เรื่องของโลกอีก ๑๐๐ ปีข้างหน้า
...เรื่องของโลกอีก ๑๐๐ ปีข้างหน้า...
...สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ...
... อีก ๑๐๐ ปีข้างหน้า น้ำจะท่วมโลก ... อาหารจะขาดแคลน ... ผู้คนจะอดอยาก ... และจะเป็นมะเร็งผิวหนัง ... กันมากขึ้น ...โดยเฉพาะประเทศไทยจะจมอยู่ใต้น้ำทะเล ... นี่ไม่ใช่เป็นการทำนายของหมอดูหรือผู้วิเศษ ...
แต่เป็นการคำนวณของ นักวิทยาศาสตร์ ... หายนะภัยที่จะเกิดขึ้นนี้ ... ไม่ได้เกิดจากพระเจ้า ...
... หรือจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ลงโทษ ... แต่เกิดจากน้ำมือมนุษย์นี่เอง ...
... ทำไมน้ำจึงท่วม ...
... ควันเสียจากรถยนต์ ... จากโรงงานต่างๆ ... และจากการทำลายป่าไม้ ... จะทำให้เกิด ...
ก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ ... ปกคลุมโลกมากขึ้นทุกที ... ก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์นี้เป็นฉนวนกันความร้อนไม่ให้ความร้อนจากแสงอาทิตย์หลุดออกไปจากโลก ... ผลก็คือ โลกจะเกิดความร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ...
... จนกระทั่งอีก ...
... ๑๐๐ ปีข้างหน้า ... โลกจะร้อนมากจนน้ำแข็งที่อยู่ขั้วโลกส่วนใหญ่จะละลาย ...ไหลเข้าสู่มหาสมุทร ...
ผลที่เกิดก็คือ ... ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้น ๒ - ๑๒ ฟุต และจากนั้นก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆไปจนถึง ๕ - ๗ เมตร ...
ผลก็คือ ... เมืองชายฝั่งทะเลจะกลายเป็นเมืองบาดาล ... ทั้งนี้รวมถึงประเทศไทยด้วย ...
... ทำไมอาหารจึงขาดแคลน ...
... ทุกครั้งที่เราฉีดสเปรย์ ... ใช้ตู้เย็นใช้เครื่องคอมพิวเตอร์และเครื่องมืออีเล็คโทรนิค ... จะมีสารชนิด
หนึ่ง ชื่อ" คลอโรฟลูโอโรคาร์บอนด์ " ระเหยขึ้นไปบนฟ้า ... นอกจากนั้นโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆก็ปล่อยสาร ... ตัวนี้ออกมาด้วยเหมือนกันในปีหนึ่งๆโลกมนุษย์จะปล่อยสารตัวนี้ขึ้นไปบนฟ้าถึง ๗ แสนตันและสารตัวนี้จะขึ้นไปทำลาย ก๊าซโอโซนในชั้นบรรยากาศ ...
... โดยเฉพาะก๊าซโอโซนนี้มีหน้าที่กันไม่ให้แสงอุลตร้า ...ไวโอเล็ตเข้ามาในโลก ... ครั้นเมื่อก๊าซโอโซนถูกทำลายแล้ว แสงอุลตร้าไวโอเล็ต
ก็มี มากขึ้นๆ ... แสงนี้จะเป็นตัวทำลาย " แพลงตอน " ที่เป็นอาหารสำคัญของปลา ...
... ผลก็คือ ปลาส่วนใหญ่จะอดตายแล้วจะสูญพันธ์และแสงนี้จะเป็นตัวการทำให้เกิดมะเร็งในผิวหนัง ...
... ในปัจจุบันวันนี้ถ้ามนุษย์เราไม่รีบแก้ไขเสียแล้ว ... มนุษย์รุ่นหลานเหลนของเรา คงจะได้เจอดีแน่ๆ ...
... คืออาจจะสูญพันธ์ไปก็เป็นได้ ...
... ป่าไม้นั้นสำคัญไฉน ...
... เมื่อฝนตกลงมา ... รากของต้นไม้จะช่วยดูดซึมซับน้ำเก็บไว้ตามในดินเก็บกักตุนเอาไว้แล้วจึงค่อยๆ ... ระเหยมาทางใบไปในอากาศ ... ก่อตัวเกิดเป็นฝนใหม่อีกครั้ง ... ประมาณกันว่า ฝนที่ตกลงมานั้น ... ร้อยละ ๗๕% ...
... มาจากไอน้ำที่ระเหยออกจากใบไม้ในป่า ...
... ด้วยเหตุนี้เองถ้าต้นไม้ในป่าหมดไป ... ฝนก็จะหมดไปด้วย ...
... ใน ๑ วินาที ป้าไม้ในโลกนี้ถูกทำลายไป ๑๒๕ ไร่ หรือใน ๑ ปี ป่าไม้จะถูกทำลายไป ๖๕ ล้านไร่ ...
และดูแล้วไม่มีทีท่าว่าจะลดลงเลย ... เมื่อเป็นเช่นนี้อีก ๑๐๐ ปีข้างหน้า ... ป่าไม้ในโลกนี้ยังจะเหลืออีกเท่าไรเมื่อต้นไม้ถูกทำลายหมดไป ... แล้วจะเอาฝนที่ไหนมาตกอีกเล่า ... โลกจะเกิดอะไรขึ้น ...
...โลกเรานี้ไม่มีใครเขามาทำลายหรอก ... มนุษย์ด้วยกันบนโลกนี้แหละ ... จะเป็นผู้ทำลายนั่นเอง ... ทั้งนี้เพื่อเป็นการสนองตัณหาของมนุษย์นั่นแหละครับ ... เห็นหรือยังว่ามนุษย์นี้ร้ายกาจแค่ไหน ... สิ่งที่เราจะต้อง ... แก้ไขก็คือ ... ต้องร่วมมือร่วมใจกันทั้งโลก ... ช่วยกันอนุรักษ์ป่าไม้ไว้ ...
...ไม่ให้ถูกทำลายจากคนเห็นแก่ตัวที่เป็น ...
... ภัยต่อส่วนรวม...ชาวโลกของเราทั้งหมดนี้ ...
... เมื่อวันที่ ๒๕ มิ.ย.๒๕๑๒ ... พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ...ได้ทรงตรัสเล่าถึงแรงบันดาลใจ ...
... ในความสนพระราชหฤทัยที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง ป่า ดิน น้ำ ... ซึ่งโยงใยมีผลกระทบต่อกัน ...
... ตั้งแต่เมื่อครั้งที่...ยังทรงพระเยาว์วัยว่า ...
" อาจมีบางคนเข้าใจว่า ... ทำไมถึงสนใจเรื่องชลประทาน หรือเรื่อง ป่าไม้ ...จำได้เมื่ออายุ ๑๐ ขวบ ...
ที่โรงเรียนมีครูคนหนึ่ง ... ซึ่งเดี๋ยวนี้ตายไปแล้ว ... สอนเรื่องวิทยาศาสตร์ ...
เรื่องการอนุรักษ์ดินแล้วให้เขียนว่า ...
ภูเขาต้องมีป่า...อย่างนั้นเม็ดฝนลงมาแล้วจะชะดินลงมาเร็ว...ทำให้ไหลตามน้ำไป ...
ไม่ทำความเสียหาย ...
ดินหมดจากภูเขาเพราะไหลตามสายน้ำไป ... ก็เป็นหลักของป่าไม้ ... เรื่องการอนุรักษ์ดิน ... และเป็นหลักของชลประทานที่ว่า ... ถ้าเราไม่รักษาป่าไม้ข้างบน ... จะทำให้เดือดร้อนตลอด ...
ตั้งแต่ดินภูเขาจะหมดไปกระทั่ง ...
การที่จะมีตะกอนลงมาในเขื่อน ... มี ตะกอนลงมาในแม่น้ำทำให้น้ำท่วมนี่นะ ...
เรียนมาตั้งแต่อายุ ๑๐ ขวบ ..."
... ชาวไทยเราควรที่จะทำตามแนวพระราชดำริด้านการป่าไม้ ... จำแนกออกเป็นหมวดหมู่
ตามงานได้ดังนี้ ...
๑. การอนุรักษ์ป่าและสิ่งแวดล้อม
๒. การฟื้นฟูสภาพป่าและการปลูกป่า
๓. การพัฒนาเพื่อให้ชุมชนอยู่ร่วมกับป่าอย่างยั่งยืน
