เรื่องของธาตุทั้ง ๔

... จากปูมโหรของท่าน อ.จรัญ พิกุล ... โหราศาสตร์สากล ...

... เรื่องของธาตุทั้ง ๔ ...

... ยุคนี้สมัยนี้ [ ๒๕๔๐ ] ... เรียกกันว่า ยุคข่าวสารข้อมูลครองโลก ใครๆ ก็ต้องถือเป็นส่วนประกอบสำคัญในการดำเนินชีวิต

เพื่อทางเลือกและตัดสินใจ เมื่อก่อนเราได้พูดกัน แต่ว่าปัจจัย ๔ มีไว้เพื่อการกิน - อยู่ - หลับนอน มาสมัยนี้ไม่เพียงพอเสียแล้ว ทุกอย่างก็หมุนเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสของโลก ทำให้มีปัจจัยใหม่ๆ ผุดขึ้นมาเรื่อยๆ จนกลายเป็นสิ่งจำเป็นไปแล้ว

จำเป็นบ้าง ไม่จำเป็นบ้าง เกินไปบ้าง แต่สุดท้ายทุกคนก็ว่า " ขาด " ไม่ได้ และคติโบราณที่ว่า ดิน - น้ำ - ลม - ไฟ ก็ยังถือว่า เป็นธาตุหลักเป็นธาตุแม่บทจนทุกวันนี้ แม้วิทยาศาสตร์ในวิชาเคมีจะว่ามีถึง ๑๐๒ ธาตุ [ ในปี ๒๔๙๓ ] ... แล้วก็ตาม

แต่ทุกธาตุก็ยังมาจากธาตุทั้งสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ อยู่นั่นเอง ...

... ธรรมชาติของธาตุทั้ง ๔ มีลักษณะคือ ร้อน เย็น แห้ง เปียก ก็ยังเป็นเรื่องที่พูดกันอยู่ได้ทุกอย่างทุกวัน ต่อไปนี้คือเรื่องของธาตุทั้ง ๔ ที่เคยอธิบายมาแล้วในหนังสือตำราโหราศาสตร์ ขออนุญาตคัดลอกมาลงไว้ดังนี้ ...

... ธาตุ ...

... ตามคติโบราณถือว่าโลกและมนุษย์ประกอบด้วยธาตุท้ง ๔ คือ ไฟ ดิน ลม น้ำ ซึ่งความหมายของมันมิได้จำกัดแต่ไฟที่หมายถึงพื้นดิน ลมที่หมายถึงอากาศ และน้ำที่หมายถึงน้ำต่างๆเท่านั้น แต่มีความหมายทั้งในแง่ของรูปธรรมและนามธรรม

คือทั้งทางวัตถุและจิตใจความรู้สึกนึกคิดด้วย อาการของมนุษย์มีมากมายหลายอย่าง ถ้าแบ่งออกเป็น ๔ อย่างตามธาตุดังกล่าวนี้ ก็จะมีความหมายและกิริยาอาการดังต่อไปนี้ ...

... ไฟ ได้แก่ เมษ สิงห์ ธนู เช่นเดียวกับไฟคือให้กิริยา การกระทำ เป็นราศีของผู้สร้าง เปรียบเหมือนไฟแห่งดวงอาทิตย์ ให้พลังงานในการสร้างสรรค์ชีวิต ดังนั้นไฟจึงเป็นต้นเหตุก่อนอื่นใดทั้งหมด ถ้าไม่มีไฟจากดวงอาทิตย์ โลกนี้ก็ไม่มีคนไม่มีสิ่งที่มีชีวิตเกิดขึ้นได้ ...

... ในทางนิสัย ก็ได้แก่บุคคลที่มีนิสัยทะเยอทะยานกระตือรือร้น มีชีวิตเกี่ยวกับความเลื่อมใสศรัทธา ดังนั้น จึงเป็นคนหุนหันพลันแล่น ชอบริเริ่มสิ่งใหม่ๆ กล้าหาญ ชอบความเป็นอยู่ดีๆ รักการเผชิญภัย เก่งเสมอในทางริเริ่มแต่มักจะผันแปรง่าย เช่นเบื่อง่ายหน่ายเร็ว ในทางนิสัยไม่ดีก็ได้แก่คนที่โวยวาย เอาแต่ใจ ฟุ่มเฟือย สะเพร่า หยิ่ง วางท่า ฯลฯ บุคคลที่ขาดลักษณะแห่งธาตุไฟไปในดวงชาตา ก็แสดงว่าขาดความขยันกระตือรือร้น เบื่อชีวิตง่าย ฯลฯ ธาตุไฟแห่งราศีเมษ อุปมาเหมือนไฟเริ่มต้น เพราะเป็นราศีชั้นหนึ่ง และไฟในราศีสิงห์เป็นไฟที่สอง คือมีความคงทนกว่า ส่วนไฟในราศีชั้นสามคือ ธนู เป็นไฟสุดท้าย คือไฟที่ลุกดีแล้ว ...

... สรุป ธาตุไฟจากราศีเมษ สิงห์ และธนู เมื่อสรุปในด้านให้คุณและให้โทษแล้วจะได้ความว่า ...

... ในด้านให้คุณ ... ผู้นำ ผู้อำนวยการ เอกาธิปไตย มีชีวิตชีวา ว่องไว ฉลาด ...

... ในด้านให้โทษ ... ชอบกดขี่ข่มเหง ทำลาย ขัดแย้ง ตึงตัง โครคราม กำแหง ...

... ดิน กล่าวกันว่าโลกเป็นสะเก็ดจากดวงอาทิตย์ เมื่อเย็นลงจึงกลายเป็นดิน เป็นโลกธาตุ ดินได้แก่ราศีพฤษภ กันย์ และมังกร สภาพของธาตุนี้เช่นเดียวกับดินคือมีความหนักแน่น มั่นคงมีเสถียรภาพ ในทางนิสัยจึงแปลว่า อดทน บึกบึน เป็นราศีไว้วางใจได้ มีคุณภาพในทางสะสม รวบรวม สังเกต เลือกเฟ้น เป็นราศีของการปฏิบัติ ธาตุดิน มีสภาพตรงกันข้ามกับธาตุไฟ คือไม่ชอบของใหม่ไม่ชอบริเริ่ม แต่มักจะมีความสงสัย ระแวง นิสัยเสียของธาตุนี้ จึงแปลว่าดื้อดึงรั้น มีทิฐิมานะ เปลี่ยนแปลงยาก หัวเก่า เป็นราศีของการปฏิบัติ คือชอบทำอะไรให้เห็นจริงเห็นจัง ช่างทำ ทนได้ในงานหนัก ธาตุนี้ขาดความดลใจ ริเริ่ม จัดเป็นราศีในทำนองวัตถุนิยม แต่มีความรอบคอบ ระมัดระวังดี ธาตุดินชั้นหนึ่งของราศีมังกร มีความมักใหญ่ใฝ่สูงเกี่ยวกับ อาชีพ การงาน เช่นสนใจในเรื่องอาชีพ ฐานะในสังคม อำนาจในการบริหาร ฯลฯ ...

... ธาตุดินชั้นสอง คือราศีพฤษภ เกี่ยวแก่เรื่องการเงิน ทรัพย์สมบัติ และธาตุดินชั้นสาม คือราศีกันย์ ราศีแห่งความละเอียดพิถีพิถัน ในด้านดีของราศีนี้จะสามารถในการงานทางบริการ ...

... สรุป ธาตุดินจากราศีพฤษภ กันย์ และมังกร แสดงถึงด้านให้คุณ ให้โทษดังนี้ ...

... ในด้านให้คุณ ... มั่นคง มีสติ อุตสาหะ จริงจัง สงบเสงี่ยม เห็นการณ์ไกล ...

... ในด้านให้โทษ ... ดื้อ ว่ายาก ไม่เอาไหน คิดเล็กคิดน้อย ...

... ลม เมื่อโลกเย็นลงมีธาตุดิน แก๊สต่างๆ ระเหยขึ้นกลายเป็นลม ธาตุต่อมาจึงเรียกว่า " ลม " อันได้แก่ ราศีมิถุน ตุลย์ และกุมภ์ ลม เราเข้าใจกันว่าเป็นสิ่งที่เคลื่อนไหวพัดไปมาได้ ธาตุลมนี้จึงอุปมาเหมือนความคิด ในที่นี้จึงหมายถึงสติปัญญา การติดต่อต่างๆ การปรับปรุงตนเองให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม บุคคลแห่งธาตุนี้ฉลาดและสามารถในการติดต่อกับคนอื่น มีชีวิตด้วยการใช้ความคิดความอ่าน ชอบเปลี่ยนแปลงในทางความคิดไปสู่สิ่งที่ดีกว่าและสนใจกว่า ชีวิตแห่งธาตุลมเกี่ยวแก่ญาติ พี่น้อง การเดินทาง [ เช่นราศีมิถุน ] ... เกี่ยวแก่การคบหาสมาคมในทางหุ้นส่วน คู่ครอง [ ราศีตุลย์ ] ... เกี่ยวแก่เพื่อน พรรคพวก ความมุ่งหวัง [ ราศีกุมภ์ ] ...

... สรุป ธาตุลมจากราศีมิถุน ตุลย์ และกุมภ์ แสดงถึงด้านคุณและโทษดังนี้ ...

... ในด้านให้คุณ ... ชอบเรียนรู้ รวดเร็ว หัววิทยาศาสตร์ มีความสามารถในการปรับตนให้เข้ากับเหตุการณ์ ...

... ในด้านให้โทษ ... ไม่แน่นอน รวนเร ถูกปั่นหัวง่าย ...

... น้ำ สิ่งที่มีชีวิตก็จะเกิดขึ้นเมื่อโลกเย็นลงมีดิน มีลม และมีน้ำ ชีวิตเกิดขึ้นจากทะเล คือ น้ำ ธาตุน้ำจึงจัดเป็นธาตุที่ ๔ ...

ด้วยน้ำก่อให้เกิดความงอกงามเจริญ เช่นดินในการเพาะปลูกได้รับน้ำมา ธาตุน้ำในวิชาโหราศาสตร์หมายถึงอารมณ์ หมายถึงอะไรที่มากระทบอารมณ์ จึงทำให้เกิดการกระทำไปต่างๆนานา อันได้แก่ ราศีกรกฏ พฏศจิก และมีน เป็นราศีที่มีสัญชาตญาณในความหวงแหน ปกปัก รักษา ดูแล เช่นราศีกรกฏ ก็หมายถึงบ้าน ครอบครัว ราศีพฤศจิกก็หมายถึงการสืบพันธุ์ การรักษาพยาบาล การเกิดการตาย และราศีมีน แสดงออกไปในการรับผลของชีวิตต่างๆ เช่น เจ็บป่วยก็เข้าโรงพยาบาล ทำความผิดก็เข้าคุก ผิดหวังก็เศร้าโศกเสียใจ ...

... บุคคลแห่งธาตุน้ำก็เหมือนน้ำ ย่อมแล้วแต่ภาชนะที่รองรับ หมายถึงว่าชีวิตของเขาขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมต่างๆ อยู่ในภาวะแวดล้อมที่ดีก็ชักพาให้ไปในทางดี อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เสียก็ชักนำให้เสีย ธาตุน้ำไม่อาศัยเหตุและผลในการมองชีวิต การพิจารณาสิ่งต่างๆ มักเกิดจากความรู้สึกเป็นส่วนสำคัญ เช่นอาจจะพบคนที่พูดว่า " ฉันรู้สึกอย่างนั้นอย่างนี้ จึงควรจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ " ...จึงเป็นราศีที่ชักจูงง่าย แกว่งไปมาด้วยอิทธิพลจากสิ่งแวดล้อม มีความสงสาร เห็นอกเห็นใจง่าย มีชีวิตเต็มไปด้วยความรู้สึก เมื่อเทียบกับธาตุไฟ และลมซึ่งเป็นราศีที่ชอบเริ่มต้นใหม่ ทำอะไรใหม่ สลัดความหลังและหวนคิดถึงอดีตได้ง่าย แต่ราศีธาตุน้ำและดิน หดหู่นานๆ เป็นเวลาแรมปี ถ้าหากทำอะไรผิดพลาดและไม่สมใจ อารมณ์แห่งธาตุน้ำไหวง่ายและดื่มด่ำ อุปมาเหมือนพายุในท้องทะเล บางคราวก็สงบเงียบ ทุกอย่างดูนิ่งเฉย แต่ถ้าอาละวาดขึ้นมาก็ปั่นป่วนเอาการ

... บุคคลราศีธาตุน้ำมีอำนาจในทางสนใจและติดตามในสิ่งที่ตนรักและมุ่งหวัง ซึ่งบุคคลในราศีธาตุไฟและลมสู้ไม่ได้ อุปมาเหมือนน้ำที่ปั่นป่วนแต่เพียงข้างบนของผิวน้ำแต่ส่วนลึกจริงๆนั้นมั่นคง ...

... สรุป ในด้านให้คุณ ... ช่างคิดช่างฝัน ลึกซึ้ง มีความรู้สึกไว ...

... ในด้านให้โทษ ... คิดมาก เจ้าน้ำตา ...

... อันธาตุทั้ง ๔ นี้ย่อมมีทุกหนทุกแห่ง ไม่ละเว้นผู้ใด หรือแห่งใด เป็นหลักวิชาที่มีมาแต่โบราณ ซึ่งนักโหราศาสตร์ทุกระบบยังต้องใช้อยู่ในการดูดวงชาตา เช่นดวงชาตาใดมีดาวพระเคราะห์อยู่มากในธาตุไหนก็อ่านไปในทางธาตุนั้นๆ ...

... ระบบธาตุทั้ง ๔ คือ ไฟ ดิน ลม น้ำ ซึ่งธาตุทั้ง ๔ นี้ประกอบกันขึ้นมาเป็นร่างกายของเราทุกคน... จะมากน้อยย่อมต้องผิดแผกแตกต่างกันออกไป แล้วแต่ดวงใครดวงมัน ... ระบบธาตุทั้ง ๔ นี้มีความสำคัญต่อการพยากรณ์ดวงชาตาเป็นอย่างมาก ... ดังนั้นระบบธาตุทั้ง ๔ จาก ปูมโหรของ ท่าน อ.จรัญ พิกุล ที่กล่าวมาแล้วทั้งหมดนี้ ... จึงทรงคุณค่าและมีประโยชน์ต่อวิชาโหราศาสตร์ไทยของพวกเราอย่างยิ่งยวด ...

... สวัสดีครับ ...

... อ.ธนเทพ ปฏิพิมพาคม ...