ปัจจุบันไฟฟ้ามีประโยชน์หลายด้าน เช่น งานอุตสาหกรรม งานติดต่อสื่อสาร และการใช้ไฟฟ้าในชีวิตประจำวัน
ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับไฟฟ้ากระแสไฟฟ้า ( Electrical Current ) เกิดจากการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอน
จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งภายในตัวนำไฟฟ้า
ชนิดของกระแสไฟฟ้า
ไฟฟ้ากระแสตรง ( Direct Current หรือเรียกว่า DC ) กระแสไฟฟ้าที่มีอิเล็กตรอนไหลไปทางเดียวกันตลอด
ประโยชน์ของไฟฟ้ากระแสตรง
1. ใช้ในงานโลหะ เช่น การชุบโลหะ การเชื่อมโลหะ
2. ใช้ในการประจุกระแสไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่ เช่น แบตเตอรี่รถยนต์
3. ใช้ในวงจรอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์
4. ใช้สำหรับไฟฟ้านำทาง เช่น ไฟฉาย
5. ใช้ในการทดลองทางเคมี
ไฟฟ้ากระแสสลับ ( Alternating Current ) หรือเรียกว่า AC ) กระแสไฟฟ้า
ที่มีอิเล็กตรอนไหลสลับที่ไปมาตลอดเวลา ซึ่งขนาดของกระแสและแรงดันเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
ประโยชน์ของกระแสสลับ
1. ใช้กับระบบความต้องการแสงสว่างได้ดี
2. ประหยัดและผลิตได้ง่าย
3. ใช้กับตู้เชื่อมหรือเครื่องเชื่อม
4. เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องการกำลังมากๆ
5. ใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าได้เกือบทุกชนิด
เครื่องมืองานเดินสายไฟฟ้าภายในบ้าน
1. ค้อน สำหรับใช้งานไฟฟ้ามีหลายชนิด เช่น ค้อนหงอน ทำด้วยเหล็กด้านหน้าเรียบ หงอนด้านบนใช้ถอนตะปู ค้อนเหลี่ยมเล็กใช้ตอกตะปูในการเดินสายไฟ
2. คีม เป็นเครื่องมือที่ใช้ตัด ดัด งอ โค้ง และปลอกสายไฟ ที่มีด้ามเป็นฉนวนหุ้มจะช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานมีความปลอดภัยในการทำงาน
3.ไขควง เป็นเครื่องมือที่ใช้ขันสกรูน็อต เช่นต่อฟิวส์ ใส่สวิตช์ ขันตะปูเกลียวหรือขันสกรูให้แน่น ไขควงมีหลายชนิดตามลักษณะที่ใช้งาน คือ ไขควงปากแบน ไขควงปากสี่แฉก ไขควงบล็อก
4. สว่านเจาะไม้ ใช้ในการเดินสายไฟบ้าน เพราะบางครั้งต้องเจาะรูเพื่อร้อยสายยึดอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น พุกประกับ ลูกถ้วย กล่องไม้ สว่านเจาะไม้มีหลายแบบหลายขนาดเช่นสว่านเฟือง สว่านมือบิดหล่า สว่านไฟฟ้า
5. มีดปลอกสายไฟ ใช้สำหรับปอก ขูด หรือทำความสะอาดสายไฟ
6. เลื่อย เลื่อยที่ใช้สำหรับงานช่างไฟฟ้า คือ เลื่อยรอปากไม้ เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสันด้านบนเป็นเหล็กหนา มีฟันเลื่อยละเอียด ใช้สำหรับตัดปากไม้ ในการเข้าไม้ต่างๆ ให้ประณีตเรียบร้อย
7. หัวแร้งบัดกรี ใช้ในการบัดกรีเพื่อเชื่อมหรือประสาน มี อยู่ 2 ชนิดคือ หัวแร้งชนิดเผาด้วยถ่าน และหัวแร้งไฟฟ้า
8.เครื่องมือวัดไฟฟ้า เช่นมัลติมิเตอร์ ใช้วัดค่าได้หลายอย่าง เช่นวัดแรงดัน วัดกระแส และวัดความต้านทาน
วัสดุอุปกรณ์
สายไฟฟ้า เป็นตัวนำกระแสไฟฟ้าให้ไหลผ่านไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้าจนครบวงจร สายไฟแบ่งออกได้ 2 ชนิด คือ สายเปลือย และสายหุ้มฉนวน
1.สายเปลือย เป็นสายที่ไม่มีฉนวนหุ้มมักจะเป็นสายขนาดใหญ่
2.สายหุ้มฉนวน ที่นิยมใช้กันตามอาคารบ้านเรือน มี 2 ชนิด คือ สายเดี่ยวและสายคู่ฉนวนที่ใช้หุ้มสายทำด้วยวัสดุต่าง ๆ
เข็มขัดรัดสายทำด้วยอะลูมิเนียม มีรูตรงกลาง1-2 รู แล้วแต่ขนาดของเข็มขัดรัดสายซึ่งมีขนาดเบอร์ต่าง ๆ
ตุ้มหรือลูกถ้วย ใช้สำหรับเดินสายนอกอาคาร หรือในโรงฝึกงาน เพื่อยึดสายให้แน่นตุ้มมีหลายขนาดทั้งเล็กและใหญ่ตามขนาดของสายไฟ
กล่องแยกสายไฟ มีลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสหรือสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีทั้งชนิดที่ทำด้วยไม้ โลหะ และพลาสติก กล่องแยกสายใช้สำหรับต่อแยกสายเพื่อนำไฟไปตามจุดต่างๆ และเพื่อความเรียบร้อยปลอดภัย
เทปพันสายไฟ มีลักษณะเป็นม้วนทำด้วยวัสดุหลายอย่าง เช่น ยาง พีวีซีใช้สำหรับพันสายไฟเพื่อป้องกันไฟฟ้าไม่ให้รั่วเพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้
ฟิวส์ เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้า ซึ่งต่อไว้ในวงจรไฟฟ้าเพื่อป้องกันไม่ให้กระแสไฟฟ้าไหลเข้ามาเกินพิกัดของขนาดสายไฟเพราะฟิวส์หลอมละลายตัดทางเดินของกระแสไฟ ก่อนที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุเกี่ยวกับไฟฟ้าขึ้น
คัทเอาต์ เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่ตัดต่อกระแสไฟฟ้าในวงจรการใช้สะพานไฟต้องใช้ควบคู่กับอุปกรณ์อื่น ๆ ด้วย
ปลั๊ก เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ต่อกระแสไฟฟ้าชั่วคราวไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้ามีลักษณะต่างๆ กันโดยแบ่งได้ 2 ชนิด คือ ชนิดเต้าเสียบหรือปลั๊กตัวผู้ และ ชนิดเต้ารับหรือปลั๊กตัวเมีย
สวิตช์ เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ตัดต่อวงจรไฟฟ้าส่วนใหญ่จะใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้าน
หลอดไฟฟ้าชนิดเปล่งแสงจากไส้หลอด
หลอดเปล่งแสงหรือที่เรียกกันทั่วไปว่า หลอดวงเทียน เป็นหลอดไฟฟ้าชนิดแรกที่มนุษย์
หลอดเรืองแสง
หลอดเรืองแสงคือหลอดที่เปล่งแสงออกมาจากการแตกตัวของก๊าซที่บรรจุภายในหลอด ไส้หลอดจะทำหน้าที่เป็นตัวช่วยให้หลอดเริ่มทำงานเท่านั้นหลอดเรืองแสงมีอยู่หลายชนิดแต่ที่นิยมใช้ในอาคารบ้านเรือนคือ หลอดนีออน และหลอดฟลูออเรสเซนต์
1. หลอดนีออน หลอดชนิดนี้ออกแบบมาเพื่อใช้ในงานประดับตกแต่งอาคารสถานที่ งานโฆษณา หรือใช้สำหรับให้สัญญาณมีลักษณะเป็นหลอดแก้วดัดเป็นรูปต่างๆ ภายในจะบรรจุก๊าซไว้เพื่อให้แตกตัวเป็นสีต่างๆ กัน
2. หลอดฟลูออเรสเซนต์ เป็นหลอดไฟฟ้าที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในอาคารบ้านเรือนนิยมใช้กันมากเพราะให้แสงสว่างที่ขาวนวลไม่แสบตาหลอดฟลูออเรสเซนต์มีส่วนประกอบสำคัญดังนี้
หลอด LED
LED คือไดโอดเปล่งแสง ย่อมาจากคำว่า(Light-Emitting Diode) ซึ่งสามารถเปล่งแสงออกมาได้แสงที่เปล่งออกมาประกอบด้วยคลื่นความถี่เดียวและ เฟสต่อเนื่องกัน ซึ่งต่างกับแสงธรรมดาที่ตาคนมองเห็น โดย หลอดLED สามารถเปล่งแสงได้เมื่อจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และประสิทธิภาพในการให้แสงสว่างก็ยังดีกว่าหลอดไฟขนาดเล็กทั่วๆ ไป.
LED โดยทั่วไปมี 2 ชนิดใหญ่ ๆ คือLED ชนิดที่ตาคนเห็นได้ กับชนิดที่ตาคนมองไม่เห็นต้องใช้ทรานซิสเตอร์มาเป็นตัวรับแสงแทนตาคน
ปัจจุบันจากความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ ทำให้เทคโนโลยีของ LED ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วตามไปด้วย. LED ได้ถูกพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในด้านสีของแสงที่เปล่งออกมา ไม่ว่าจะเป็นสีแดง ,สีเขียว ,สีส้ม หรือที่ผลิตได้ท้ายสุด และทำให้วงการแอลอีดีพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วคือสีน้ำเงิน ซึ่งการเกิดขึ้นของแอลอีดีสีน้ำเงินนี้ ทำให้ครบแม่สี 3 สี คือ สีแดง สีเขียว และสีน้ำเงิน และเกิดเป็นจุดเริ่มต้นของจอแอลอีดี และแอลอีดีในงานไฟประดับต่างๆ, ทั้งยังใช้ประโยชน์แพร่หลายมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น ในเครื่องคิดเลข สัญญาณจราจร ไฟท้ายรถยนต์ ป้ายสัญญาณต่างๆ ไฟฉาย ไฟให้สัญญาณของประภาคาร จอภาพยนตร์ขนาดใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้น หน้าจอ LCD ของโทรศัพท์มือถือที่เราใช้กันทั่วไป เกือบทั้งหมดจะให้แสงสว่างด้วย LED
ข้อดีของแอลอีดี
-ประสิทธิภาพในการให้แสงสว่างดีกว่าหลอดไฟธรรมดาทั่วๆไป.
ตัวหลอด LED เองเมื่อทำให้เกิดแสงขึ้นจะกินกระแสน้อยมากประมาณ 1-20mA
-มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ประมาณ 50,000 – 100,000 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับคุณภาพของแอลอีดี วงจรขับกระแส สภาพภูมิอากาศ ความชื้น และอุณหภูมิ ซึ่งก็มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า -หลอดที่ให้แสงสว่างชนิดอื่นๆมาก
-ไม่มีรังสีอินฟาเรต รังสีอัลตราไวโอเรต ซึ่งเป็นอันตรายต่อผิวหนัง และดวงตา
-ทนทานต่อสภาวะอากาศ
-ทนทานต่อการสั่นสะเทือน
-มีหลากหลายสีให้เลือกใช้
-ไม่ปล่อยรังสี UV ซึ่งทำลายดวงตา และผิวพรรณ
-เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น หลอดสามารถถอดเปลี่ยน ซ่อมได้เฉพาะจุด ที่เสียไม่จำเป็นต้องทิ้งทั้งชุดเหมือนหลอดไฟทั่วไป ไม่เพิ่มปริมาณขยะ
-หลอดไฟLED ไม่มีส่วนประกอบด้วยสารปรอท ทำให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
-หลอดLED สามารถเปิดใช้งานได้อย่างรวดเร็ว เปิดแล้วหลอดติดทันที ไม่ต้องรอกระพริบ หรือวอร์มหลอดก่อน
-สีสันจัดจ้าน หลอดLED ให้สีสันจัดจ้านชัดเจนมากกว่าหลอดไส้ ถ่ายรูปออกมาสีสันสดใส
มีความทนทานสูง เพราะหลอด LED เป็นอุปกรณ์ Solid State ซึ่งไม่มีชิ้นส่วนใดที่เคลื่อนไหว ไม่มีส่วนใดที่เป็นกระจก ไม่มีไส้หลอดซึ่งอาจจะขาดได้ง่าย
ข้อเสียของ LED
ราคาของโคมไฟประเภทแอลอีดี(led) ค่อนข้างสูง
1. ไม่ควรให้หลอดไฟถูกกระทบกระเทือนบ่อย
2. หลอดไฟฟ้าที่ไส้หลอดขาด ควรรีบเปลี่ยนหลอดใหม่
3. ถ้าหลอดเรืองแสงแตก ไม่ควรเข้าใกล้
สตาร์ตเตอร์ ทำหน้าที่คล้ายเป็นสวิตช์อัตโนมัติเพื่อเปิดและปิดวงจรของหลอดเมื่อเริ่มต้นทำงาน
บัลลาสต์ ทำหน้าที่แปลงแรงดันไฟฟ้าที่เหมาะสมให้กับหลอด ซึ่งแรงดันไฟฟ้าในตอนเริ่มต้นนี้จะมีค่าสูงมากเพื่อจุดไส้หลอดให้ปลดปล่อยอิเล็กตรอนออกมา
การเดินสายไฟฟ้าและการต่อสายไฟฟ้า
- ความปลอดภัย ต้องรู้จักเลือกใช้สายไฟฟ้าให้ถูกต้องกับชนิดของอุปกรณ์ไฟฟ้า
- ความประหยัด ต้องเผื่อระยะขนาดความยาวให้ถูกต้อง
- ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ต้องเดินสายไฟฟ้าให้เรียบร้อยสวยงาม
- ความเหมาะสม ต้องติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าให้เหมาะสมกับตำแหน่ง และความต้องการของผู้ใช้
วิธีเดินสายไฟฟ้าในบ้านการเดินสายไฟฟ้าภายในบ้านสามารถเดินสายได้ 2 วิธี คือ การเดินสายแบบเปิด และการเดินสายแบบปิด
การเดินสายแบบเปิดหมายถึง การเดินสายไฟฟ้าไปตามผนังหรือเพดาน โดยใช้เข็มขัดรัดสายเป็นตัวยึดสายไฟ วิธีใช้เข็มขัดรัดสายมีวิธีการและข้อระมัดระวังดังนี้
การเดินสายแบบปิด หมายถึง การเดินสายไฟฟ้าแบบซ่อนสายภายในท่อพีวีซี หรือท่อโลหะและฝังอยู่ในคอนกรีต
การต่อสายไฟฟ้าในลักษณะต่าง ๆ
ก่อนการต่อสายไฟฟ้าควรจะปลอกสายไฟฟ้าให้เรียบร้อยโดยใช้คีมหรือมีดปลอกสายให้รอยปลอกมีลักษณะเหมือนการเหลาดินสอ
การต่อสายแบบพันเกลียว มี 2 ลักษณะคือ
- การต่อสายพันเกลียวชนิดสายเดี่ยว ควรใช้สายชนิดเดียวกันใช้ต่อความยาวสายให้เพิ่มขึ้นเมื่อสายยาวไม่พอ
- การต่อสายไฟแบบหางเปีย การต่อสายไฟแบบหางเปียนิยมใช้ในกล่องต่อสายหากเดินสายในท่อเมื่อต่อแล้วใช้ไวร์นัตสวมไม่ใช้เทปพันรอยต่อ
- การต่อแยก สามารถต่อได้ทั้งสายเดี่ยวและสายคู่ เพื่อติดตั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่มเติมหรือต้องการนำกระแสไฟฟ้าไปใช้ชั่วคราว
การต่อฟิวส์เส้นลวด มีขั้นตอนในการต่อดังนี้
- ยกคัตเอาต์ขึ้นเพื่อตัดกระแสไฟ
- คลายสกรูเอาเส้นฟิวส์ที่ขาดออก
- ตัดลวดฟิวส์ขนาดตามต้องการที่จะใช้ดัดปลายทั้งสองข้างให้งอเป็นรูปตัว s สำหรับเกี่ยวกับสกรู
- เกี่ยวปลายฟิวส์ทั้งสองข้างเข้ากับสกรูใช้ไขควงขันฟิวส์ให้แน่นพอประมาณ
สัญญาณอันตราย ในการเดินสายไฟฟ้าภายในบ้านถ้าต่อสายไฟไม่แน่นหรือใช้สายไฟฟ้าผิดขนาดอาจจะเกิดการชำรุดหรือรั่วได้ ในกรณีที่สายรั่ว หรือต่อไม่แน่นมักจะเกิดไฟช็อตเป็นครั้งคราวจะทำให้หลอดไฟฟ้าในบ้านกะพริบและฟิวส์ขาดบ่อยๆ ถ้าไม่แก้ไขข้อบกพร่องอาจเกิดไฟไหม้ได้
ข้อควรระวังเกี่ยวกับปลั๊กไฟฟ้า
- อย่าจับสายไฟที่ปลั๊กตัวผู้ดึงเมื่อต้องการถอดปลั๊ก เพราะจะทำให้สายไฟหลุด
- เวลาต่อสายในปลั๊ก ต้องตรวจสอบให้ดีอย่าให้สายสัมผัสกันเป็นอันขาด
- ขันสกรูให้แน่น ป้องกันสายหลุด
ระบบประปาในอาคารบ้านเรือน เป็นสิ่งจำเป้นอย่างยิ่งสำหรับชีวิตประจำวัน มีผลต่อสุขภาพและอนามัยของผู้อาศัย งานประปาจึงมีความสำคัญ เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการวัด การตัดต่อท่อข้อต่อ ตลอดจนอุปกรณ์ที่ใช้ในระบบประปา ช่างประปาจึงต้องมีความเข้าใจในการออกแบบ วิธีการต่อท่อ มีความสามารถในการซ่อมแซม และแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในระบบประปา น้ำประปาเมื่อใช้ซักผ้าล้างสิ่งสกปรกต่างๆ แล้วระบบการระบายน้ำโสโครก
เครื่องมืองานช่างประปา
เครื่องมืองานช่างประปามีหลายประเภท แต่ที่สำคัญและจำเป็นต้องใช้ในงานประปาในบ้าน มีดังนี้
ตลับเมตร เป็นเครื่องมือวัดที่นิยมใช้ในงานช่างทุกสาขาสายวัดทำด้วยโลหะแผ่นบาง จึงสามารถวัดได้ทั้งในแนวที่เป็นเส้นตรงหรือโค้ง มีมาตราวัดทั้งนิ้วและเซนติเมตร เวลาใช้ก็ดึงสายวัดออกมา เมื่อเลิกใช้ก็เก็บสายวัดเข้าตลับ
ฉากเหล็ก ทำด้วยโลหะมีหลายขนาดใช้สำหรับวางฉาก เพื่อตัดท่อหรือตัดไม้เดินท่องานท่อประปานิยมใช้ขนาด 24 นิ้ว
เลื่อยตัดเหล็ก เป็นเครื่องมือที่นิยมใช้สำหรับตัดท่อเหล็ก เพราะมีน้ำหนักเบาส่านประกอบที่สำคัญคือใบเลื่อย ซึ้งทำด้วยเหล็กกล้าฟันของเลื่อยแบบนี้อยู่ระหว่าง 18-32 ฟันต่อนิ้วฟันหยาบใช้ตัดท่อหนาๆ ฟันละเอียดใช้ตัดท่อบางโครงเลื่อยมีทั้งชนิดปรับได้และปรับไม่ได้ ใบเลื่อยที่นิยมใช้กันมีขนาด 8-12 นิ้ว ปรับแต่งใบเลื่อยใบเลื่อยให้ตั้งได้ตรึงด้วยนอตหางปลา
ประแจจับท่อ เป็นเครื่องมือสำหรับจับหมุนท่อ ในกรณีที่ต้องการท่อเข้ากับข้อต่อท่อหรือถอดท่อออกจากข้อต่อท่อมีหลายแบบ ขนาดที่นิยมใช้กับงานประปาในบ้าน ได้แก่ขนาด 24 นิ้ว
ตะไบท้องปลิง และตะใบกลม หรือมีดพับสำหรับคว้านหรือขัดถูปลายด้านในของท่อเพื่อขจัดรอยเยินที่เกิดจากการตัดด้วยล้อตัดหรือใบเลื่อย
คีมล็อก ใช้สำหรับจับท่อในกรณีที่ต้องการบานปลายท่อ หรือใส่ข้อต่อเข้ากับปลายท่อที่บาน
เครื่องมือสุขภัณฑ์
เครื่องมือที่ใช้ในงานติดตั้งซ่อมแซมสุขภัณฑ์ ที่ใช้กันมีดังนี้
ประแจ ประแจที่ใช้ในงานสุขภัณฑ์จะมีลักษณะพิเศษ เพื่อใช้ในงานต่างๆ เช่น ขันท่อเข้ากับก๊อกน้ำ หรือยึดอ่างน้ำเข้ากับพื้นตู้หรือผนัง เป็นต้น
ถ้วยยางอัดลม เป็นเครื่องมือที่ใช้กันอย่างกว้างขวาง นิยมเรียกกันโดยทั่วไปว่า เพื่อนช่างประปา สำหรับขจัดสิ่งอุดตันในช่องระบายน้ำอ่างล้างมือ หรือคอห่านของโถส้วม
สว่านไชคอห่าน ใช้ในกรณีที่ท่อส่วนที่เลยคอห่านเกิดอุดตันไม่สามารถจะทำความสะอาดด้วยเครื่องมือชนิดอื่นๆ ได้ สว่านไชคอห่านจะมีลักษณะเป็นขดลวดสปริงยาว มีขอเกี่ยวที่ปลายสามารถไชลงไปในคอห่านได้โดยตลาด เมื่อไชลงไปในคอห่านแล้ว จับด้ามหมุน ขอจะเกี่ยวและพันสิ่งอุดตันค่อยๆ ดึงสว่านออกช้าๆ สิ่งอุดตันก็จะติดออกมาจากคอห่านหรือช่องระบายของโถส้วม
ไขควงขันสกรูยึดอ่างน้ำ เป็นไขควงที่มีลักษณะเฉพาะเวลาใช้ดึงด้ามลงให้ปากไขควงอ้าออกเพื่อขันสกรูยึดอ่างน้ำให้แน่น
นอกจากเครื่องมือดังกล่าวแล้ว ยังมีเครื่องมืองานท่อและสุขภัณฑ์ที่ใช้กันทั่วไปอีกมากมาย เช่น ตะไบ ประแจปากตาย ประแจแหวน ประแจกระบอก ไขควง คีมล็อก คีมปากขยาย เลื่อยหางหนู สว่านมือ สว่านไฟฟ้า จอบ พลั่ว ค้อนพะเนิน และบันได เป็นต้น
วัสดุและอุปกรณ์งานประปา
งานประปามีวัสดุและอุปกรณ์มากมายหลายอย่าง สำหรับงานช่างในบ้านมีวัสดุและอุปกรณ์ที่ควรจะศึกษาทำความรู้จัก ดังนี้
ท่อประปา เป็นอุปกรณ์สำหรับนำน้ำจากแหล่งน้ำไปยังจุดต่างๆ ตามที่ต้องการใช้ หรือนำน้ำโสโครกออกไปจากบ้านเรือนเพื่อกำจัดต่อไป ท่อประปาแบ่งออกได้เป็น ๒ ชนิดคือ ท่อพลาสติกและท่อโลหะ
- ท่อพลาสติก หรือ ท่อพีวีซี ( PVC) เป็นวัสดุสังเคราะห์ที่นิยมใช้กันมากในงานประปาเพราะราคาถูก ติดตั้งง่าย มีนำหนักเบา ผิวท่อมีความลื่นดี ทำให้น้ำหรือสิ่งโครกภายในท่อไหลได้สะดวก การต่อท่อใช้ข้อต่อและน้ำยาประสานเป็นตัวเชื่อม วิธีการต่อใช้แบบสวมหรือแบบเกลียวก็ได้ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ข้อต่อ
- ท่อโลหะ ทำด้วยเหล็กเคลือบด้วยดีบุกผสมสังกะสี สามารถทนแรงกระแทกได้ดี แข็งแรงทนทาน ในการติดตั้งต้องใช้ข้อต่อชนิดเกลียวและเทปพันเกลียวช่วยป้องกันการรั่วบริเวณรอยต่อ
ข้อต่อ เป็นส่วนประกอบที่ใช้ในการต่อท่อมีขนาดต่างๆ กันใช้ในการเปลี่ยนทิศทางของน้ำประปาหรือน้ำโสโครก หรือใช้อุดปลายท่อเมื่อทางเดินท่อสิ้นสุดลงข้อต่อมีทั้งชนิดที่ทำด้วยพลาสติกและโลหะ
ลิ้น (วาล์ว) เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่ง สำหรับปิดกั้นหรือควบคุมการไหลของน้ำหรือแก๊สที่ไหลผ่านท่อได้ตามต้องการ ลิ้นทำด้วยบรอนซ์หรือเหล็กหล่อ ลิ้นมีหลายชนิด เช่น ลิ้นแบบเกตวาล์ว นิยมเรียกกันว่า ประตูน้ำ
มาตรน้ำ เป็นอุปกรณ์สำหรับวัดปริมาณขิงน้ำที่ไหลผ่าน อาจวัดเป็นแกลลอน ลูกบาศก์ฟุต หรือลูกบาศก์เมตร โดยอ่างค่าที่หน้าปัดของมาตรวัดใช้ติดตั้งเข้ากับท่อเมนที่จ่ายน้ำเข้าสู้อาคารบ้านเรือนปัจจุบันมีมาตรวัดน้ำอยู่ ๓ แบบ แต่ที่นิยมใช้ติดตั้งตามอาคารบ้านเรือนที่อยู่อาศัยเป็นแบบดิสค์
ก๊อกน้ำ เป็นอุปกรณีที่ติดตั้งอยู่ตอนปลายสุดของท่อประปา สำหรับควบคุมการเปิดปิดการไหลของน้ำ ทำจากทองเหลือง หรือบรอนซ์ ชุบนิกเกิลหรือโครเมียม
เครื่องสุขภัณฑ์
เครื่องสุขภัณฑ์มีหลายชนิด แต่ละชนิดก็มีวัดดุประสงค์ในการใช้สอยต่างๆ กัน เช่น โถส้วม โถปัสสาวะ อ่างล้างหน้า อ่างล้างจาน เป็นต้น
โถส้วม เป็นเครื่องสุขภัณฑ์ที่มีความจำเป็นต่อชีวิตประจำวันของมนุษย์ เพราะเป็น
สุขภัณฑ์ที่รองรับสิ่งปฏิกูลที่ขับถ่ายของมนุษย์ หากโถส้วมออกแบบไม่ถูกต้องตามหลักสุขาภิบาล หรือเกิดชำรุดเสียก็จะทำให้มีกลิ่นที่น่ารังเกียจ โถส้วมจึงควรได้รับการบำรุงรักษาให้อยู่ในสภาพดีตลอดเวลา หากมีปัญหาต้องรีบแก้ไขรีบด่วน โถส้วมที่นิยมใช้กันมี 2 ชนิด คือ โถส้วมชนิดนั่งยอง และโถส้วมชนิดนั่งสูง หรือโถส้วมชักโครก
โถปัสสาวะ เป็นเครื่องสุขภัณฑ์ชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญ เนื่องจากเป็นสุขภัณฑ์ที่ใช้
สำหรับรับรองปัสสาวะที่ขับถ่ายออกจากร่างกายของมนุษย์ โถปัสสาวะโดยทั่วไปทำด้วยกระเบื้องเคลือบ หรือเหล็กไร้สนิม โถปัสสาวะแบ่งตามลักษณะการใช้งานและการติดตั้ง มี 3 แบบ คือ โถปัสสาวะแบบยืน แบบติดตั้ง และแบบราง
อ่างล้างหน้า จะพบเห็นทั่วไปในห้องน้ำหรือห้องพักผ่อน เป็นสุขภัณฑ์ที่ต้องการท่อ
ระบายสิ่งโสโครกขนาด 1 ¼ นิ้ว มีขนาดรูปร่างและสีสันแตกต่างกัน ทำจากกระเบื้องเคลือบ เหล็กไร้สนิม และพลาสติก อ่างล้างหน้าที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน มี 2 ชนิด คืออ่างล้างหน้าชนิดติดผนังและชนิดฝัง
อ่างล้างจาน และสิ่งของสำหรับใช้เตรียมอาหาร เป็นอ่างแบบตื้นๆ พื้นก้นอ่างแบนเรียบ
อ่างชนิดนี้ต้องการท่อระบายน้ำทิ้ง มีทั้งแบบเดี๋ยว และแบบแฝด ส่วนมากจะเป็นแบบติดอ่างกับพื้นชั้นบนของตู้ หรือแบบติดผนัง ตัวอ่างทำจากเหล็กไร้สนิม
หลักการต่อท่อ
๑) สำรวจทางเดินท่อและเขียนบันทึกไว้อย่างละเอียด
๒) พยายามใช้ท่อให้น้อยที่สุด และสะดวกในการใช้มากที่สุด
๓) หลีกเลี่ยงการใช้ข้อและสามทางเพราะจะทำให้แรดันน้ำลดลง
๔) การขัดข้อต่อต่างๆไม่ควรขัดแน่นเกินควร
๕) การต่อท่อพีวีซี ควรเช็ดทำความสะอาดและทิ้งไว้ให้แห้ง ก่อนทาน้ำยาประสาน
๖) เลือกใช้ท่อให้เหมาะสมกับสภาพบริเวร เช่น ที่เปียกชื้น เดินฝังดินควรใช้ท่อพีวีซี
๗) หากท่อเมนประปาอยู่ไกล ควรใช้ท่อขนาดกลาง เช่น ท่อเมนย่อย เส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว ท่อใช้งานภายในบ้านควรมีเส้นผ่าศูนย์กลาง ½ นิ้ว เป็นต้น
ประเภทของปูนซีเมนต์
1. ปูนซีเมนต์เทา ( Grey Cement )
2. ปูนซีเมนต์ขาว ( White Cement )
3. ปูนสำเร็จรูป ( Dry Mortar )
ปูนซีเมนต์เทา ( Grey Cement ) ได้แก่
- ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภท 1 – 5
- ปูนซีเมนต์ผสม
ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภท 1 – 5
ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภท 1 หรือปูนปอร์ตแลนด์ธรรมดา เหมาะสำหรับงานโครงสร้างทั่วไป เช่น คาน เสา ถนน เขื่อน สะพาน และ ผลิตภัณฑ์คอนกรีต เช่น บล็อกผนัง บล็อกปูถนน กระเบื้องซีเมนต์ เป็นต้น ที่มีจำหน่ายในท้องตลาดได้แก่ ปูนตราช้าง ปูนตราเพชร เป็นต้น
ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภท 2 หรือปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ดัดแปลง เหมาะกับงานคอนกรีต หรือผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่เกิดความร้อน และทนซัลเฟตได้ปานกลาง เช่น เขื่อนคอนกรีต (ขนาดเล็ก ขนาดกลาง) กำแพงกันดิน ท่อคอนกรีตขนาดใหญ่ ตอม่อสะพาน เป็นต้น ปูนประเภทนี้ให้กำลังได้ช้ากว่าประเภทที่ 1 ที่มีจำหน่ายในท้องตลาดได้แก่ ปูนซีเมนต์ตราพญานาคเจ็ดเศียร
ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภท 3 หรือปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนเกิดกำลังอัดสูงเร็ว เหมาะกับงานก่อสร้าง หรือผลิตภัณฑ์ ที่ต้องการกำลังอัดสูงเร็วสามารถถอดแบบได้เร็ว แต่ไม่เหมาะกับงานโครงสร้างคอนกรีตขนาดใหญ่ เพราะความร้อนที่เกิดจากปฏิกิริยาไฮเดชั่นจะสูงมากในช่วงต้น ซึ่งอาวทำให้เกิดการแตกร้าวได้ ที่มีจำหน่ายในท้องตลาดได้แก่ ปูนตราสามเพชร ปูน TPIดำ ปูนเอกซีเมนต์แดง ปูนเอราวัณ เป็นต้น
ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภท 4 หรือปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนประเภทเกิดความร้อนต่ำ เป็นปูนซีเมนต์ที่ให้ความร้อนต่ำสุด แต่อัตราการเกิดกำลังคอนกรีตเป็นไปอย่างช้า ๆ เหมาะกับงานคอนกรีตหลา ( คอนกรีตที่มีปริมาณมาก ๆ ) เช่น การสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ ปัจจุบัน ไม่มีผลิตในประเทศไทย ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภท 5 หรือปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนทนซัลเฟตสูง ปูนประเภทนี้ ให้กำลังอัดช้า และความร้อนต่ำกว่าประเภทที่ 1 แต่จะทนการกัดกร่อนของซัลเฟตได้สูงกว่า เหมาะกับงานฐานรากหรืองานที่สัมผัสกับซัลเฟต เช่น โครงสร้างที่อยู่ไกล้ทะเล แม่น้ำลำคลอง น้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม หรือ น้ำไต้ดิน เป็นต้น ที่มีจำหน่ายในท้องตลาดได้แก่ ปูนตราช้าง พื้นสีฟ้า ปูน TPIฟ้า ปูนตราปลาฉลาม เป็นต้น
ปูนซีเมนต์ผสม คือปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนประเภทที่1 ที่ผสมวัสดุเฉื่อยอื่นลงไป เช่น ทราย หรือหินปูน ปูนชินนี้ ให้กำลังอัดได้ช้ากว่าปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ และมีราคาถูกกว่า เหมาะกับงานก่ออิฐ ฉาบปูน เนื่องจากมีความลื่น ยืดหดตัวน้อย ที่มีจำหน่ายในท้องตลาดได้แก่ ปูนตราเสือ ปูนตรานกอินทรี ปูน TPIขอบเขียว ปูนตราดอกบัว ปูนตรางูเห่า เป็นต้น
ปูนซีเมนต์ขาว ( White Cement ) มี 2 ชนิด ได้แก่
ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภท 1 สีขาว หรือปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ขาว เหมาะกับงานตกแต่งอาคาร ที่ต้องการความสวยงามควบคู่กับความแข็งแรง เช่น ห้องน้ำ สระว่ายน้ำ หินขัด หินล้าง เป็นต้น ที่มีจำหน่ายในท้องตลาดเช่น ปูนซีเมนต์ตราช้างเผือก เป็นต้น
ปูนซีเมนต์ผสมสีขาว ( White Mixed Cement ) เป็นปูนซีเมนต์ขาวที่มีส่วนผสมของวัสดุอื่น เข่น ทราย หรือ หินปูนบดละเอียด เหมาะสำหรับงานตกแต่ง และยาแนวกระเบื้อง เพราะมีคุณสมบัติเหนียว นุ่ม ยึดเกาะได้ดี การหดตัวน้อย ที่มีจำหน่ายในท้องตลาดได้แก่ ปูนซีเมนต์ขาวตราเสือ
ปูนสำเร็จรูป ( Dry Mortar ) คือปูนซีเมนต์ที่มีส่วนผสมของวัสดุเฉื่อยอื่น เช่น ทราย ในอัตราส่วนที่พอดี สามารถนำไปผสมกับน้ำตามสัดส่วนที่กำหนดแล้วใช้งานได้เลย ปูนชนิดนี้มีหลายประเภท ได้แก่ ปูนก่อ ปูนฉาบ ปูนเทปรับพื้น ปูนซ่อมเอนกประสงค์ เป็นต้น ที่มีจำหน่ายในท้องตลาด เช่น ปูนตราเสือคู่ ปูนตราเรด้าร์ เป็นต้น
หมายเหตุ ข้อแตกต่างในการใช้งานระหว่างปูนซีเมนต์ผสม กับปูนสำเร็จรูป คือ ปูนซีเมนต์ผสมจะต้องผสมกับทราย หรือหิน และน้ำก่อนใช้งาน แต่ปูนสำเร็จรูป สามารถนำไปผสมกับน้ำแล้วใช้งานได้เลย
การผสมปูน การนำปูนซีเมนต์ไปใช้งาน จะต้องนำไปผสมกับสารอื่น ในสัดส่วนที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับลักษณะของการใช้งาน วัสดุที่นำมาผสมกับปูนซีเมนต์ได้แก่ น้ำ ทราย หิน เป็นต้น
- ปูนซีเมนต์ + น้ำ = ซีเมนต์เพรส
- ปูนซีเมนต์ + น้ำ + ทราย = มอร์ต้าร์
- ปูนซีเมนต์ + น้ำ + ทราย + หิน = คอนกรีต
สัดส่วนในการผสม จะขึ้นอยู่กับลักษณะของการใช้งาน เช่น ถ้าผสมน้ำมาก จะช่วยให้ได้คอนกรีตที่ลื่น ทำงานง่าย แต่กำลัง (Strangth ) จะลดลง โดยทั่วไปสัดส่วนในการผสมคอนกรีต มี 2 ลักษณะ คือ สัดส่วนโดยน้ำหนัก และสัดส่วนโดยปริมาตร
- การผสมคอนกรีต สำหรับ คาน เสา จะใช้สัดส่วน 1/2/4 ( ปูนซีเมนต์ / ทราย / หิน ) แล้วจะเพิ่มหรือลดปริมาณน้ำให้ได้ค่าตาม Strangth ที่ต้องการ โดยทั่วไปจะใช้น้ำ 30 ลิตร / ปูน 1 ถุง
- การผสมคอนกรีต สำหรับ เทพื้น จะใช้สัดส่วน 1/3/5
- ส่วนผสมของปูนฉาบที่ดี ปูน 1 ส่วน / ปูนขาว 2 ส่วน / ทราย 6 ส่วน
ในงานช่างอุตสาหกรรม สีมี 2 กลุ่ม คือ
1. สีน้ำ ประกอบด้วย สีน้ำสำหรับทาภายในอาคาร และสีน้ำสำหรับทาภายนอกอาคารสีน้ำ ใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย
2. สีน้ำมัน มี 2 ประเภท คือ
- สีแห้งช้า
- สีแห้งเร็ว
1. ใช้น้ำมันสนเป็นตัวทำละลาย แต่ก็สามารถใช้ทินเนอร์ได้
2. เวลาในการแห้งสัมผัสได้ 2-8 ชั่วโมง
3. เวลาในการสนิท 29 วัน
4. แห้งจากภายนอกเข้าไปข้างใน
5. เป็นเงาโดยไม่ต้องขัด
6. ปฏิบัติงานโดยการทา
1. ใช้ทินเนอร์เป็นตัวทำละลาย ไม่สามารถใช้น้ำมันสนได้
2. เวลาในการแห้งสัมผัสได้ 10-15 นาที
3. เวลาในการสนิท 8-12 ชั่วโมง
4. แห้งจากภายในออกมาข้างนอก
5. ต้องขัดเงา
6. ปฏิบัติงานโดยการพ่น
1. เนื้อสี มีลักษณะคล้ายผงแป้ง ทำให้เห็นเป็นสีต่าง ๆ
2. กาว มีลักษณะเป็นยางใส ทำหน้าที่ยึดระหว่างเนื้อสีกับชิ้นงาน ช่วยให้เนื้อสีเกาะยึดกัน
3. ตัวทำละลาย ช่วยให้สีมีความข้น เหนียวเหมาะแก่การใช้งาน เมื่อพ่น หรือทาแล้ว ตัวทำละลายจะละเหยออกไป