอย่างรวดเร็ว เมล็ดที่มีความงอกดีจะใช้เวลาในการงอกประมาณ 20-30 วัน ควรเพาะในแปลงที่มีแสงรำไร ฝังเมล็ดลึกประมาณ 2.5 เซนติเมตร เมื่อกล้ามีอายุ 4-5 เดือน สูงประมาณ 15 เซนติเมตร ให้ย้ายลงถุงและเลี้ยงไว้อีกประมาณ 4-5 เดือน จึงย้ายลงแปลงเมื่อสภาพอากาศเหมาะสม การปลูกแบบการค้าควรใช้อบเชยที่ตลาดต้องการและมีคุณภาพดี เช่น พันธุ์ศรีลังกา
ประเทศไทยปลูกอบเชยในลักษณะที่มีการตัดแต่งให้ต้นอบเชยแตกกอ มีหลายต้นต่อกอ อบเชยเป็นพืชที่เอาส่วนของเปลือกลำต้น และเปลือกกิ่งมาใช้ประโยชน์ การตัดแต่งกิ่งจึงมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มจำนวนกิ่งต่อต้นให้มากขึ้น ใช้ระยะปลูกระหว่างต้น 2 เมตร และระหว่างแถว 2 เมตร เมื่ออบเชยมีอายุ 2-3 ปี ให้ตัดลำต้นออก ให้เหลือตอสูงจากพื้นดิน 10-15 เซนติเมตร แล้วกลบดินให้มิดเพื่อเร่งการแตกกิ่งใหม่ เมื่อกิ่งแตกออกมาแล้วให้เลือกกิ่งที่ตรง และมีการเจริญเติบโตที่ดีไว้เพียง 4-6 กิ่ง เลี้ยงกิ่งเหล่านี้ไว้จนมีความสูงประมาณ 2-3 เมตร และมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1-5 เซนติเมตร จึงเก็บเกี่ยว ในระหว่างนี้ต้องคอยตัดกิ่งข้างออก เพื่อให้ได้กิ่งกระโดงที่ตรงดี ทำเช่นนี้ไปจนผลผลิตต่ำลงจึงรื้อแปลงปลูกใหม่
ดูแลรักษาอย่างไร
ควรให้น้ำในฤดูแล้ง และคลุมโคนเพื่อรักษาความชื้น กำจัดวัชพืชเป็นครั้งคราว โดยเฉพาะประเภทเถาเลื้อย ให้ปุ๋ยผสม อัตราส่วน 2:1:1 ในช่วงปีที่ 1 ปริมาณ 32 กิโลกรัม ต่อไร่ ปีที่ 4 ใช้อัตรา 64 กิโลกรัม ต่อไร่ และอัตรา 96 กิโลกรัม ต่อไร่ ในปีที่ 3 แบ่งใส่ 2 ครั้ง ช่วงต้นและปลายฤดูฝน และควรใช้ปุ๋ยคอกปีละ 2 ครั้ง เช่นกัน ข้อควรระวัง คือหากใช้ปุ๋ยมากเกินไปจะมีผลกระทบต่อกลิ่นของเปลือกอบเชยได้
คุณค่าทางโภชนาการของอบเชย ชนิดผง ขนาด 10 กรัม ให้พลังงานถึง 24.7 แคลอรี่ มีสารอาหารสำคัญ ประกอบด้วย ไขมัน 0.12 กรัม คาร์โบไฮเดรท 8.06 กรัม และ โปรตีน 0.4 กรัม
โทษของอบเชย
การบริโภคอบเชยมีข้อควรระวังอยู่บ้าง เนื่องจากอบเชยเป็น สมุนไพรมีกลิ่นหอม มีน้ำมันหอมระเหย โดยข้อควรระวังในการบริโภคอบเชย มีดังนี้