Sweet basil, Thai basil
Ocimum basilicum L.
โหระพาเป็นไม้ล้มลุก ความสูงของลำต้นประมาณ 0.5-1 เมตร ลำต้นเป็นสี่เหลี่ยม กิ่งอ่อนสีม่วงอมแดง ใบโหระพาเป็นใบเดี่ยว ทรงรูปรีหรือรูปไข่ ใบกว้าง 3-4 เซนติเมตร ยาว 4-6 เซนติเมตร ปลายแหลม โคนมน ขอบจักเป็นฟันเลื่อยห่าง ๆ บนใบมีขนปกคลุมลามไปถึงลำต้น ใบโหระพามีน้ำมันหอมระเหยจึงทำให้มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ดอกโหระพามีสีขาวหรือชมพูอ่อน ออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ช่อดอกยาว 7-12 เซนติเมตร บริเวณดอกมีใบประดับสีเขียวอมม่วง กลีบดอกมีโคนเชื่อมกัน ปลายแยกเป็น 2 ส่วน ส่วนผลโหระพาเป็นผลขนาดเล็ก เมล็ดเล็กเท่าเมล็ดงา ออกสีน้ำตาลเข้ม
โหระพามีสรรพคุณทางยาที่หลากหลาย ทั้งยังอุดมไปด้วยสารอาหาร แร่ธาตุ และวิตามินที่จำเป็นหลากชนิด จึงทำให้โหระพามีประโยชน์มากมาย เหมาะกับการนำมากินเพื่อสุขภาพมากที่สุด โดยประโยชน์ของโหระพาก็มีดังนี้
โหระพามีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน พร้อมส่งเสริมการทำงานของร่างกายให้เป็นปกติ เมื่อรับประทานโหระพาเป็นประจำ จึงทำให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยได้ง่าย แถมยังลดความเสี่ยงการป่วยด้วยโรคร้ายต่างๆ ได้ดีอีกด้วย
ใบโหระพามีสรรพคุณลดการบีบตัวของลำไส้ ช่วยรักษาแผลในกระเพาะ กระตุ้นระบบการย่อยอาหารให้มีประสิทธิภาพ จึงสามารถแก้อาการท้องอืด แน่นท้อง ได้เป็นอย่างดี ใครที่มีอาการท้องอืดบ่อยๆ ต้องทานใบโหระพากันเลย
น้ำมันหอมระเหยในใบโหระพา จะทำให้กล้ามเนื้อเกิดการผ่อนคลาย ลดการเกร็งของกล้ามเนื้อ ลดความวิตกกังวล คลายเครียด และลดอาการซึมเศร้าได้เป็นอย่างดี แถมยังช่วยให้เกิดสมาธิมากกว่าเดิมอีกด้วย
ใบโหระพามีส่วนช่วยในการลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้ ซึ่งก็จะช่วยลดความเสี่ยงโรคร้ายจากภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูงได้อีกหลายโรคเลยทีเดียว ดังนั้นคนที่มีภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ควรทานใบโหระพาเป็นประจำ โดยเฉพาะการทานใบสดๆ จะได้รับคุณประโยชน์อย่างเต็มที่มากกว่า
การทานใบโหระพาจะช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียนได้ โดยจะช่วยให้อาการดีขึ้น และรู้สึกผ่อนคลาย สดชื่น สบายตัวมากกว่าเดิม เพราะใบโหระพามีสรรพคุณในการลดอาการคลื่นไส้ และด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ของใบโหระพา ก็จะช่วยให้เกิดความผ่อนคลาย จึงหยุดยั้งอาการคลื่นไส้อาเจียนได้เหมือนกัน
ผู้หญิงมักจะเจอกับปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติ ไม่ว่าจะมามาก มาน้อย มาสองครั้งในเดือนเดียว มาแบบกะปริบกะปรอย หรือมาบ้างไม่มาบ้าง เมื่อทานใบโหระพาเป็นประจำ จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ เพราะใบโหระพาจะช่วยกระตุ้นให้ฮอร์โมนเพศทำงานปกติและเกิดความสมดุล จึงทำให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอนั่นเอง
สำหรับคนที่มีอาการเบื่ออาหาร รับประทานอาหารได้น้อย ลองใส่ใบโหระพาลงในเมนูอาหารกันดู หรืออาจนำมาทานใบสดๆ พร้อมกับอาหาร จะช่วยให้เจริญอาหารได้ดีมาก จากที่เคยตัวเล็กน้ำหนักน้อย ดูเหมือนคนขาดสารอาหาร น้ำหนักก็จะเพิ่มขึ้นมาอย่างเหมาะสมตามเกณฑ์มาตรฐาน
ใบโหระพามีส่วนช่วยในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสได้อย่างดีเยี่ยม จึงช่วยป้องกันอาการป่วยที่อาจจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัสและเชื้อราได้เป็นอย่างดี
โหระพาเป็นพืชที่ปลูกง่าย ปลูกครั้งเดียวสามารถเก็บเกี่ยวได้ 1-2 ปี โหระพาจะขึ้นได้ดีในดินร่วนซุยที่มีความอุดมสมบูรณ์และระบายน้ำได้ดีเป็นพิเศษ เหมาะจะปลูกในตอนเย็น ซึ่งต้องทำการเตรียมขุดดินให้ลึกประมาณ 20-25 เซนติเมตร ย่อยให้ละเอียดพร้อมเก็บเศษวัชพืชออกให้เรียบร้อย จากนั้นก็ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 7-10 วัน แล้วใส่ปุ๋ยคอก/ปุ๋ยหมักและปุ๋ยเคมีลงไปให้ทั่ว คลุกให้เข้ากัน เสร็จแล้วก็ลงมือปลูก โดยนิยม 2 วิธี ได้แก่
1. การเพาะกล้าและย้ายปลูก : หว่านเมล็ดแล้วใช้แกลบหรือฟางคลุมพร้อมรดน้ำตามทันที จากนั้นก็หมั่นรดน้ำทุกเช้า-เย็น จนมีอายุ 20-25 วัน จึงทำการถอนกล้าแล้วเด็ดยอดเพื่อย้ายปลูก โดยถ้าปลูกในแปลงควรเว้นระยะให้ห่างประมาณ 20-30 เซนติเมตร ถ้าปลูกในกระถางก็กระถางละ 1-2 ต้น
2. การปักชำโหระพา : ตัดกิ่งโหระพาที่โตเต็มที่หรือยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร เด็ดใบออกและเหลือไว้เพียงบางส่วน นำไปปักชำลงในแปลงหรือกระถาง จากนั้นใช้หญ้าแห้งหรือฟางคลุมแล้วรดน้ำตามทันที
โหระพาเป็นพืชที่ดูแลง่าย โตเร็ว ชอบความชื้นสูงและสม่ำเสมอ แดดไม่จัด จึงต้องคอยรดน้ำทุกวัน แต่อย่าปล่อยให้ท่วมขังจนเกินไป อีกทั้งในช่วงแรกควรพรวนดินและกำจัดศัตรูพืชออกทุก 1-2 สัปดาห์ โดยระวังไม่ให้กระทบต้นและราก
สำหรับการเก็บเกี่ยว ต้นโหระพาสามารถเก็บเกี่ยวได้หลังจากปลูกประมาณ 30-35 วัน โดยใช้มีดคม ๆ ตัดกิ่งให้ห่างจากยอดลงมาประมาณ 10-15 เซนติเมตร สามารถเก็บเกี่ยวได้ทุก ๆ 15-20 วัน ไปจนถึงอายุ 7-8 เดือน
นอกจากวัชพืช เช่น แห้วหมูและผักโขม ที่ต้องคอยระวังและกำจัดแล้ว คนที่ปลูกต้นโหระพาต้องคอยสำรวจตรวจเช็กและใส่ใจดูแลเพื่อป้องกันโรคและแมลงเหล่านี้เอาไว้ด้วย
- เพลี้ยไฟโหระพา : เป็นเพลี้ยที่ดูดกินน้ำเลี้ยงจากเซลล์พืช ทำให้ใบหรือยอดอ่อนหงิก ส่วนขอบม้วนงอ โดยสามารถแก้ไขได้ด้วยการหมั่นสำรวจและติดกับดักกาวเหนียวสีเหลือง เพื่อดักจับตัวโตเต็มวัย
- เพลี้ยอ่อนฝ้าย : เป็นเพลี้ยที่ดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบและยอด ทำให้มีอาการงอหงิก และชะงักการเจริญเติบโต อีกทั้งยังเป็นพาหะนำไวรัสหลายชนิดมาสู่พืชด้วย โดยจะพบมากในช่วงอากาศแห้งแล้งหรือฤดูหนาว แต่สามารถแก้ไขได้ด้วยการกำจัดวัชพืชเป็นประจำ และถ้าหากพบพืชหงิกงอให้ตัดส่วนนั้น ๆ ออกแล้วนำมาเผาทิ้ง
- แมลงหวี่ขาวยาสูบ : เป็นแมลงที่ดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบ ทำให้ใบเหี่ยวแห้งและต้นแคระแกร็น อีกทั้งยังเป็นพาหะนำเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคด่างเหลืองอีกด้วย พบมากในฤดูแล้ง สามารถแก้ไขได้ด้วยการหมั่นสำรวจและติดกับดักกาวเหนียวสีเหลือง เพื่อดักจับตัวโตเต็มวัย
- หนอนแมลงวันชอบใบ : เป็นหนอนที่ชอนไชใบจนทำให้เกิดรอยสีขาว แต่ถ้าระบาดรุนแรงอาจจะทำให้ใบร่วงและตายได้ ส่วนการแก้ไขคือ หมั่นเก็บเศษใบที่ถูกทำลายและร่วงหล่นตามพื้นดินมาเผาทิ้ง จะช่วยลดการแพร่ระบาดได้
- หนอนผีเสื้อห่อใบ : เป็นตัวอ่อนของผีเสื้อที่มักจะปล่อยเส้นใยและกัดกินใบไปเรื่อย ๆ จนถึงยอด
- โรคราน้ำค้าง : เป็นโรคที่ทำลายใบด้านบนให้เป็นสีเหลือง ส่วนด้านล่างเป็นเชื้อราสีน้ำตาล สามารถแก้ไขและป้องกันด้วยการเลือกใช้เมล็ดที่ปลอดโรค พร้อมทั้งทำความสะอาดเมล็ดให้ดีก่อนปลูก นอกจากนี้อย่าปลูกให้หนาแน่นเกินไป พร้อมทั้งคอยเก็บเศษซากของพืชหลังจากการเก็บเกี่ยวด้วย
- โรคเหี่ยว : เป็นโรคที่ทำให้ใบดำและเหี่ยวตาย สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดยากำจัดเชื้อรา
- โรคใบเน่า : เป็นโรคที่ทำให้ใบเป็นแผล มีน้ำและมีเมือก โดยแผลจะค่อย ๆ ลุกลามไปเรื่อย ๆ จนทำให้ต้นเน่าตาย
- โรคใบจุด : เป็นโรคที่ทำให้ใบมีจุดสีน้ำตาลเข้มถึงดำ จากนั้นใบโหระพาก็จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทั้งใบ แล้วร่วงหล่นลงตามมาลำดับ
ใบโหระพา 100 กรัม มีพลังงาน 251 กิโลแคลอรี่ ประกอบไปด้วยฟอสฟอรัส 490 มิลลิกรัม สังกะสี 6.0 มิลลิกรัม โปรตีน 14.4 กรัม ไขมัน 4 กรัม โพแทสเซียม 3,433 มิลลิกรัม วิตามินบี 1 0.1 มิลลิกรัม แคลเซียม 2,113 มิลลิกรัม คาร์โบไฮเดรต 61 กรัม เหล็ก 42 มิลลิกรัม วิตามินซี 22 มิลลิกรัม แมงกานีส 42.2 มิลลิกรัม วิตามินเอ 9375 IU และเบต้าแคโรทีน 452.2 ไมโครกรัม