โคลงกลอนอ่านดวงชาตา

... โคลงกลอนทายความหมายของดวงดาวฉบับพิเศษท่านกล่าวไว้ว่า ...

ทายสถานเฟื่องฟุ้ง อาทิตย์

จันทร์ทายรูปจริต จัดแจ้ง

ทายหาญมหันตพิศ ภุมเมศ

ทายพุธอ่อนหวานแกล้ง กล่าวไว้จงเห็น

ปัญญายงยิ่งแท้ พฤหัสบดี

ทายกลกามประวัติ ศุกร์ไซร้

ทายโทษโทมนัส เสาร์เล่า แลนา

ทายมืดมัวเมาให้ ทักแท้ราหู

... ตำราท่านเขียนเป็นโคลงกลอนการอ่านดวงชาตาไว้ดังนี้ ...

จะกล่าวถึงหลักวิชาการ วิธีอ่านดวงชาตาในราศี

จะดีร้ายยากจนคนชั่วดี ทั้งมั่งมีจนยากลำบากกาย

อุปนิสัยใจคอและเรือนร่าง ตามราศีต่างๆ มีความหมาย

ลัคนาอยู่ภพใดให้ควรทาย ถึงรูปกายเน้นนิสัยในเรือนตน

ถ้าอยู่ราศีธาตุไฟมักใจร้อน ร่างก็ค่อนข้างเกร็งแก่ไม่แปรผัน

ผิวก็คล้ำดำแดงเพราะแสงตะวัน ดวงตานั้นติดจะคมผมหยิกลอน

ถ้าอยู่ราศีธาตุน้ำท่านกำหนด ร่างหมดจดขาวแดงไม่หลอกหลอน

ร่างจะสูงอ้วนพีมีแง่งอน ชอบสัญจรคบสู่หมู่สังคม

ถ้าธาตุดินสีดินเป็นสีผิว ร่างสูงลิ่วหน้าเหลี่ยมไม่เหมาะสม

แต่หนักแน่นอดทนคนนิยม แต่สังคมมักห่างต่างออกไป

มีมานะพากเพียรเรียนรู้คิด เฝ้าพินิจช่องทางต่างแก้ไข

มักอยู่ที่ไม่มีคนไปอยู่ไกล ชอบนาไร่เกษตรกรรมเป็นสำคัญ

ถ้าธาตุลมผสมกันหลายสี ดำมีขาวก็มีดูน่าขัน

บ้างสูงบ้างต่ำเหลื่อมล้ำกัน จิตใจนั้นเรรวนปั่นป่วนไป

เดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็ร้ายทายใจยาก บ้างพูดมากบ้างพูดน้อยบ้างสงสัย

ไม่ชอบอยู่กับที่มีทางใด ที่จะไปก็รีบไปไม่รีรอ

ทายรูปร่างต่างนิสัยใจคอนั้น ควรแบ่งปันแม่ธาตุฉลาดหนอ

กลางธาตุและปลายธาตุชาติเหล่ากอ ก็จะพอมองเห็นสังเกตุกัน

จะดูการเงินการทองและของใช้ เรือนที่สองจุดหมายอย่าเหหัน

กฎุมภะคือข้าวของสารพัน มากน้อยนั้นให้สังเกตุเกษตรเรือน

ถ้าอยู่เรือนสองเรือนสี่และสิบเอ็ด ความสำเร็จมั่งมีใครจะเหมือน

เรือนที่หกแปดถึงสิบสองขอเตือน ลาภจะเลือนเงินหายากลำบากกาย

จะทุกข์เข็ญเป็นหนี้เรื่องเงินทอง ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงก็หนีหาย

ยิ่งสถิตร่วมกาลกิณีมีแต่วาย เป็นหนี้สินมากล้นไม่พ้นตัว

ภพที่สามนามว่าสหัชชะฤา ความหมายคือพี่น้องร่วมท้องตัว

การศึกษามิตรสหายเฉพาะตัว จะดีชั่วอย่างไรดูให้ดี

ถ้าเป็นเกษตรมีอุจจ์สุดวิเศษ ลาภะเขตก็จะเสริมให้สุขี

มีเพื่อนฝูงญาติกาพาให้ดี มักจะมีเพื่อนแท้แน่แก่ใจ

ถ้าอยู่อริมรณะและวินาสน์ ห้ามเด็ดขาดคบเพื่อนพาฉิบหาย

หากสหัชชะอยู่ปัตนินั้นอภิปราย จะดีร้ายน่ากลัวเรื่องผัวเมีย

จะได้ญาติร่วมชู้เป็นคู่ชิด หรือได้มิตรร่วมใจพาให้เสีย

จะยุ่งใจแก่ญาติหรือเพื่อนเมีย ทำให้เสียชื่อเสียงเพียงนั้นเอง

ถ้าจะดูหลักฐานบ้านที่อยู่ พันธุดูเรือนเฉพาะก็เหมาะเหม็ง

ทั้งเรือกสวนนาไร่ของเราเอง ไม่ต้องเกรงทายผิดคิดแชเชือน

ถ้าภพสี่นี้เป็นมหาอุจจ์ หรือเกษตรบริสุทธิ์ใครจะเหมือน

ทั้งสมบัติพัสถานและบ้านเรือน มากมายเกลื่อนทั่วไปให้จดจำ

อันภพนี้ความหมายถึงแม่ด้วย เหมือนจะช่วยชูชุบอุปถัมถ์

แม่เป็นหลักเกื้อกูลเฝ้าหนุนนำ ทั้งเงื่อนงำสารพัดไม่ขัดสน

ถ้าเรื่องลูกเต้าที่เราให้กำเนิด ภพปุตตะทายเถิดท่านเฉลยไว้

จะดีชั่วอย่างไรจะได้เคย อภิเปรยอภิปรายหลายๆนัย

ให้ดูดาวประจำเป็นกำหนด ที่ปรากฏเกณฑ์บังคับอย่าสงสัย

บุตรจะศรีชาติอาจอำไพ ที่จะได้สืบวงษ์เผ่าพงษ์พันธ์

เป็นเกษตรเป็นอุจจ์หรือมหาจักร เป็นที่รักวงษ์วานสมานฉันท์

จะกตัญญูรู้คุณเกื้อกูลกัน พ่อแม่นั้นได้พึ่งพาคราแก่ลง

ดูศัตรูคู่อาฆาตที่มาดร้าย จงเพ่งหมายภพอริดังประสงค์

ดูคนใช้ชายหญิงยิ่งบอกตรง จะมั่นคงถาวรหรือคลอนแคลน

จงพินิจพิจารณาหาภพนี้ ถ้าที่เรือนลัคน์ก็เหลือแสน

เหล่าศัตรูหมู่มิตรคิดดูแคลน พัวพันดินแดนถูกทำลาย

จะมีอุปสรรคแก่หลักฐาน ทั้งการงานการเงินมักสูญหาย

ถ้าอยู่ภพปัตนิท่านอภิปราย เกิดมาร้ายพัวพันเรื่องผัวเมีย

จะทะเลาะวิวาทมีบาดหมาง แต่ละอย่างมีเรื่องพาให้เสีย

ทั้งโรคภัยพันผูกกับลูกเมีย มีแต่เสียเงื่อนงำอยู่ร่ำไป

ถ้าจะดูคู่ครองหวังปองนั้น จงหมายมั่นปัตนิอย่าสงสัย

ถ้ามีเกษตรเลิศอำไพ ก็จะได้คู่ครองเป็นคนดี

จะได้เกื้อกูลพูลลาภยศ เกียรติปรากฏความรักสมศักดิ์ศรี

ถ้าอยู่ภพลาภะก็ยิ่งดี ท่านจะมีคู่หมั้นหมายอยู่หลายคน

ถ้าคู่ครองเรือนอยู่พันธุ ก็จะลุญาติกันนั้นเป็นผล

จากผู้ใหญ่ใกล้ชิดสนิทตน ที่เป็นคนชักพาหาให้เอง

พันธุปัตนิมีเป็นอุจจ์ หรือเกษตรบริสุทธิ์ก็เหมาะเหม็ง

เรือจะล่มในหนองครองกันเอง ไม่ต้องเกรงคฤหานินทากัน

พันธุคู่ครองต้องรักผัว ไม่ต้องกลัวหลักทรัพย์จะแปรผัน

จะได้มรดกตกทอดมาถึงกัน ที่เมียจัดสรรให้ได้ครอบครอง

ปัตนิชายคู่ครองต้องกุมลัคน์ ฝ่ายหญิงมักมาสู่ภิรมย์สอง

มาอยู่บ้านฝ่ายชายที่หมายปอง เข้าทำนองจากบ้านตามผัวมา

แม้ลัคน์ชายหมายชัดปัตนิ ชายจะริจากบ้านหมั่นมาหา

มาอยู่เหย้าเข้าอาศัยบ้านภรรยา ตามโบราณท่านว่าควรจดจำ

ภพปัตนินี่ซิพันธุแม่ ทั้งยายย่าก็แน่อย่าถลำ

จงศึกษาหาข้อที่ควรจำ เพื่อเป็นคำประกอบการทำนาย

...ในตำราจักรทีปนีเก่าแก่ดั้งเดิม ท่านเขียนเป็นโคลงกลอนเกี่ยวกับดาวพระเคราะห์ต่างๆไว้ดังนี้ ...

ศรีสิทธิการี ยะสวัสดิไชยา

นมัตถุตำรา ประพฤติพจน์กล่าวกลอน

แถลงปางนพเคราะห์ สุรเทพโคจร

ในจักรากร ทิวทัศราศี

โดยอานุภาพผยอง จรท่องวิถีสี

พักร์เสริดและมณฑ์มี วิสมะห้าประการกล

ปางนี้แสดงโดย อัฎฐเคราะห์สเด็จดล

ห่อนเป็นจราจล วิปริตสุขภาพภัย

ปางองค์อาทิตย์เทพ สถิตย์ที่สถานใด

ราศีละเดือนไถง ก็ละล่าราศีจร

ฝ่ายจันทร์ประจำจักษ์ ทะวิวันระวีวร

กับกึ่งทิวากร บ่มินานก็ล่าลง

อังคารสถิตย์จักร์ จรโดยวะเวียนวง

เดือนครึ่งก็จำนง สละจักราคลา

พุธศุกร์ทั้งสองแสดง ดุจดังพระสุริยา

ราศีละมาสา ก็ละเลื่อนจักร์จรัล

พฤหัสบดี วรรษหนึ่งเล่าก็ล่าลี

เสาร์สู่สถานจักร์ อนึ่งนั้นคณามี

สองขวบกับกึ่งปี ก็สลัดราศีดล

ราหูสุรินทร์ฤท- ธิสถิตย์พลังตน

ปีกึ่งก็เกิดกล คติย้อนราศีไป

ปางทวยวราเทพฯ พระเคราะห์อัฎฐพิศัย

เสด็จโดยวิธีใด ปะทะทับและทันกัน

เมื่อมิตรก็แช่มชื่น บ่มีโทษแถลงทัณฑ์

ปางเป็นศัตรูสรร- พอุบาทว์วิบัติเข็ญ

โหราศาสตร์ก็พึงพิศ กระจ่างจิตวิจารณ์เห็น

แห่งพวกพระเคราะห์เป็น แลมิตรหมู่อริมา

ตกทับพระเคราะห์ใด สุขทุกข์จะบีฑา

คุณโทษฤอาญา ก็ตามฉบับรรพ์

... โคลงกลอนในโหราศาสตร์ เป็นเรื่องราวจากตำราโบราณต่างๆ บ้างก็เป็นโคลงกลอนของบรมครูโหรรุ่นเก่าแก่ ได้รจนาขึ้นมาเพื่อที่นักโหราศาสตร์จะได้เข้าใจและจดจำเรื่องราวของดวงดาวในตำแหน่งต่างๆ มุมมอง ในหลายๆจุด มีสาระและเป็นประโยชน์ต่อการพยากรณ์อย่างมหาศาล ...

... ซึ่งผมได้พยายามจัดหาและรวบรวมมาให้ เพื่อนักศึกษาโหราศาสตร์ทุกท่านจะได้เรียนรู้และศึกษากันนะ ครับ ...

... สวัสดีครับ ...

... อ.ธนเทพ ปฏิพิมพาคม ...