ความหมายของเทคโนโลยี
คำว่า เทคโนโลยี ตรงกับคำภาษาอังกฤษว่า "Technology" ซึ่งมาจากภาษากรีกว่า "Technologia" แปลว่า การกระทำที่มีระบบ อย่างไรก็ตามคำว่า เทคโนโลยี มักนิยมใช้ควบคู่กับคำว่า วิทยาศาสตร์ โดยเรียกรวม ๆ ว่า "วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี" ซึ่งพจนานุกรมฉบับ ราชบัณฑิตยสถาน (2539 : 406) ได้ให้ความหมายของเทคโนโลยี คือ วิทยาการที่เกี่ยวกับศิลปะในการนำเอาวิทยาศาสตร์ประยุกต์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในทางปฏิบัติและอุตสาหกรรม นอกจากนั้นยังมีผู้ให้ความหมายของเทคโนโลยีไว้หลากหลาย ดังนี้ คือ
ผดุงยศ ดวงมาลา (2523 : 16) ได้ให้ความหมายของเทคโนโลยีว่าปัจจุบันมีความหมายกว้างกว่ารากศัพท์เดิม คือ หมายถึงกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเครื่องจักรกล สิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ ทาง อุตสาหกรรม ถ้าในแง่ของความรู้ เทคโนโลยีจะหมายถึง ความรู้หรือศาสตร์ที่เกี่ยวกับเทคนิคการผลิตในอุตสาหกรรม และกิจกรรมอื่น ๆ ที่จะเอื้ออำนวยต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ หรืออาจสรุปว่า เทคโนโลยี คือ ความรู้ที่มนุษย์ใช้ทรัพยากรต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์แก่มนุษย์เอง ทั้งในแง่ความเป็นอยู่และการควบคุมสิ่งแวดล้อม
สิปปนนท์ เกตุทัต (ม.ป.ป. 81) อธิบายว่า เทคโนโลยี คือ การนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ มาผสมผสานประยุกต์ เพื่อสนองเป้าหมายเฉพาะตามความต้องการของมนุษย์ด้วยการนำทรัพยากรต่าง ๆ มาใช้ในการผลิตและจำหน่ายให้ต่อเนื่องตลอดทั้งกระบวนการ เทคโนโลยีจึงมักจะมีคุณประโยชน์และเหมาะสมเฉพาะเวลาและสถานที่ และหากเทคโนโลยีนั้นสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมือง วัฒนธรรม และสภาพแวดล้อม เทคโนโลยีนั้นจะเกื้อกูลเป็นประโยชน์ทั้งต่อบุคคลและส่วนรวม หากไม่สอดคล้องเทคโนโลยี นั้น ๆ จะก่อให้เกิดปัญหาตามมามหาศาล
ธรรมนูญ โรจนะบุรานนท์ (2531 : 170) กล่าวว่า เทคโนโลยี คือ ความรู้วิชาการรวมกับความรู้วิธีการ และความชำนาญที่สามารถนำไปปฏิบัติภารกิจให้มีประสิทธิภาพสูง โดยปกติเทคโนโลยีนั้นมีความรู้วิทยาศาสตร์รวมอยู่ด้วย นั้นคือวิทยาศาสตร์เป็นความรู้ เทคโนโลยีเป็นการนำความรู้ไปใช้ในทางปฏิบัติ จึงมักนิยมใช้สองคำด้วยกัน คือ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อเน้นให้เข้าใจว่า ทั้งสองอย่างนี้ต้องควบคู่กันไปจึงจะมีประสิทธิภาพสูง
ส่วน ชำนาญ เชาวกีรติพงศ์ (2534 : 5) ได้ให้ความหมายสั้น ๆ ว่า เทคโนโลยี หมายถึง วิชาที่ว่าด้วยการประกอบวัตถุเป็นอุตสาหกรรม หรือวิชาช่างอุตสาหกรรม หรือการนำเอาวิทยาศาสตร์มาใช้ในทางปฏิบัติ
จากการที่มีผู้ให้ความหมายของเทคโนโลยีไว้หลากหลาย สรุปได้ว่า เทคโนโลยี หมายถึง วิชาที่นำเอาวิทยาการทางวิทยาศาสตร์และศาสตร์อื่น ๆ มาประยุกต์ใช้ตามความต้องการของมนุษย์ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงกล่าวถึงความหมายของเทคโนโลยีเป็นภาษาง่าย ๆ ว่า หมายถึง การรู้จักนำมาทำให้เป็นประโยชน์นั่นเอง (เย็นใจ เลาหวณิช. 2530 : 67)
กระบวนการออกแบบและการใช้เทคโนโลยี เป็นขั้นตอนที่จะช่วยลดความผิดพลาดในการทำงาน มีความเหมาะสมกับการแก้ปัญหาในการออกแบบและการนำเทคโนโลยี วัสดุอุปกรณ์มาใช้ กระบวนการออกแบบอย่างเป็นระบบมีลักษณะขั้นตอนดังนี้
1.การรับรู้ปัญหาและความต้องการ
2.การรวบรวมข้อมูล
3.การเลือกใช้เทคโนโลยี และการเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์
4.การวางแผนออกแบบเพื่อแก้ปัญหา
5.การสร้างต้นแบบสิ่งของเครื่องใช้
6.การทดสอบการใช้งาน
7.การปรับปรุง
การเขียนแบบ ออกแบบ และการอ่านแบบ ในงานช่าง ถือได้ว่าเป็นหัวใจหลักที่สำคัญอย่างหนึ่งของช่างที่ดี โดยเฉพาะช่างที่จะก้าวขึ้นไปเป็นหัวหน้างาน คุณสมบัติสำคัญที่ขาดไม่ได้คือความสามารถในการอ่านแบบ
แบบในงานช่าง เป็นสื่อกลางระหว่างผู้ออกแบบงานนั้นๆกับช่างผู้ผลิต เพื่อที่จะได้งานออกมาตรงกับความต้องการ แบบที่เขียนตามมาตรฐานการเขียนแบบเป็นเหมือนภาษาสากลที่คนทุกชาติทุดภาษาที่มีความรู้ความเข้าใจในการอ่านแบบสามารถอ่านและทำความเข้าใจได้ นอกจากนี้แบบงานยังทำหน้าที่เป็นเหมือนข้อตกลงระหว่างผู้ว่าจ้างและช่างผู้รับจ้างให้ผลิตชิ้นงานได้ถูกต้องตรงตามความต้องการตามแบบ
1. เครื่องมือเละอุปกรณ์ในการเขียนแบบ
- ปากกาเขียนแบบ
- ดินสอเขียนแบบ
- ยางลบ
- เทปกาวติดกระดาษ
- ไม้ที
- ไม้สามเหลี่ยม 30องศา และ 45 องศา
- โต๊ะเขียนแบบ หรือกระดานเขียนแบบ
- วงเวียน เป็นต้น
2. เส้นที่ใช้ในการเขียนแบบ
เส้นเต็มเบา หรือเส้นร่าง ใช้สำหรับร่างแบบ หรือเป็นเส้นบอกขนาด
เส้นเต็ม เป็นเส้นกรอบรูป เพื่อแสดงให้เห็นกรอบรูปที่ชัดเจน
เส้นประ ใช้แสดงแนวกรอบรูปในส่วนที่ถูกบัง
เส้นศูนย์กลาง ใช้แสดงแนวศูนย์กลางของภาพ
3. ภาพฉาย การเขียนแบบโดยทั่วไป จะแสดงภาพให้เห็น 3 ส่วน คือ ภาพด้านบน ภาพด้านหน้า และภาพด้านข้าง ดังรูป การกำหนดตำแหน่งของภาพในลักษณะตายตัว ( ในงานเขียนแบบเครื่องกล เพื่อความสะดวกในการอ่านแบบ
4. ภาพ 3 มิติ ในการเขียนแบบ ภาพสามมิติสามารถเขียนได้หลายลักษณะ เช่น
4.1. ภาพออบลิค(oblique) ลักษณะของภาพ ภาพด้านหน้าจะทำมุมตั้งฉากกับสายตา ภาพด้านบนและภาพด้านข้างจะเอียงมุม 45 องศา สัดส่วนของภาพ ภาพด้านหน้าแนวที่ตั้งฉากกับสายตา จะใช้สัดส่วนของขนาดจริงขนาดจริง ภาพด้านข้าง และด้านบนส่วนที่เอียงมุม 45 องศา จะใช้สัดส่วนเท่ากับ ½ ของขนาดจริง ข้อดีของการเขียนภาพสามมิติแบบ ภาพออบลิค(oblique) คือ เขียนง่าย ภาพมีขนาดเล็ก ไม่กินเนื้อที่ ข้อเสีย คือ ภาพมีสัดส่วนไม่เหมือนจริง ไม่สวยงาม ในงานเขียนแบบไม่ค่อยนิยมใช้มากนัก
4.2. ภาพ ไอโซเมตริก เป็นภาพที่ทำมุม 30องศากับสายตา ( ถ้าศึกษาในกะดับสูงของงานเขียนแบบ ภาพไอโซเมตริก สามารถทำมุมอื่นๆได้นอกจาก มุม30 องศา ) ขอดีของภาพไอโซเมตริกคือ ภาพมีสัดส่วนใกล้เคียงกับของจริง สวยงาม ข้อเสียคือ ภาพมีขนาดใหญ่สิ้นเปลืองเนื้อที่ ภาพที่แสดงด้านล่าง เป็นภาพของกล่องที่มีขนาดและสัดส่วนเท่ากันกับภาพ ภาพออบลิค(oblique) ที่แสดงในข้อที่ 4.1
4.3 ภาพทัศนียภาพ( PERSPECTIVE) เป็นภาพที่ให้ความรู้สึกเป็น 3 มิติ คือ มีลักษณะของความเหมือนใกล้เคียงกับภาพที่คนเราเห็นภาพต่าง ๆ โดยทั่วไป เช่น ถ้าไปยืนอยู่กลางถนน แล้วมองไปไกลข้างหน้า เราจะเห็นถนนจะค่อยเล็กลง เสาไฟฟ้าก็สั้นเล็กลง ถ้ามีต้นไม้เป็นทิวข้างทางก็จะ เตี้ยลง แล้วก็จะวิ่งไปรวมกันที่จุดสุดสายตา หรือถ้าใครอยู่ใกล้เส้นทางรถไฟก็จะเห็นได้ชัดเจน รางรถไฟจะไปรวมกันที่จุดจุดเดียว ไม้หมอนที่นอนขวางรับรางเหล็กก็จะสั้นเข้า และรวมกันที่ จุดรวมสายตา ซึ่งพอจะสรุปลักษณะของภาพ PERSPECTIVE ได้ดังนี้
1. วัตถุ หรือสิ่งของที่มีขนาดเท่ากันเมื่อยู่ไกลตัวออกไปจะมีขนาดเล็กลง
2. ระยะที่เท่ากันเมื่ออยู่ไกลตัวออกไปจะมีระยะที่ถี่ขึ้นเรื่อย ๆ จนรวมเป็นจุดเดียวกัน
3. เส้น หรือสิ่งของที่คู่ขนานกันเมื่อไกลออกไปจะพุ่งเข้าหากัน
4. วัตถุ หรือสิ่งของต่าง ๆ เมื่ออยู่ไกลตัวออกไป จะมีรายละเอียดและความชัดเจนลดลงไปตามลำดับ
จะเห็นว่ารางรถ เสาไฟ มีขนาดเล็กลงเมื่ออยู่ไกลตาออกไป
ภาพฉาย
ภาพทัศนียภาพ( PERSPECTIVE)