Torch ginger
Etlingera elatior (Jack) R.M. Smith
ดาหลาเป็นพืชล้มลุกประเภทใบเลี้ยงเดี่ยว มีดอกที่สวยงาม จัดเป็นพืชที่มีอยู่ในวงศ์เดียวกับขิงและข่า มีลำต้นอยู่ใต้ดินเรียกว่าเหง้าซึ่งเป็นบริเวณที่เกิดของหน่อดอกและหน่อใหม่ ส่วนลำต้นจะอยู่เหนือผิวดินขึ้นมามีสีเขียวเข้มลักษณะเป็นกาบใบที่โอบซ้อนกันแน่น มีความสูงประมาณ 2-3 เมตร โดยรวมแล้ว ดาหลา 1 ต้น สามารถให้หน่อใหม่ได้ประมาณ 7 หน่อ ในเวลา 1 ปี
ใบ มีรูปร่างยาวรี กลางใบกว้างแล้วค่อยๆเรียวไปหาปลายใบและฐานใบ ผิวเกลี้ยงทั้งด้านบนและด้านล่าง มีความยาวใบประมาณ 30-80 เซนติเมตร ส่วนดอก จะมีลักษณะเป็นดอกช่อ ประกอบด้วยกลีบประดับเรียงซ้อนกันจะบานออกประมาณ 25-30 กลีบ
ลักษณะเด่นของดาหลาที่อีกหนึ่งประการ คือ สามารถเจริญเติบโตได้ดีในที่ที่มีแสงรำไร หรือที่ร่ม ไม้ยืนต้น สามารถเก็บดอกได้ตลอดทั้งปี แต่จะให้ดอกดกในช่วงฤดูร้อน (มีนาคม-พฤษภาคม) ในขณะที่ไม้ดอกชนิดอื่นๆไม่มีดอกให้เก็บ
ดาหลา เป็นไม้ดอกท้องถิ่นทางภาคใต้ชนิดหนึ่งที่นยิมปลูกอยู่มากในเขตจังหวัดยะลา นาราธิวาส เป็นระยะเวลานาน ในอดีตดาหลามีการนำหน่ออ่อนและดอกมาใช้เป็นผักประกอบอาหาร เหมือนผักทั่วไป
หน่ออ่อนและดอกตูม รสเผ็ดเล็กน้อย นำมาต้มรับประทานกับน้ำพริก หรือแกงกะทิ แกงคั่ว ยำ หั่นฝอยผสมในข้าวยำซึ่งเป็นอาหารภาคใต้ นำกลีบดอกมาต้มแล้วชงเป็นเครื่องดื่ม ส่วนกากที่เหลือนำไปเคี่ยวกับน้ำตาลทำเป็นดอกดาหลากวน
ปัจจัยในการปลูกดอกดาหลาที่ผู้ปลูกต้องคำนึง คือ แสงและฤดูกาล แปลงปลูกควรให้แสงส่องผ่านประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ หากโดนแสงแดดมากเกินไปสีของกลีบประดับจะจางและทำให้ใบไหม้ นอกจากนี้ฤดูปลูกที่เหมาะสมควรเป็น ฤดูฝนช่วงเดือน กรกฏาคม – สิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ดาหลาจะมีการเจริญเติบโตทางด้านลำต้นและแตกหน่อได้มาก
วิธีการเพาะขยายพันธุ์ 4 วิธีดังนี้
1.การแยกหน่อ คือ เป็นวิธีการแยกหน่อที่มีความเหมาะสม กล่าวคือ ต้องมีความสูงประมาณ 60-100 เซนติเมตรขึ้นไป มีกิ่งอ่อนกึ่งแก่ประมาณ 4-5 ใบ มีหน่อดอกอ่อนๆประมาณ 3 หน่อ นำไปปลูกลงถุงพลาสติกประมาณ 1 เดือนเพื่อให้หน่อแข็งแรงก่อนนำลงไปปลูกในแปลง
2.การแยกเหง้า คือ เป็นการแยกเหง้าที่เกิดใหม่ที่โคนต้น ไปปลูกในแปลงเพาะชำ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี ต้นจึงจะเริ่มให้ดอก
3.การปักชำหน่อแก่ กล่าวคือ การนำหน่อแก่ไปชำในแปลงเพาะชำเพื่อให้แตกหน่อใหม่ที่มีความสมบูรณ์แข็งแรง จากนั้นจึงค่อยแยกหน่อใหม่ย้ายลงไปปลูกในแปลง
4.การเพาะเมล็ด คือ การนำเมล็ดแก่ที่ได้จากต้นแม่ไปเพาะในกระบะปลูกจนได้ต้นกล้าและย้ายลงปลูกในถุงพลาสติก พอต้นแข็งแรงถึงจะสามารถนำลงแปลงปลูกได้ แต่อย่างไรก็ตามการขยายพันธุ์ด้วยวิธีนี้ค่อนข้างจะช้ากว่าวิธีอื่นๆ แต่จะได้ผลดี คือ มีอัตราการได้ต้นดาหลาสายพันธุ์ใหม่ที่เกิดขึ้นจากการหลายพันธุ์ของต้นพ่อและแม่
สำหรับแปลงปลูกดาหลา โดยทั่วไปจะมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ความกว้างประมาณ 2-3 เซนติเมตร ความยาวตามขนาดของพื้นที่
แปลงปลูกดาหลาจะมีสองแบบ คือ การปลูกแบบยกร่องสวน และไม่ยกร่องสวน ซึ่งทั้งสองวิธีจะทำการไถ่พรวนตากดินไว้ประมาณ 5-7 วัน จากนั้นขุดหลุมปลูกระยะห่างระหว่างต้นและแถวประมาณ 2 เมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกและปุ๋ยเคมีสูตร 20-20-20 ในอัตรส่วน 1 ต่อ 25 จากนั้นนำต้นพันธุ์ที่เตรียมไว้ด้วยวิธีการขยายพันธุ์ที่กล่าวมาทั้ง 4 วิธีข้างต้นลงปลูก กลบดินและรดน้ำให้ชุ่ม แต่ถ้าหากปลูกในเชิงพานิชย์ แนะนำว่าควรทำการขุดยกร่องสวนให้มีคูน้ำลึกประมาณ 1 เมตร กว้าง 1 เมตร ขั้นระหว่างแปลงปลูก เพื่อให้มีความชุ่มชื้นภายในแปลงอยู่ตลอดเวลา
การให้ปุ๋ย ต้องให้ 2-3 เดือนต่อครั้ง โดยจะใช้ปุ๋ยสูตรเสมอ 16-16-16 ในอัตรา 96 กิโลกรัมต่อไร่ ปุ๋ยคอก 15 กิโลกรัมต่อต้นต่อปี นอกจากนี้อาจใช้อินทรีย์วัตถุทีผุพัง เช่น ใบไม้ต่างๆ ลำต้นแก่ของดาหลา วัชพืชที่ขึ้นตามท้องร่องมาหมักเป็นปุ๋ย หรืออาจใช้ดินเลนจากท้องร่องพูนใส่ตามโคนต้นในกรณีปลูกแบบยกร่อง
การให้น้ำ ในระยะเริ่มแรกของการปลูก ต้องรดน้ำให้ชุ่ม วันละ 1 ครั้ง แต่เมื่อต้นดาหลาเริ่มตั้งตัวได้อาจเว้นระยะห่างของการให้น้ำจากวันละครั้งออกไปเป็นประมาณ 2-3 วันต่อครั้ง แต่อย่างไรต้องคำนึงถึงสภาพอากาศ ถ้าเป็นช่วงฤดูร้อนควรเพิ่มการให้น้ำมากขึ้น โดยใช้ระบบการให้น้ำแบบสปริงเกอร์บนแปลงที่ไม่ยกร่อง