แผนการจัดการเรียนรู้Active Learning ม.5 ภาคเรียนที่1
ปฏิบัติงานคอนกรีตด้วยกระบวนการ GPAS 5 Steps
แผนการจัดการเรียนรู้Active Learning ม.5 ภาคเรียนที่1
ปฏิบัติงานคอนกรีตด้วยกระบวนการ GPAS 5 Steps
รายวิชา งานช่างพื้นฐาน รหัสวิชา ง31201 กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนโนนสะอาดพิทยาสรรค์ ภาคเรียนที่ 1 จำนวน 4 ชั่วโมง
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 เรื่อง ปฏิบัติงานคอนกรีตด้วยกระบวนการ GPAS 5 Steps
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ชื่อหน่วยการเรียนรู้ วัสดุทางช่างอุตสาหกรรม
1. สาระสำคัญ การนำความรู้เรื่องคอนกรีตมาประยุคใช้ในการผลิตชิ้นงานผลิตภัณฑ์คอนกรีต
2. จุดประสงค์การเรียนรู้
สามารถนำความรู้เกี่ยวกับส่วนผสมคอนกรีต กำลังอัดคอนกรีตมาประยุคใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์คอนกรีตให้ได้ชิ้นงานที่มีความสวยงาม ได้กำลังอัดตามที่กำหนดและสามารถนำไปใช้งานได้จริง โดยใช้กระบวนการ GPAS 5 Steps และใช้ PDCA แทรกในขั้นตอนการปฏิบัติ
3. เนื้อหา
การใช้วัสดุทดแทนหินทรายเป็นส่วนผสมในคอนกรีต
เป็นที่ทราบโดยทั่วไปว่า ในส่วนผสมของปูนซีเมนต์ ถ้าใช้ปูนซีเมนต์+ทราย จะได้มอร์ตาร์ ใช้สำหรับก่ออิฐ ฉาบผนัง งานปั้นงานซ่อมแซมต่างๆ ถ้าใช้ปูนซีเมนต์+ทราย+หิน จะได้คอนกรีต ใช้สำหรับงานโครงสร้างที่ต้องรับแรงอัด แต่ถ้าศึกษารายละเอียดแล้วเราสามารถใช้วัสดุอื่นทดแทนหินและทรายได้ เช่นใช้หินฝุ่นแทนทราย ใช้กรวดแทนหินเป็นต้น ซึ่งวัสดุทดแทนจะให้กำลังอัดของคอนกรีตแตกต่างกันออกไป
GPAS 5 Steps คืออะไร
GPAS คือ กระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ ซึ่งเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งในการเรียนรู้แบบ Active Learning โดยเป็นการเรียนรู้ผ่านชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC) ซึ่ง GPAS นั้นนับว่าเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้นักเรียนมี วิธีการเรียน ซึ่งจะช่วยผู้เรียนสามารถนำไปเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติจริงได้ จึงนับว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มพูนทักษะในการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน และทำให้ผู้เรียนมีวิธีการเรียนรู้ที่ดีขึ้น รวมถึงช่วยให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
GPAS นับเป็นขั้นตอนและจุดเน้นในการจัดกระบวนการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนนั้น สามารถที่จะสร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตนเอง และสามารถที่จะนำไปใช้ในการปฏิบัติจริงในการแก้ปัญหาสำหรับสถานการณ์ต่าง ๆ ซึ่งสิ่งที่ได้จากกระบวนการเหล่านี้ จะตกผลึกภายในตัวของผู้เรียน และแปรเปลี่ยนเป็นตัวตนและบุคลิกภาพของผู้เรียน อันจะสะท้อนออกมาในรูปแบบของผลงานต่าง ๆ โดยประกอบด้วยโครงสร้างทักษะกระบวนการคิด 5 ขั้นตอน ที่มีความสำคัญ อันได้แก่
G การรวบรวมและเลือกข้อมูล (GATHERING)
เป็นขั้นที่ผู้เรียนสามารถรวบรวมและเลือกเฟ้นข้อมูลสำคัญที่จะนำมาใช้ในการพัฒนานวัตกรรมหรือดำเนินโครงการต่าง ๆ ซึ่งในขั้นนี้ครูผู้สอนจะต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนเรียนรู้ที่จะการรวบรวมข้อมูลผ่านประสาทสัมผัส ตามเป้าหมาย โดยมีการเลือกเฟ้นข้อมูลที่สอดคล้อง มีการบันทึกข้อมูล และสามารถที่จะดึงข้อมูลเดิมมาใช้ได้
P การจัดกระทำข้อมูล (PROCESSING)
คือการจัดข้อมูลให้เกิดความหมายผ่านการเลือกเฟ้น เพิ่มคุณค่า คุณธรรม ค่านิยม ออกแบบสร้างสรรค์ และตัดสินใจเลือกเป้าหมายแนวทางที่นำไปสู่ความสำเร็จได้ โดยครูผู้สอนจะต้องออกแบบกิจกรรมการสอนให้ผู้เรียนอย่างหลากหลาย เพื่อให้ผู้เรียนแยกแยะหรือเฟ้นหาข้อมูลที่จำเป็นได้ เช่น การจำแนกเปรียบเทียบ การเชื่อมโยง และไตร่ตรองอย่างมีเหตุผล เป็นต้น
A การประยุกต์ใช้ความรู้ (APPLYING)
สามารถแบ่งได้เป็น 2 ขั้น คือ ขั้นแรก (Applying 1) เป็นขั้นที่ผู้เรียนร่วมกัน วางแผนและลงมือทำ รวมถึงตรวจสอบแก้ปัญหาต่าง ๆ เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ไปสู่ระดับของนวัตกรรม ส่วนขั้นสอง (Applying 2) คือขั้นที่ผู้เรียนสามารถสรุปเป็นความรู้ระดับต่าง ๆ จนถึงระดับหลักการ และสามารถนำเสนอได้อย่างมีแบบแผน โดยการดำเนินการนั้น ครูผู้สอนจะต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักเลือกข้อมูลที่สอดคล้อง รู้จักความรู้ที่ได้อย่างสร้างสรรค์ ขยายขอบเขตความรู้ การวิเคราะห์การสังเคราะห์ ตัดสินใจ และการนำความรู้ไปปรับใช้ ตลอดจนมีการวิเคราะห์วิจารณ์และแก้ปัญหาอย่างเหมาะสม
S การกำกับตนเอง หรือ การเรียนรู้ได้เอง (SELF–REGULATING)
เป็นการประเมินภาพรวมของนวัตกรรมหรือโครงการเพื่อกำกับความคิดและขยายค่านิยมสู่สังคมและสิ่งแวดล้อมให้กว้างขวางขึ้น เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง โดยครูผู้สอนจะต้องดำเนินการเพื่อให้ผู้เรียนนั้น มีการตรวจสอบและควบคุมกระบวนการการคิดของตัวเอง การสร้างค่านิยมการคิดของตัวเอง และการสร้างนิสัยการคิดที่เป็นรูปแบบของตัวเอง เป็นต้น
GPAS นับว่าเป็นกระบวนการสร้างความรู้ที่มีประสิทธิภาพ และนับว่าเป็นกระบวนการสำคัญในการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ และเป็นการบริหารจัดการความรู้แท้ (Knowledge Management) อีกด้วย นอกจากนี้กระบวนการสร้างความรู้แบบ GPAS 5 Steps ยังมีแนวทางที่สอดคล้องกับ การพัฒนาและการเรียนรู้ของสมอง (Brain-based Learning) ของผู้เรียน ทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ตามศักยภาพขงแต่ละคน จึงทำให้กระบวนการนี้ถือเป็นเครื่องมือสำคัญ สำหรับการศึกษาแห่งศตวรรษที่ 21 ที่น่าจะช่วยยกระดับการศึกษาไทย เพื่อนำไปสู่การพัฒนาเด็กและเยาวชนไทย ให้มีอุปนิสัยที่ดีในการเรียนรู้ตามแนวทางของโลกในยุคสมัยใหม่ได้
กระบวนการทำงานช่าง
ขั้นตอนการวางแผนการทำงาน
1. ขั้น วางแผนหรือ ขั้นเตรียมการ (PLAN)
เป็นขั้นตอนเตรียมการวางแผนในการทำงาน เป็นการกำหนดรายละเอียดในการทำงาน การวางแผน การใช้วัสดุ อุปกรณ์ พลังงาน บุคลากร ตลอดจนค่าใช้จ่ายต่างๆ
2. ขั้นดำเนินการ (DO)
เป็นการลงมือปฏิบัติงานตามแผนที่วางเอาไว้ ผู้ปฏิบัติจะทำงานตามแผนที่วางเอาไว้ และอาจมีการปรับแผนงาน การทำงานในระหว่างปฏิบัติงานได้ตามความจำเป็น
3. ขั้นตรวจสอบ หรือการประเมินผล (CHECK)
การตรวจสอบเป็นไปได้หลายลักษณะ เช่น การตรวจสอบแผนการทำงาน ว่าแผนการทำงานที่กำหนดเอาไว้ที่ข้อบกพร่องหรือไม่ การตรวจสอบวิธีการทำงาน การใช้เครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ การตรวจสอบผลงานที่ได้เป็นต้น ลักษณะการประเมินผลการทำงาน
- การประเมินผลก่อนการทำงาน เป็นซักซ้อม ตรวจสอบ ความรู้ความเข้าใจ การตรวจสอบเครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ
- การประเมินผลระหว่างการทำงาน เป็นการตรวจสอบเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ เพื่อที่จะได้แก้ไขได้ทันท่วงที
- การประเมินผลหลังการทำงาน เพื่อที่จะได้ทราบจุดเด่น จุดด้อยของผลงาน หรือการทำงาน เพื่อที่จะได้ปรับปรุงการทำงานในครั้งต่อไป
4. การพัฒนา ปรับปรุง (ACT)
เป็นขั้นตอนที่สำคัญอีกขั้นตอนหนึ่งในการปฏิบัติงาน เป็นการนำผลการประเมินที่ได้มาปรับปรุงการทำงาน เพื่อที่จะให้การปฏิบัติงานในครั้งต่อไปมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
4. กิจกรรมการเรียนการสอน
4.1 การนำเข้าสู่บทเรียน
- ครูทบทวนเนื้อหาวัสดุในงานช่างโดยเฉพาะเรื่องคอนกรีต ส่วนผสมคอนกรีต และการคำนวนหาปริมาตรน้ำเพื่อให้ได้กำลังอัดของคอนกรีตตามที่ต้องการ
4.2 ขั้นสอน
คาบที่ 1 ขั้น Gathering : การค้นหาและเลือกข้อมูล
- นักเรียนศึกษากระบวนการเรียนรู้และการทำงาน แบบ GPAS 5 Steps และการบวนการทำงานช่างแบบ PDCA
- ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3 คน (ถ้ามีเศษให้ปัดกลุ่มท้านเป็นกลุ่มละ 4 คน) ครูมอบหมายภาระงาน ให้นักเรียนหล่อคอนกรีตเป็นบร๊อคทางเท้า กลุ่มละ 6 ปล๊อค กำหนดกำลังอัดของคอนกรีต 175 kg/cm2 เงื่อนไขนักเรียนต้องคำนวณส่วนผสมของคอนกรีตให้ได้ตามที่กำหนด โดยความคลาดเคลื่อนของกำลังอัดที่ได้มีความคลาดเคลื่อน บวก/ลบ ไม่เกิน 10% และนักเรียนสามารถ นำเสนอครูผู้สอน เพื่อดำเนินการด้วยประเด็นท้าทายโดยใช้วัสดุอื่นทดแทนหินหรือทรายได้
คาบที่ 2 ขั้น Processing: การจัดกระทำข้อมูล หรือการจัดข้อมูลให้เป็นระบบ
- นักเรียนศึกษา ชนิดของปูนซีเมนต์ เลือกใช้ปูนซีเมนต์ให้เหมาะสมกับงาน ศึกษาคำนวณหาปริมาตรของปูนซีเมนต์ ทรายและหิน และอัตราส่วนในการผสมคอนกรีต เพื่อให้ได้กำลังอัดตามที่ต้องการ
- กรณีกลุ่มของนักเรียนที่ต้องการหล่อคอนกรีตด้วยประเด็นท้าทายโดยใช้วัสดุอื่นทดแทนหินหรือทราย ให้นักเรียนร่วมปรึกษากับครูเพื่อศึกษาความเป็นไปได้
คาบที่ 3-4 ขั้น Applying 1 (Applying and Constructing the Knowledge) :การปฏิบัติและสรุปความรู้
- นักเรียนลงมือปฏิบัติงาน (ครูดูแลและให้คำแนะนำเรื่องความปลอดภัย) โดยแทรกกระบวนการปฏิบัติงานช่างแบบ PDCA ในขั้นตอนของการลงมือปฏิบัติ
ขั้น Applying 2 (Applying and Communication Skill) : การสื่อสารและนำเสนอ หลังจากนักเรียน บ่มคอนกรีต เป็นเวลา 14 วันนักเรียน เทสกำลังอัดของคอนกรีต และนำส่งผลงาน
- นักเรียน นำส่งผลงานที่สำเร็จแล้ว และ Infographic (อินโฟกราฟิกส์)
**** เพื่อเป็นการบ่มคอนกรีตอย่างน้อย 14 วัน ให้ได้กำลังอัดของคอนกรีตตามที่คำนวณครูนัดหมายนักเรียนนำสงผลงานในช่วงสอบกลางภาค
4.3 ขั้นสรุป
Self – regulating : การประเมินเพิ่มคุณค่า
- ครู และนักเรียน สรุปความคิดรวบยอด ความสำคัญ ของงานออกแบบ และนำผลงานนักเรียนออกเผยแพร่ *** .ใช้เวลา คาบเรียนแรกหลังสอบกลางภาค ไม่เกิน 30 นาที
5. สื่อการเรียนการสอน
- สื่อออนไลน์ กระบวนการ GPAS 5 Steps
- สื่อออนไลน์ กระบวนการ PDCA
- เครื่องมือช่าง
- สือออนไลน์ ยูทูป การหาปริมาตรส่วนผสมในคอนกรีต https://youtu.be/O0GcI-LM8XM?si=1z1DPx1DcRx1W_V7
6. การประเมินผล
- ใบงาน
- ผลงานจากชิ้นงาน
- การนำเสนอผลงาน
7. ความเห็นและข้อเสนอแนะของครูนิเทศ/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย/หัวหน้าสถานศึกษา
………………………………………………………..……………………………………………...………………….…………………………
(ลงชื่อ)........................................
( .................................................... )
8. ความเห็นและข้อเสนอแนะของผู้อำนวยการสถานศึกษา
………………………………………………………..……………………………………………...………………….…………………………
ลงชื่อ.....................................
( .............................................)
9. บันทึกผลหลังการสอน
1. ผลการเรียนรู้
1.1 ผู้เรียนได้รับรับความรู้ (K)
...........................................................................................................................................................................
1.2 ผู้เรียนเกิดทักษะกระบวนการ (P)
...........................................................................................................................................................................
1.3 ผู้เรียนมีคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม (A)
...........................................................................................................................................................................
ปัญหาอุปสรรค (ถ้ามี)
...........................................................................................................................................................................
ข้อแสนอแนะ (ถ้ามี)
...........................................................................................................................................................................
ลงชื่อ..........................................ผู้สอน
(นายศักดา จูงพันธ์)
ตำแหน่งครู
ความคิดเห็น และข้อเสนอแนะของครูนิเทศ
...........................................................................................................................................................................
ลงชื่อ....................................ผู้นิเทศ
(.........................................)
ตำแหน่ง หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้/ครูนิเทศ
ลงชื่อ………………………………………
(…………………………………….)
ตำแหน่ง…………………………………..