... จาก โหราศาสตร์ภาคพิเศษ ของ ท่าน อ.พลูหลวง ...
... ทุกวันนี้การศึกษาโหราศาสตร์ส่วนใหญ่เรามุ่งท่องจากตำราที่มีผู้รจนาไว้ อันเป็นความรู้คับแคบ ด้วยดวงดาวที่มีนัยยะ
กว้างขวางลุ่มลึกยิ่งนัก ถ้าเรารู้เพียงแค่กระผีกจากตำรา ไปพบดวงพิสดารเข้าก็จะอ่านไม่ออก เพราะไม่สามารถเข้าใจใน
ดวงดาวอย่างลึกซึ้งเพียงพอ ดาวพระเคราะห์ดวงเดียว อาจแปลความหมายไปได้หลายร้อยอย่างพันอย่าง ถ้าไม่เข้าใจ
อย่างลึกซึ้งแล้ว ก็อาจแปลความหมายไปอย่างผิดๆ เมื่อท่านได้ศึกษามาถึงแค่นี้แล้วก็จะเห็นว่า วิชาการใดถ้าเป็นของจริง
ของแท้ ย่อมสอดคล้องกันไม่ผันแปรจะต้องเป็นความจริงแบบวิทยาศาสตร์แน่นอน เพียงแต่ว่าในสมัยก่อนเราไม่วิจัยดวง
ดาวกันให้ละเอียดทุกแง่ทุกมุม เพียงรู้แค่หางอึ่งก็เขียนตำรากัน ยิ่งมีโลกทัศน์คับแคบด้วยแล้วก็จะชักจูงให้ผู้ศึกษาหลงเข้า
ป่า เข้าถ้ำ งมงายกันไปหมด จึงไม่อาจรู้ความจริงในโหราศาสตร์แท้ๆกันเสียที เครื่องมือในการวิจัยสมัยก่อนมีน้อยประกอบ
ด้วยเครื่องมือที่ใช้ก็เป็นของเก่าแก่ล้าสมัย ข้อสำคัญก็คือ ผิดพลาดมาเป็นพันๆปี ไม่เคยแก้ไข ดังนี้โหราศาสตร์จึงเป็น
เพียงวิชาที่เลื่อนลอย ยิ่งรู้ไม่จริงก็เดาส่ง กลายเป็นหลอกลวงเขา รู้แบบนี้พลอยพาให้ตกนรกเสียเปล่าๆ ด้วยกลายเป็นคน
ลวงโลก ถ้ารักจะศึกษาหาความรู้ ก็ควรรู้ให้จริง และต้องรู้กันถึงแก่นด้วย ที่จำต้องกล่าวในที่นี้ด้วยก็เพราะว่าวงการนี้เป็นวงการที่ไม่ค่อยมีผู้รู้ ส่วนมากพอรู้เข้าหน่อยก็สถาปนาตนเองเป็นอาจารย์ ไม่ศึกษาค้นคว้าต่อไป แล้วก็ทายตามตำราไปอย่างผิดๆถูกๆ ถ้าผิดมากกว่าถูกคนก็เสื่อมไปเอง ผลก็คือพลอยให้ผู้คนเขาพากันดูถูกวิชาโหราศาสตร์ ในการศึกษาตำราเล่มนี้ [ โหราศาสตร์ภาคพิเศษ ] ... ใคร่ขอเชิญชวนให้ท่านถอดคราบอาจารย์ออกเสียที แล้วประพฤติตนเสียใหม่ ทำตนเป็นนักศึกษา ค้นคว้าหาความจริงกันจะดีกว่า สิ่งใดถ้ารู้ไม่จริงก็อย่าไปตั้งตนเป็นหมอดู หาเงินเลี้ยงอาตมา เพราะรู้ไม่จริง
ไปรับอาสาทำนายทายทักเขาจะเป็นบาปกรรมอย่างรุนแรงยิ่งนัก บางที่ทำให้เขาถึงแก่ล้มละลายก็มีจำนวนมาก ...
... ข้าพเจ้า [ ท่าน อ.พลูหลวง ] ... ขอแนะนำให้ท่านศึกษาหาความจริงจากดวงบุคคลจริงๆ ที่ชีวิตของเขาเป็นความจริงอันปรากฏอยู่แล้วดีกว่าไปศึกษาตำราที่ไร้สาระ และถ้าท่านปฏิบัติได้เช่นนี้ก็จะทำให้หูตาท่านสว่าง และจดจำไปจนวันตายทีเดียว ... ในการศึกษาจากดวงของจริงมาจากอาชีพหลายสาขานี้เป็นสิ่งจำเป็นมาก ประโยชน์ที่ได้รับคือ ...
๑ ทำให้สามารถกำหนดอาชีพแปลกๆได้
๒. ทำให้รู้ถึงอิทธิพลดวงดาวที่มาผสม และทดแทนกันได้
๓. ทำให้่ก็นส่วนโน้มเอียงของดาสวหลักในดวงชาตา
๔. ทำให้สามรถอ่านดวงดาวได้ อย่างลึกซึ้ง
... ชาย นาวาอากาศเอก เป็นสถาปนิกทำงานระดับหัวหน้ากอง
... วัน ๖ ขึ้น ๓ ค่ำเดือน ๑ ระกา ...
... วันที่ ๒ ธันวาคม ๒๔๖๔ เวลา ๑๓.๓๐ น.
๑. ดาว ๒ ลอยอยู่ในเรือนกัมมะ มีดาวธาตุลมอันเป็นธาตุแห่งความคิดฝัน กับศิลป คือ ๐ โยคหน้า ... ๖ โยคหลัง ทำให้เกิดการงานเกี่ยวข้องกับความคิดความฝันและการออกแบบศิลป ...
... ดาวพลูโตเล็งไปยังดาว ๒ ในเรือนกัมมะ ได้แผ่รังสีดาวคู่ของตนคือดาว ๖ ศิลป ทำให้ดาว ๒ รับรังสีจากดาว ๖ ศิลปเต็มที่ ดวงนี้จึงทำงานเกี่ยวข้องกับศิลป ...
๒. ดาวเนปจูน ตนุลัคน์ อยู่ราศีกรกฏ มีดาวพลูโตเป็นกัมมะ ซึ่งก็มีดาวคู่ศิลปคือ ๐ กับ ๖ ตรีโกณถึงทุกจุด อาชีพจึงเกี่ยวกับศิลป ...
๓. ดาว ๕ กัมมะลัคนาไปกุมดาว ๓ ทห่ร การงานของเจ้าชาตาจึงเป็นอาชีพทหาร เนื่องจากข้อ ๑ และข้อที่ ๒ ดาวธาตุลมสัมพันธ์ถึงกัมมะทั้งสิ้น ทหารนั้นจึงคือทหารอากาศตามลัคนาธาตุลมนั้นเอง ดาว ๙ ธาตุลมอีกดวงหนึ่งกุมลัคนา ก็บ่งถึงความโน้มเอียงเกี่ยวกับลมเห็นได้ชัดเจนดีแล้ว ...
๔. เนปจูนตนุลัคน์อยู่ในเรือนดาว ๒ ดาว ๒ จึงเป็นตนุของตนุลัคน์ เมื่อตั้งลัคนาสามที่นั่น เรือนกัมมะคือดาว ๓ ทห่ร กุมดาว ๕ กัมมะลัคนา อาชีพจึงเกี่ยวกับทหารเห็นได้ชัดอีกเช่นกัน ...
... ดาว ๔ กัมมะ ของตนุลัคน์ ๒ [ ตัวที่สอง ] ... กุมดาว ๑ อันดาว ๑ นี้คือลักษณะพิเศษของสถาปนิก ตามที่ได้ค้นคว้ามาแล้วเพราะว่าศิลปที่เรียกว่า วิจิตรศิลป นั้นมีอยู่ ๕ สาขา คือ ...
๑. จิตรกรรม [ การเขียนรูป ] ...
๒. ประติมากรรม [ ปั้น, แกะสลัก ] ...
๓. คีตกรรม [ ดนตรี ] ...
๔. วรรณกรรม [ การเขียนหนังสือ ] ...
๕. สถาปัตยกรรม [ การออกแบบบ้าน , อาคารต่างๆ ] ...
... ทั้ง ๕ สาขานี้เป็นแขนงที่แยกไปจากดาว ๖ วิจิตรศิลป แต่ละสาขาก็มีดาวประจำประเภทศิลปประกอบด้วย ตามที่ค้นคว้าไว้มีผลดังนี้ ...
... ดาว ๔ วรรณกรรม , ดาว๑ สถาปัตยกรรม , ดาว ๗ ประติมากรรม , ดาวเนปจูน จิตรกรรม , ดาว ๐ คีตกรรม
... ดาว ๔ เป็นดาวหนังสือ กวีนิพนธ์ ที่จริงก็เป็นดาวเกี่ยวกับเสียงด้วย ดาว ๕ เป็นดาวสมอง จะต้องใช้ความคิดและจินตนาการ แสดงออกมาทางตัวหนังสือ ดาว ๔ เป็นธาตุดิน อันเป็นธาตุที่จำเป็นต้องประจักษ์ด้วยตา และหู ...
... ดาว ๑ ธาตุไฟ เป็นธาตุสร้างสรรค์ บ่งถึงความมีเกียรติ สถาปัตยกรรมเป็นงานอันแสดงเกียรตืยศของมนุษย์ ความโอ่อ่า
ความมั่นคงของบุคคลจะแสดงออกเกี่ยวกับ สถานที่อยู่และเครื่องใช้รวมกับทรัพย์ศฤงคารภายในบ้าน ดาว ๑ จะเป็นดาวอันแสดงประจักษ์ทางเกียรติยศ เกียรติภูมิของมนุษย์ เจดีย์สถานอันงามวิจิตร พระราชวังอันโอ่อ่า อาคารที่สวยประหลาดล้ำ
ฯลฯ เหล่านี้ คือ แววแห่งเกียรติยศที่เป็นเครื่องที่แสดงให้ทุกคนได้รู้ ให้จับใจต่อสิ่งเหล่านั้นๆ งานสถาปัตยกรรม งานออกแบบล้วนเป็นสิ่งอันหรูหราพิสดาร บ่งถึงฐานะอันอัครฐานของบุคคลได้เป็นอย่างดี ดาว ๑ คือการสร้างสรรค์ การแสดงออกซึ่งงามสง่า ผสมกับ ความหรูหรา ความด่นอันชี้ให้เห็นฐานะของบุคคลได้เป็นอย่างดี ...
... ดาว ๗ ประติมากรรม อันสร้างประติมากรรมแต่ละชิ้นที่จะสำเร็จมาได้จะต้องออกแรง มีความวิริยะแรงกล้า ต้องเหน็ด
เหนื่อยยิ่งกว่างานศิลปประเภทอื่น จัดว่าเป็นดาวธาตุดิน กรรมวิธีทำ ต้องเกี่ยวกับดิน หรือหิน กับโลหะล้วนเป็นพวกธาตุดินทั้งสิ้น ดาว ๗ เป็นดาวที่แสดงงานหนัก เหมือนปลวกที่สร้างรังพอกพูนขึ้น บางครั้งดาว ๓ ก็จะเข้ามามีบทบาททางนี้อยู่ แต่
ดาว ๓ เป็นธาตุน้ำไม่ต้องโฉลก เพราะน้ำไม่อาจปั้นเป็นตัวได้ นอกจากน้ำแข็ง ...
... ดาว ๐ ดนตรี เป็นธาตุลม จัดว่าเหมาะที่สุด สมัยโบราณถือว่า อาทิตย์คือ อะพอลโล่ เป็นเทพเจ้าแห่งดนตรี แต่อาทิตย์เป็นธาตุไฟ ไม่เหมาะเท่ากับมฤตยูที่เป็นธาตุลม คือน้ำเสียงล่องลอยไปไกล เมื่อฟังแล้วเกิดความประทับใจ สร้างอารมณ์
จินตนาการอย่างสูง ดนตรีเกิดจากการเสียดสี และเครื่องมือจะต้องเป็นของโปร่งมิใช่ทึบ ล้วนเป็นธาตุลม เสียงกลองอันระบือไปไกล คือธาตุลม อันซอกซอนไปทุกหนทุกแห่ง ในการจะดูว่าดวงใดเป็นนักดนตรี จะต้องดูดาว ๐ มาสัมพันธ์กับลัคนา , ตนุลัคน์ และกัมมะอย่างใดอย่างหนึ่งด้วยเสมอ แต่ก่อนเข้าใจว่าดาว ๐ คือจิตรกรรม แต่เมื่อศึกษาอย่างละเอียด
ก็คือ ดาว ๐ ธาตุลม อันเป็นตัวการโดยตรง ...
... ดาวเนปจูน จิตรกรรม เป็นธาตุน้ำ แสดงอาการเคลื่อนไหวของฝีแปรงดินสอกับวัสดุอื่นๆ จะต้องมีการผสมสี การแรเงา
ให้มีแสงกลมกลืนกัน เล่านี้คือ อาการของธาตุน้ำ ...
... ดาวเหล่านี้เมื่อแยกแยะศิลปสาขาต่างๆก็จะได้ครบธาตุทั้ง ๔ ดังนี้ ...
... จิตรกรรม ดาว เนปจูน ธาตุน้ำ
... ประติมากรรม ดาว เสาร์ ธาตุดิน
... วรรณกรรม ดาว พุธ ธาตุดิน
... คีตกรรม ดาว มฤตยู ธาตุลม
... สถาปัตยกรรม ดาว อาทิตย์ ธาตุไฟ
... เมื่อรู้ประเภทดวงดาวอย่างนี้แจ่มชัดแล้ว ถ้าดาวใดมาสัมพันธ์ถึงอีกก็อาจจะแยกประเภทว่าท่านผู้นั้นชำนาญและชอบทางไหน ...
... อย่างเช่นจิตรกรรม ดาวเนปจูนธาตุน้ำ เมื่อมีดาว ๑ มาผสมด้วย แสดงว่า ท่านผู้นี้ชอบเขียนภาพคนที่เรียกว่า ...
" ภาพพอทเทรท " หรือดาวพลูโตสัมพันธ์ถึงดาวเนปจูน บ่งว่าชอบเขียนงานประเภทโบราณ เช่น โบราณสถาน สิ่งเร้นลับ
หรือเซอเรียลลิสม์ [ ลัทธิเหนือจริง ] ...
ถ้าดาว ๐ สัมพันธ์ถึง ดาว เนปจูน จิตรกรรม ก็แสดงว่าชอบทำงานสมัยใหม่ และฝันๆ ไปยังต่างแดน
หรือโลกแปลกๆ ถ้าดาว ๒ สัมพันธ์ถึงดาว เนปจูน จะทำให้อ่อนโยนชอบเขียนภาพดอกไม้ หญิงสาว กับสิ่งละเอียดประณีต
... วรรณกรรมดาวพุธก็เช่นกัน ถ้าดาว ๗ สัมพันธ์ถึงดาว ๔ มักเขียนเรื่องเศร้า ความยากเข็น เดือดร้อนของมนุษย์ ... ถ้าสัมพันธ์ถึงดาวอังคาร ชอบการต่อสู้เร้าใจ ดาว ๐ ถึงดาว ๔ ชอบการเผชิญโชค ฝันเฟื่องไปยังบ้านเมืองไกลๆ หรือค่อนข้าง
ฟุ้งฝัน ถ้าดาว ๘ ถึง ๔ จะชอบแต่เรื่องการพนัน อบายมุข มีเล่ห์เหลี่ยม สิ่งเหล่านี้ จะอ่านได้อย่างชัดเจนมาก ดาวพลูโตถึง ๔ จะชอบเรื่องลึกลับ เรื่องผี ไสยศาสตร์ ดาว ๙ ถึง ๔ ก็เช่นเดียวกัน หริอดาว เนปจูนถึง ๔ จะชอบเรื่องเกี่ยวกับการสมาคม
ผู้คน และนักสืบ ฯลฯ เป็นต้น ...
... คำที่กล่าวว่า ... ดาวพลูโตเล็งไปยังดาว ๒ ในเรือนกัมมะ ได้แผ่รังสีดาวคู่ของตนคือดาว ๖ ศิลป ทำให้ดาว ๒ รับรังสีจากดาว ๖ ศิลปเต็มที่ ดวงนี้จึงทำงานเกี่ยวข้องกับศิลป ... นั้น ... นักโหราศาสตร์ทุกท่านจะต้องเรียนรู้ดาว เกษตร เรือนเดียว
ของ ท่านอาจารย์ พลูหลวง คือราศีกุมภ์ ดาว ๐ เป็นเจ้าเรือนเกษตร ... ราศีมีนมีดาว เนปจูนเป็นเจ้าเรือนเกษตร ...ราศีเมษ
ดาว พลูโต เป็นเจ้าเรือนเกษตร ... ราศีพฤษภมีราหูเป็นเจ้าเรือนเกษตร ... ราศีมิถุน เกตุ เป็นเจ้าเรือนเกษตร ... ดังนั้นถ้ามีดาว ๑ เล็งย่อมจะต้องแฝงรังสีดาวคู่ของตนคิอ ดาว ๐ มาหาสู่ได้อย่างเต็มที่ ...
... สวัสดีครับ ...
... อ.ธนเทพ ปฏิพิมพาคม ...