ดวงชาตาพระศิวะ
... จากปูมโหร อ.ธนเทพ ปฏิพิมพาคม ...
... ดวงชาย เกิดวันที่ ๖ เม.ย.๒๔๙๕ เวลา ๐๐.๐๕ น.
... ชีวประวัติ ...
... เป็นบุคคลที่น่าอัศจรรย์ใจ ... เจ้าชาตาได้พลังจากพระศิวะมาตั้งแต่ยังหนุ่มๆอยู่ ... ไม่ใช่ร่างทรงทั่วไป ... แต่เป็นอนุภาคส่วนหนึ่งจริงๆของพระศิวะ จึงทำให็มีญานสมาบัติขั้นสูง สามารถรักษาโรคภัยใข้เจ็บให้กับผู้คนทั้งหลาย ... ไม่มีครอบครัว
คือ บุตร + ภรรยา ... มีแต่เหล่าสานุศิษย์ ที่คอยดูแล ปรนนิบัติรับใช้อยู่ตลอด ... มีสถานที่พักอาศัยเป็นเทวาลัย ... มีผู้คนเข้าไปให้เจ้าชาตาแก้กรรมให้อยู่เนืองนิตย์ ... เพราะความขลังและความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าชาตานั่นเอง ...
... ทำใมจึงเป็นคนที่มีความขลัง และมีพลังที่สูงส่ง ... ในเรื่องราวที่ลี้ลับ ...
... ดวงชาตานี้ได้เกณฑ์ ดอกพิกุล คือมีดาว ได้โยคได้เกณฑ์ ถึงกันหมดทั้งจักรราศี ได้ตรีโกณ ได้จตุโกณ ครบครัน ฯ ...
... จะเห็นได้ว่า ดาว ๔ กัมมะ [ งาน ] + ปัตนิ [ ลูกศิษย์ ] ... ไปเป็นนิจจ์ [ ทุกข์ยาก ] เป็นประ [ ประจำ ] ... อยู่ที่ราศีมีนเรือนพันธุ [ เทวาลัย ] ... กุม ดาว ๑ ศุภะ [ ที่พึ่ง ] ... และกุม ดาว ๖ ลาภะ [ ความต้องการ ] + อริ [ โรคภัย ] ... ดาว ๕ พันธุ +
ตนุ ไปอยู่ราศีเมษเรือนปุตตะ [ เข้ามา ] + วินาสน์ [ จากไป ] ... ดาว ๓ เจ้าเรือนไปอยู่ราศีตุลย์เรือนลาภะ + อริ ... ดาว ๖
เจ้าเรือนวนกลับไปอยู่ที่ราศีมีนเรือนพันธุ ...
... หลักสำคัญ ก็คือราศีกันย์เรือนกัมมะ มี ดาว ๗ ความขลัง และดาว เนปจูน เร้นลับ เล้งไปที่ดาว ๑ ๔ ๖ ที่ราศีมีนด้วย ...
... แปลได้ว่า ... ในวันๆหนึ่งมีคนเข้าออกมาหาที่เทวาลัยเพื่อให้เจ้าชาตารักษาและขจัดปัดเป่า ทุกข์โศก โรคภัย ให้หมดสิ้นไป อยู่เป็นประจำวันเสมอ ...
... จากราศีเมษที่ดาว ๕ ตนุลัคน์สถิตอยู่ตั้งเป็นลัคนา จะเห็นว่ามีดาว ๐ จิตวิญญาน โยคหน้า มีราหู สิ่งที่มองไม่เห็นโยคหลัง มีดาว ๓ เล็งดาว ๕ = ๓ + ๕ ได้คู่สมพลมีพลัง ...
... ที่ลัคนามี เกตุ เทพเทวดา กุมลัคน์อยู่อีก ... แฝงเรือนเกษตรไปที่ราศีเมษเจอ ดาว ๕ พระ ,สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ... ที่เรือนที่ ๑๐ ยังมี่ดาว ๗ งู สถิตอยู่ ... ๙ + ๕ + ๗ = เทพชั้นสูงก็คือ " พระศิวะ " นั่นเอง ...
... รวมความเท่ากับว่า ... ดาวแห่งความศักดิ์สิทธิ์ ดาวแห่งความเร้นลับ น่าพิศวง ทั้งหลายล้วนถึงตัวชาตาด้วยกันทั้งสิ้น ...
... ที่ว่าไม่มีครอบครัว คือ บุตรและภรรยา ละ ! ...
... [ พลูโตเป็นเจ้าเรือนราศีเมษ ] ... ถ้าดูจากดาวพลูโตเจ้าเรือนปุตตะ [ บุตร ] จะเห็นได้ว่าดาวเกี่ยวกับบุตรไปอยู่ราศีกรกฏเรือนมรณะ [ ไม่มี ] ... มิหนำซ้ำดาวพลูโตยังโดนดาว ๒ มรณะ โอบหน้าและมีดาว ๐ อาเพท โอบหลัง ให้โทษอยู่ ...
... ดูจากอีกมุมหนึ่ง ดาว ๓ เจ้าเรือนปุตตะ ไปอยู่ ราศีตุลย์โดน ๘ และ ๐ ตรีโกณทำร้ายอยู่ ...
... ดังนั้นจึงทำให้เจ้าชาตาไม่มีบุตร หรือมีบุตรยาก ...
... ส่วนในเรื่องภรรยานั้น ให้ดูที่ดาว ๔ ปัตนิ คู่ครองไปกุมดาว ๖ อริ ปัญหา,อุปสรรค ... จึงทำให้ให้มีคู่ยากซ์หรือปฏิเสธการมีคู่ครอง ...
... ดูจากลัคนาที่ ๒ ที่ราศีเมษ จะเห็นว่า ดาว ๓ ตนุ + มรณะ ไปอยู่เรือนปัตนิ ...
... ตนุ + มรณะ + ปัตนิ แปลว่า เจ้าชาตาไม่มีคู่ครอง ...
... ที่สร้างเป็นเทวาลัย ละ ! ...
... ดาว ๕ พันธุ สถานที่ ไปอยู่ราศีเมษ โอบหน้าเรือนพันธุ ... มีราหู แปลว่าใหญ่ โอบหลังเรือนพันธุ ... เรือนพันธุ มีดาว ๖
อุจจ์ ใหญ่โตสวยงาม ... กุม ดาว ๑ โอ่อ่า ยศศักดิ์ กุม ดาว ๔ การติดต่อจากประชาชน ...
... แปลว่า สถานที่รับรองประชาชนคนที่เข้ามาจำนวนมาก และ สถานที่นั้นก็สามารถรองรับคนจำนวนมากได้ ...
... เรียกว่า " เทวาลัย " ...
... ดวงชาตานี้มีดาวคู่สัมพันธ์กันอยู่หลายคู่เช่น ...
... ๒ ศุภะ [ ประชาชน,ที่พึ่ง ,ความช่วยเหลือ ] อยู่ กัมมะ [ งาน,ภาระ,หน้าที่ ] เล็ง ๘ พันธุ [ สถานที่ ] เป็นเกษตร - เสมอ
... หมายถึง ภาระหน้าที่ ที่ต้องช่วยเหลือดูและเป็นที่พึ่งแก่ประชาชนที่เข้ามาที่ สถานที่แห่งนี้อยู่เสมอๆ ...
... ๒ + ๘ ได้คู่สมพล มีพลังงานต่อ สู้ที่ดี ...
... ๓ ปุตตะ [ เข้ามา ] + วินาสน์ [ จากไป ] อยู่ ลาภะ [ รักษาพยาบาล ] + อริ [ เจ็บใข้ ] เล็ง ๕ ตนุ [ เจ้าชาตา] + พันธุ
[ สถานที่ ] อยู่ เรือนปุตตะ [ เข้ามา ] ...
... หมายถึง สถานที่ของเจ้าชาตาซึ่งต้องต้อนรับขับสู้รักษาผู้ที่เจ็บใข้ได้ป่วยที่เข้ามาให้เจ้าชาตารักษาพยาบาล ...
... ๓ + ๕ ได้คู่สมพล มีพลังงานที่ดี ...
... ส่วนมากดาวที่เล็งกันตัวต่อตัว โดยที่ไม่มีดาวอื่นแทรก จะมีพลังงานที่สูงส่งต่อชีวิตเจ้าชาตา ...
... ในดวงชาตานี้มีดาวที่เล็งกันตัวต่อตัว ตาต่อตา แค่ ๒ คู่ ก็คือ ๒ + ๘ และ ๓ + ๕ เท่านั้น ส่วน ๑๔๖ เล็ง ๗ ให้พลังอ่อน
ลงไม่ชัดเจนเท่ากับดาว ปะทะ กัน คัวต่อตัวเดี่ยวๆ ... ดวงชาตานี้มีลูกศิษย์ลูกหาให้ความนับถืออย่างมากมาย ว่ากันว่ามีลูกศิษย์ เต็มเมืองเลยทีเดียวแหละ ครับ ... ไม่ธรรมดาแน่นอน ...
... สวัสดีครับ ...
... อ.ธนเทพ ปฏิพิมพาคม ...