ดวงได้รับมรดกทางปัญญาจากมารดา
... จากปูมโหร อ.ธนเทพ ปฏิพิมพาคม ...
... ดวง...หญิง ...เกิดวันที่ ๑๙ ต.ค. ๒๕๐๒ ...
... เวลา ๑๙.๒๐ น.ฉะเชิงเทรา ...
... ต่อไปนี้เป็นการพูดคุยในเรื่องวิชาโหราศาสตร์ ...
... ระหว่าง อ. ธนเทพ ...กับเจ้าของดวงขาตา ...
... เจ้าชาตาถามมาว่า " อาจารย์ค่ะ พื้นดวงของหนูจะได้มรดกเป็นที่ดินได้บ้างไหมค่ะ ? " ...
อ.ธนเทพ ตอบว่า " จะดูเรื่องที่ดิน เราก็ต้องไปดูที่ราศีกรกฏ ภพพันธุ [ ที่ดิน ] มีดาวมฤตยู ... เจ้าเรือนภพ ลาภะ ...
[ ความโลภ , หลงผิด ] มาสถิตอยู่ ทำให้ดาว ๒ เจ้าเรือนภพพันธุ ถึงจะได้ตำแหน่ง อุจจ์ [ มาก ] แต่ก็ต้องสะเทือนไปกับ
ดาว มฤตยู ซึ่งตรีโกณกับ ดาว ๕ เจ้าเรือนภพวินาสน์ [ ล้มเหลว ] และเป็นเจ้าเรือนภพ ศุภะ [ แม่ ] ฃึ่งกุมเกตุ เจ้านก
สองหัวจอมวุ่นวาย ...
... ทั้งดาว ๕ และเกตุยังอยู่ที่ราศีพฤศจิก ภพมรณะ [ มรดก , การสูญเสีย ] เรือนของดาว ๓ ซึ่งก็ยังเป็นเจ้าเรือนภพ ตนุ
[ เจ้าชาตา ] ซะอีกด้วย ...ทีนี้เราย้อนไปดูดาว ๒ เจ้าเรือนภพ พันธุ ...ต้นเหตุของเรื่องที่ถูกถาม อยู่ที่ราศีพฤษภ ภพ
กฎุมภะ [ ทรัพย์ ] และภพปัตนิ [ ปัญหา ] โดยเฉพาะภพปัตนิที่ราศีตุลย์มีดาวอยู่ ๓ ดวง มีดาว ๓ ตนุเป็นประ [ อ่อน ]
กุุมดาว ๑ เจ้าเรือนภพปุตตะ [ สิ่งที่เกิดขึ้น ] และดาว ๔ เจ้าเรือนภพสหัชชะ [ พี่น้อง ] และภพอริ ...
[ ปัญหา,และการขัดแย้ง ] ... และที่ภพอริ ยังมีราหูเจ้าเรือนภพลาภะ [ โลภ ] สิงสถิตอยู่อีกด้วย " ...
... คราวนี้เราลองจับมาเรียบเรียงและคลุกเคล้าให้เข้ากันแล้ว แปลรวมๆ ออกมาได้ว่า ...
... เจ้าชาตาเป็นคนที่มีมรดกจากบรรพบุรุษจำนวนมากโขอยู่ แต่ถูกความโลภของพี่น้องร่วมท้อง บิดเบือนและ
เบียดเบียน ทำให้ต้องยอมสูญเสียทรัพย์สินไป เพราะไม่อยากให้เกิดมีการขัดแย้ง แย่งชิงกันในระหว่างเครือญาติ ฯ
ของตนเอง ... จึงต้องยอมสละสิทธิ์ในกองมรดก ...
... เจ้าชาตาถามมาอีกว่า ...
" ทำใมหนูจึงได้รับมรดกทางปัญญามาจากแม่ของหนู หมดเลยละค่ะ อาจารย์ " ...
... อ. ธนเทพ ตอบไปว่า ...
" ดูไปที่ดาว ๒ อุจจ์ [ มารดา ] อยู่ที่ราศีพฤษภภพกฎุมภะ [ ได้มา ] เรือนดาว ๖ ดาว ๓ ตนุ [ เจ้าชาตา ] + มรณะ
[ มรดก ] อยู่ที่ราศีตุลย์ภพปัตนิ [ จังๆหน้า, ชัดเจน ] กุมอยู่กับดาว ๑ + ๔ [ คู่ปัญญา , คู่วิชาการ ] ดาว ๔ ยังหมายถึง
สมองอีก นอกจากนี้ แล้วดาว ๑ หมายถึงเด็ก ๆ หรือเยาว์วัยอีกด้วย ..."
... เมื่อแปลออกมาก็ได้ใจความว่า ... เจ้าชาตาได้รับมรดกเป็นทรัพย์ทางปัญญา จากมารดามีมันสมองที่เฉียบขาดในการ
ตัดสินใจ วิเคราะห์เรื่องราวต่างได้เป็นอย่างดีเลิศ มาตั้งแต่เยาว์วัย ...
... เจ้าชาตาถามต่อมาอีกว่า ...
" แล้วหนูจะศึกษาวิชาโหราศาสตร์ได้ดีแค่ไหนค่ะ "
... อ.ธนเทพตอบว่า ...
" ดูเรื่องโหราศาสตร์ ก็ให้หนูดูไปที่ ดาว ๒ [ ตาซ้าย ] อยู่ราศีพฤษภโยคหลังดาวมฤตยู [ สิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตา ] เล็ง
ดาว ๕ ครูบาอาจารย์ แฝงเรือนเกษตรกับดาว ๑ [ ตาขวา ] ...
... รวมอ่านออกมาได้ว่า ..." หมอดู " ดาว ๐ มีความหมายถึงโหราศาสตร์ ...
... ถ้าเราตั้งที่ดาว ๓ ตนุลัคน์อยู่ที่ราศีตุลย์เป็นลัคนาที่ ๒ ที่ราศีกรกฏภพกัมมะ [ งาน ] ก็มีดาว ๐ [โหราศาสตร์ ] สถิต
อยู่ ... แบบนี้ยืนยันว่าสามารถเรียนรู้โหราศาสตร์ได้ดีเยี่ยม "...
... เจ้าขาตาถามต่อมาว่า ...
" บุตรชายคนโตของหนูเป็นทหารอยู่ ต่อไปจะมีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ...ได้แค่ไหนค่ะ"
... อ.ธนเทพ ตอบไปว่า ...
" ดูดาว ๑ บุตรคนที่ ๑ ไปกุมดาว ๓ ทหาร ๑ + ๓ ตามสูตรแปลว่า " นายพล " ตอบว่าได้ยศเป็นนายพลแน่นอน "
... เจ้าชาตาถามมาอีกว่า ... " แล้วบุตรชายคนที่ ๒ เป็นยังไงบ้างค่ะ ? "
... อ.ธนเทพ ตอบว่า ...
" บุครคนที่ ๒ เป็นคนเฮง มักมีความสำเร็จต่างๆเกิดขึ้นได้อย่างง่ายๆ ไม่ลำบากนัก ... เพราะถ้าตั้งลัคนาที่ตุลย์เป็นบุตร
คนที่ ๒ ดาว ๖ ตนุ สลับเรือนกับดาว๑ เจ้าเรือนภพลาภะ [ โชค ] เป็นเกษตรเทียม [ สลับเรือนเกษตรกัน ] ให้คุณในด้าน
ความโชคดีต่างๆ " ...
... สรุปว่าการดูดวงชาตานั้นเมื่อผู้มาดูดวงระบุถามในเรื่องใด ผู้พยากรณ์ก็ต้องขุด แงะ ค้น จากในดวงชาตาว่าคำตอบ
ของเรื่องต่างๆที่เขาถามมีอยู่ตรงจุดใดในดวงชาตานั้นๆเพราะในดวงชาตาหนึ่งนั้น สามารถตอบคำถามได้ ๑๔๔ เรื่อง
ได้อยู่แล้วโดยธรรมชาติ ... พื้นดวงชาตาสามารถบอกได้ว่าดวงชาตานั้น ดี ชั่ว เช่นไร ป้องกันแก้ไขได้ด้วยวิธีใด ... มี
คำตอบอยู่ในพื้นดวงชาตาแต่ละดวงแล้วทั้งสิ้น ส่วนเหตุการณ์ล่วงหน้าที่จะเกิดขึ้น เราก็ต้องดูจาก ตนุลัตน์จรเป็นสำคัญ
ตามด้วยอายุวัย จุดกระทบจากดวงดาวน้อยใหญ่ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับดวงดาวในพื้นดวงเดิมของแต่ละดวงชาตา ...
... นักศึกษาทุกคนหมั่นไตร่ตรอง ทบทวน ค้นคว้า รวบรวมสถิติ ฯลฯ ใช้หลัก ... " สุ จิ ปุ ลิ " การฟัง การคิด การถาม
การเขียน [ หัวใจนักปราชญ์ ] ก็จะเกิดความสำเร็จในวิชาได้โดยถ้วนหน้ากัน ...
... สวัสดีครับ ...
... อ.ธนเทพ ปฏิพิมพาคม ...