Sugar apple
Annona squamosa Linn.
น้อยหน่าเป็นไม้ยืนต้น สูง 3-5 เมตร ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปใบหอกแกมขอบขนาน กว้าง 3-6 เซนติเมตร ยาว 7-13 เซนติเมตร ดอกเดี่ยว ออกที่ซอกใบ ห้อยลง กลีบดอกสีเหลืองแกมเขียว 6 กลีบ เรียง 2 ชั้น ชั้นละ 3 กลีบ หนาอวบน้ำ มีเกสรตัวผู้และรังไข่จำนวนมาก ผลเป็นผลกลุ่ม ค่อนข้างกลม เมล็ดสีดำ มีจำนวนมาก[2]
ราก
ใช้เป็นยาระบาย ถอนพิษเบื่อเมา ทำให้เกิดการอาเจียน และแก้พิษงูได้
เปลือกต้น และเนื้อไม้
เปลือกต้นแก้ฟกช้ำบวม แก้กลาก เกลื้อน มีฤทธิ์ฆ่าพยาธิผิวหนัง ขับพยาธิลำไส้ ฆ่าเหาแก้หิด เส้นใยของเปลือกใช้ทำกระดาษ ส่วนเนื้อไม้มีสีเหลืองของสาร Morin ใช้ย้อมผ้าไหม ผ้าแพรหรือผ้าอื่นๆ
ผล และส่วนของเปลือกผล
ใช้แก้พิษงู แก้ฝีในคอ ขับพยาธิ ฆ่าพยาธิผิวหนัง หรือใช้กินสดหรือต้มน้ำหรือเชื่อมกินก็ได้ เป็นยาเย็น ยาระบายอ่อนๆ แก้ธาตุไม่ปกติ ขับเสมหะ ลดเสมหะ
เมล็ด
เป็นยาฆ่าเหา ฆ่าพยาธิตัวจี๊ด และแก้บวม สกัดเอาน้ำมันมาใช้ประโยชน์
ใบ
ใช้ใบอ่อนหรือใบแก่ ทำเป็นชาเขียวสำหรับชงน้ำดื่ม ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ลดไขมันในเส้นเลือด ช่วยลดความดันโลหิต เป็นยาขับเหงื่อ แก้ไข้ ทำยาต้ม ใช้อมแก้คอเจ็บ แก้ไอ ทำให้เยื่อชุ่มชื่น นอกจากนั้น ยังใช้เลี้ยงไหม หรือนำใบอ่อนปรุงเป็นอาหาร
สาร alkaloid มีประโยชน์ในการรักษาโรคได้หลายอย่าง เช่น ใช้เป็นยาระงับปวดยาชา ใช้เป็นยาแก้ไอ ยาแก้หอบหืด ยารักษาแผลในกระเพาะ และลำไส้ ยาลดความดัน ยาควบคุมการเต้นของหัวใจ เป็นต้น
ณรงค์ จึงสมานญาติ (2539) ศึกษาพบว่า เมล็ดน้อยหน่าที่บดเป็นผง แล้วแช่ด้วยน้ำผสมแอลกอฮอล์ 10% (แอลกอฮอล์ 95% 1 ขวด ผสมน้ำ 9 ขวด) ให้ท่วมผงเมล็ดน้อยหน่าเล็กน้อย โดยแช่ทิ้งไว้หนึ่งคืน แล้วกรองเอาส่วนน้ำสำหรับเป็นหัวเชื้อ ก่อนใช้จะผสมน้ำหรือแอลกฮอล์ 10 % ประมาณ 6 เท่า แล้วใช้ฆ่าเห็บด้วยการฉีดพ่นที่ตัวเห็บ ซึ่งพบว่าสามารถฆ่าได้ทั้งเห็บตัวอ่อน เห็บตัววัยรุ่น และเห็บตัวแก่
ปอง ทิพย์ และ ปิยธิดา (2540)ได้ทำการทดสอบฤทธิ์ในการฆ่าเหาของสารสกัดเมล็ดน้อยหน่า ที่สกัดด้วยปิโตรเลียมอีเธอร์ พบว่า สารสกัดที่ความเข้มข้น 5 เปอร์เซ็นต์ สามารถฆ่าเหาให้ตายได้หมดในเวลา 60 นาที นอกจากนี้ สารสกัดจากเมล็ดน้อยหน่าที่ความเข้มข้น 150 มิลลิกรัม/ลิตร มีฤทธิ์กระตุ้นมดลูกหนูตะเภา และที่ความเข้มข้น 0.3 มิลลิกรัม มีฤทธิ์ในการบีบมดลูกได้เท่ากับ oxytocin
1. การใช้ประโยชน์ทั่วไป
น้อยหน่าถือเป็นผลไม้ที่นิยมรับประทาน มีเนื้อมาก เนื้อนุ่มหวาน มีรสหอม เนื้อน้อยหน่ามีคุณค่าทางโภชนาการสูง ในน้อยหน่า 1 ผล จะประกอบด้วยน้ำ (73.5%), คาร์โบไฮเดรท(23.9%) โปรตีน(1.6%), ไขมัน(0.3%), แคลเซียม( 0.02%), ฟอสฟอรัส(0.04%) ธาตุเหล็ก และวิตามินซี
2. ยาสมุนไพร
การใช้น้อยหน่าเป็นยาสมุนไพรเพื่อรักษาโรค พบว่า มีการนำส่วนต่าง ๆ ของน้อยหน่ามาใช้ เช่น ราก นำมาต้มน้ำดื่มเป็นยาระบาย, เปลือกนำมาฝนกับหินใช้เป็นยาสมานแผล, ใบ ใช้เป็นยาฆ่าเชื้อโรค ขับพยาธิลำไส้ โดยนำมาโขลกให้ละเอียดใช้พอกแก้ฟกช้ำ รักษาโรคกลาก เกลื้อน และโรคผิวหนังอื่นๆ รวมถึงช่วยในการรักษาแผล, เมล็ด และใบ ใช้เป็นยาฆ่าเหา (โดยนำเมล็ด 10 เมล็ด หรือ ใบสด 1 กำมือ หรืออย่างใดอย่างหนึ่งมาตำให้ละเอียดผสมน้ำมันพืช 1-2 ช้อนโต๊ะ แล้วนำมาชโลมผมให้ทั่ว ใช้ผ้าคลุมโพกไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วจึงล้างออก) นอกจากนั้นเมล็ด สามารถนำมาสกัดเอาน้ำมันทำสบู่หรือใช้ประโยชน์ในด้านบำรุงผิวหรือความสวย ความงาม ส่วนกากที่เหลือสามารถทำปุ๋ยได้
3. ยาป้องกัน และกำจัดศัตรูพืช
การใช้เป็นยาป้องกัน และกำจัดแมลงศัตรูพืช นิยมนำส่วนของเมล็ด และใบมาใช้ โดยนำเมล็ด 1 กิโลกรัม มาบดให้ละเอียด ผสมกับน้ำ 20 ลิตร และแช่ทิ้งไว้ประมาณ 1-2 วันจากนั้น กรองเอาน้ำไปฉีดพ่นในแปลงเกษตร น้ำหมักที่ได้มีฤทธิ์ป้องกัน และกำจัดเพลี้ยอ่อนได้
จากรายงานการ ศึกษาโครงการสำรวจวิทยาการทดแทนสารเคมี (2531) พบว่า เมื่อนำเมล็ดน้อยหน่าบดละเอียดครึ่งกิโลกรัม ผสมน้ำแล้วนำไปต้มสามารถฆ่าแมลงวันทองตายได้ 50% ขณะที่น้ำจากเปลือกสดทำให้แมลงวันทองตาย 73 % ภายใน 24 ชั่วโมง
แสงแข น้าวานิช (2542) ศึกษาพบว่า สารสกัดจากเมล็ดน้อยหน่าที่ความเข้มข้น 5 และ 10 %(w/v) สามารถควบคุมด้วงงวงข้าวโพดได้ และมีประสิทธิภาพควบคุมการเกิดในลูกรุ่น F1 ของด้วงงวงข้าวโพดได้
Norman and Nuntawan, (1992) รายงานข้อมูลด้านประสิทธิผลของสารสกัดจากเมล็ดน้อยหน่า ดังนี้
– ออกฤทธิ์เป็นยาฆ่าแมลง โดยเมล็ดน้อยหน่าตากแห้งที่สกัดด้วยอีเธอร์ มีผลยับยั้งตัวเต็มวัยของ Musca nebulo และ Tribolium castaneum โดยมีค่า LD50 เท่ากับ 0.09 % และ 0.22 % ตามลำดับ
– สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตในระยะตัวหนอน และระยะไข่ของผีเสื้อไหม มีค่า LD50 เท่ากับ 0.20 % และ 0.14 % ตามลำดับ สารสกัดจากเมล็ดน้อยหน่ายังสามารถกำจัดเพลี้ยจักจั่นสีเขียว ที่ใช้ความเข้มข้น 5, 10, 20, 30 และ 50 เปอร์เซ็นต์
– สาร annonaine และ neoannonin ซึ่งสกัดได้จากส่วนของเมล็ดน้อยหน่ามีความเป็นพิษสูงต่อไข่ ตัวอ่อน และตัวเต็มวัยของแมลงวันผลไม้ (Drosophilla melanogaster)
การปลูกน้อยหน่านิยมปลูกด้วยการเพาะเมล็ดมากที่สุด รองลงมาเป็นการปลูกจากกิ่งพันธุ์ตอนที่ต้องการให้ผลเหมือนต้นแม่พันธุ์หรือต้องการรักษาต้นแม่ให้เพื่อให้ผลนำมาขยายพันธุ์จากเมล็ดต่อ
– โปรตีน 1.4 กรัม
– ไขมัน 0.2 กรัม
– คาร์โบไฮเดรท 21.4 กรัม
– ไฟเบอร์ 1.2 กรัม
– แคลเซียม 7.0 มิลลิกรัม
– ฟอสฟอรัส 27.0 มิลลิกรัม
– เหล็ก 0.4 มิลลิกรัม
– วิตามิน เอ 21 ไอ. ยู
– วิตามิน บี 1 0.09 มิลลิกรัม
– วิตามิน บี 2 0.09 มิลลิกรัม
– ไนอาซีน 1.0 มิลลิกรัม
– วิตามิน ซี 107.0 มิลลิกรัม