โคลงกลอนพระจันทร์ครึ่งซีก

... ดวงพระจันทร์ครึ่งซีก ...

เจ็ดราศีมีดาว รายระดับ

ลัคน์เกาะหลังเรียกขับ พลหาญ

เกาะกลางเรียกคุมทัพ เข้าต่อ ทำการ

เกาะหน้านำทหาร โห่ก้องชิงชัย

... จากหนังสือ " เคล็ดลับการพยากรณ์ " โดย ท่าน อ. บรรเทา จันทรศร ...

... คำโคลงนี้ไม่มีอยู่ในตำราไหนหรอกครับ มีอยู่แห่งเดียวที่กล วิธีพิจารณาดวงชาตาตามหลักวิชาโหราศาสตร์เท่านั้นซึ่ง

ผม [ ท่าน อ.บรรเทา จันทรศร ] เองเป็นผู้แต่งขึ้นตามตำรา ...

... ตามคำโคลงนี้มีหมายความว่า มีดาวเคราะห์อยู่ติดต่อกัน เจ็ด ราศี ไม่มีราศีว่างและอีก 5 ราศี นอกจากนั้นก็ไม่มีดาวสถิตอยู่เลย ในลักษณะเช่นนี้ หากลัคนาของดวงชาตาอยู่หลังสุดเรียกว่า " ดวงลัคนาขับพล " หากลัคนาอยู่ตรงกลางเรียกว่า ...

" ดวงลัคนาคุมพล " และหากมีลัคนาอยู่ข้างหน้าเรียหว่า " ดวงลัคนานำพล " ... และรวมเรียกดาวประเภทนี้ว่า ...

" ดวงพระจันทร์ครึ่งซีก " ...

... อันดวงพระจันทร์ครึ่งซีกนี้ ตามตำราท่านว่าจะไม่มีการตกต่ำ ลงกว่าที่มีอยู่เดิม มีแต่สูงๆขึ้นไปเรื่อยๆถึงแม้นจะไม่ปรูดปราดรวดเร็วตามที่ต้องการ แต่ก็ไม่มีการตกต่ำ ทั้งนี้เป็นเพราะว่า ดวงดาวทุกๆดวงต่างให้การช่วยเหลือดเกื้อกูลกันเองซึ่ง

หากดาวเข้าที่ร้ายจะมีดาวอื่นเข้าช่วยไว้ ซึ่งขณะเดียวกัน หากดวงถึงคราว จะดี ก็อาจจะมีดาวดึงให้ดีถึงที่สุดไม่ได้อีกเช่นกัน ...

... โปรดสังเกตดวงตัวอย่างที่นำมาลงให้ดูนี้ เกิดวันที่ 20 กันยายน 2461 เวลาประมาณ 11.00 น. จะไม่เอ่ยชื่อว่า เป็นดวงของใครนะครับ เพราะไม่ได้ขออนุญาต แต่จะให้บอกใบ้คงได้ว่าเป็น ดวงสุภาพสตรี ซึ่งมีตำแหน่งทางราชการยิ่งใหญ่คนแรกของเมืองไทยก็คงพอ โปรดสังเกตดวงจันตรี มีโยค 3 โยค มีหนึ่งตรีโกณ และมี 2 จตุโกณ ซึ่งโยคกับตรีโกณนั้นดี ...

... คราวนี้ก็มาถึงปัญหา ที่ว่าเหตุใดจึงเรียกอย่างนั้น ผมยอมรับว่า ความจริงยังไม่มีประสบการณ์เรื่องดวงพระจันร์ครึ่งซีก

มากนัก เพราะนานๆจะพบสักที เมื่อพบแล้วก็ไม่มีความสนิทชิดเชื้อ จากเจ้าของดวงเท่าที่ควร ดังนั้นข้อมูลในรายละเอียด

ของดวงพระจันทร์ครึ่งซีกของผมจึงค่อนข้างจะน้อย แต่ที่นำลงมาเขียนก็เพื่อให้ครบ เรื่องเกณฑ์ชาตาเท่านั้นเองครับ ...

แต่เมื่อไม่มีข้อมูล ผมก็จะเขียนไปตามตำรา ที่เคยได้ศึกษามาเสียก่อนก็แล้วกัน ...

... คำว่า " ลัคนาขับพล " หมายถึงว่า มีผู้บุกเบิกล่วงหน้าให้ หรือหมายถึงว่า มีบริวารคอยจัดแจงจัดการให้เสร็จเรียบร้อย คือตัวเองเป็นแต่ผู้สั่งการ หรือนั่งชี้นิ้วให้ทำ และเมื่อบริวารจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตนเองจึงไปนั่งเสวยสุข ...

... คำว่า " ลัคนาคุมพล " หมายถึงว่า ดีทั้งหน้าแลหลัง ด้านหน้าก็คอยมีคนคอยชักจูงจัดแจงดำเนินการให้ ด้านหลังก็มีคน

สนับสนุนและให้ความอุปถัมภ์ค้ำชู ให้ความอนุเคราะห์และให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลตลอดเวลา หากมีปัญหาอะไร ก็มีคนปัดเป่าแก้ไขให้เสร็จ ...

... คำว่า " ลัคนานำพล " อันนี้เห็นว่าจะแย่กว่าอื่นๆ คือต้องเป็นหน้าที่บุกบั่นฟันฝ่าด้วยตัวเอง บริวารหรือลูกน้องเป็นแต่ผู้คอย สนับสนุนให้ความช่วยเหลือ เพียงประการเดียวเท่านั้น จะดีหรือชั่วอยู่ที่ตัวเองทั้งสิ้น ...

... ที่กล่าวมานี้เป็นแต่แนวการอธิบายวิธีพยากรณ์ของโบราณอาจารย์ท่านนะครับ และคิดว่าคงจะไม่ผิดไปจากที่ท่านกล่าว

มาสักเท่าไร เรารู้ไว้พอเป็นสังเขป ที่จะพยากรณ์แล้วหาความเชี่ยวชาญหรือความชำนาญกันเอาเอง ...

... ท่าน อ. บรรเทา จันทรศร ...

... ต่อจากนี้เป็นตัวอย่างดวงชาตา ตัวจริง เสียงจริง นะครับ ...

... จากภาพดวงชาตาที่เห็นนี้จัดว่าเป็น " ดวงพระจันทร์ครึ่งซีก " โดยสมบูรณ์ ... และจัดว่าเป็น " ดวงลัคนานำพล " ...

... อย่างสมบูรณ์แบบอีกด้วย ... ทีนี้เราลองมาฟังประวัติโดยย่อของเจ้าชาตากันดีกว่าครับ ...

... ปัจจุบันเจ้าชาตามีอายุ 72 ปี ... สามีเลิกกันไปร่วม 20 กว่าปีแล้ว [ 1 + 2 = คู่ครัวเรือน อยู่วินาสน์ลัคน์ ] อยู่กับลูกชาย

และลูกสาว ... เจ้าชาตาไม่ได้ทำงานใดๆทั้งสิ้น และไม่เคยนำพาใคร ผู้ใดทั้งนั้น ...

... ๔ ตนุลัคน์เป็นเกษตร ... [ เราเป็นเรา ] และเป็นอุจจ์ ... [ เราเป็นใหญ่ ] ... ทำงานในบ้านของตัวเองก็คือเป็นแม่บ้านซะ

คนเดียว ตื่นมาก็ทำความสะอาดบ้านไปเรื่อยๆ ทำห้องนอน ห้องรับแขก ห้องน้ำ ฯ ...

... ดวงชาตาใดถ้าดาวตนุเป็น ประ ผมว่าน่าจะดี เพราะ ประ หมายถึงคนอื่น , ผู้อื่น แสดงว่าเจ้าชาตานั้นมักจะช่วยเหลือผู้อื่นและเห็นใจผู้อื่นอยู่เป็นประจำ [ ประ ] ...ซึ่งผิดกันกับดวงชาตาใดที่ดาว ตนุลัคน์ เป็นเกษตร หรือเป็นอุจจ์ ซึ่งมักจะสนใจแต่ตัวเอง เอาใจตนเองเป็นหลัก ไม่สนใจผู้อื่น ... และก็อีกประเภทที่ ดาว ตนุลัคน์เป็นนิจจ์ [ ต่ำช้า ] ... ดวงชาตาที่เป็นลักษณะนี้ มักจะต้องประกอบกรรมชั่วกับผู้อื่นมาแล้ว อย่างแน่นอน อบ่างน้อยก็ต้องมีครั้งหนึ่งในชีวิต ... ส่วนเรื่องนิสัยก็ต้องดูว่าเป็นดาว อะไร ประกอบกันขึ้นมาอีก ... อ้อ มีเรื่องหนึ่งที่จะบอกนักศึกษาทุกคนว่าหากดวงชาตาใด ศุภะเป็นนิจจ์

ก็เพ่งเล็งไปว่า มักจะมีพฤติกรรมที่เลวร้าย ทำร้ายผู้อื่น ฯ ...

... ศุภะ หมายถึง ความดีงาม นิจจ์ หมายถึง น้อยนิด รวมกันแปลว่า ... ความดีมีเพียงน้อยนิด ...

... ศุภะ ยังหมายถึง ศาสนา ศีลธรรม ความก้าวหน้า ฯ ... เป็นนิจจ์ ... คิดชั่ว ต่ำทราม อ่อนตัว น้อยนิด มีน้อย ...

... ลองแปลความหมายกันดูนะครับ ...

... จากดวงตัวอย่างจะเห็นได้ว่า ดาว ๖ ศุภะเป็นนิจจ์ และมาทับลัคน์ กุมกับดาว ๔ ซึ่งเป็นเกษตร ย่อมหมายความความชั่วร้ายต่างนั้นเกิดมาจากเจ้าชาตานั่นเอง ไมใช่ใครอื่น ... ถ้าเราอยากจะรู้ว่าใครจะต้องเดือดร้อนจากการกระทำของเจ้าชาตา

... ก็ให้เราไปดูที่ราศีพฤษภภพศุภะ ปรากฏว่า มี ดาว ๓ สหัชชะ [ พี่น้อง ] + มรณะ [ เดือดร้อน ] และมีดาว ๗ ปุตตะ ...

[ การเกิด ] ... สุดท้ายก็มีดาว ๐ เจ้าเรือนภพ อริ [ ปัญหา ] ...

... ก็แปลออกมาได้ว่า ผู้ที่เดือดร้อนจากการกระทำของเจ้าชาตาก็คือพี่น้องร่วมท้องของตนนั่นเอง ...

... ถ้าอยากรู้ว่าเรื่องอะไร? ... ก็ตั้งราศีพฤษภเป็นลัคนา ดูเรื่องราวของญาติ ...

... จะเห็นว่าดาว ๕ มรณะ [ เดือดร้อน ] มาอยู่ที่ราศีกรกฏภพสหัชชะ [ พี่น้อง ] ดาว - เจ้าเรือนไปอยู่ราศีสิงห์ภพพันธุ ...

[ อสังหา ฯ ] เป็นเกษตร [ แน่ๆ ] ...

... แปลว่าเจ้าชาตาสร้างปัญหาเดือดร้อนในเรื่องเกี่ยวกับ อสังหาฯ บ้านและที่ดิน ...

[ ๗ ส่งกำลัง 3 จากตัวเองถึง ๕ ... ดังนั้น ๗ + ๕ = บ้าน + ที่ดิน ] ...

... ในพื้นดวงชาตานี้ดาว ๒ ไปอยู่ภพวินาสน์ เป็นเกษตร แปลว่า ... โลภมาก ลาภหาย ...

... ปีนี้ ราหู อริจรมาทับลัคน์ ราหูในดวงเดิมเดิมอยู่ภพลาภะ ดาว ๒ ลาภะไปตกภพวินาสน์ = กงกรรม - กงเกวียน ตามมา

คืนสนองเจ้าชาตาแล้ว ... ดาว ๕ พันธุจรมาอยู่ที่ราศีสิงห์ภพวินาสน์อีก ... ดาว ๗ ปุตตะจร ส่งกำลัง 10 ไปที่ราศีสิงห์เจอ

ดาว ๑ + ๒ ในดวงเดิม ... แล้วเวรกรรมก็นำพา อายุเจ้าชาตาอายุ 72 ปีตกราศีสิงห์อีก ... เวรกรรม ...อโหสิกรรม ...สาธุ ...

... โดย อ.ธนเทพ ปฏิพิมพาคม ...

... ที่ผมนำดวงชาตานี้มาให้ดูเพราะทุกท่านจะได้กฏแห่งความจริงว่า ...

... ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ดีพร้อม หรือปราศจากมลทินมาแปดเปื้อน ...

... ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้เสียหายตลอด และไร้ความดีงามในสันดาน ...

... ดั่งดวงชาตาที่ได้ ... " ดวงพระจันทร์ครึ่งซีก " ดวงตัวอย่างนี้ ยังต้องมีราคี ความโลภ ความหลงเข้าครอบงำจิตใจ ...

ทำให้ประพฤติตนผิดในศีลธรรม และเบียดเบียนทำร้ายผู้อื่นให้ได้รับทุกขเวทนา ...

... โอวาทพระพุทธองค์กล่าวไว้ว่า ...

... ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ...

... สวัสดีครับ ...

... อ.ธนเทพ ปฏิพิมพาคม ...