ชีวประวัติ อ.ธนเทพ ปฏิพิมพาคม

เมื่อปีพ.ศ. ๒๔๙๕

... หลวงพ่อ นอ วัดกลางท่าเรือ ...

... อ.ธนเทพ ปฏิพิมพาคม ...

... ณ.ปัจจุบัน ...

... ชีวิตในวัยเด็กของผมเกิดมาเพื่อเล่นดนตรีโดยตรงอายุ๑๒ ปีมีนักดนตรีคนหนึ่งชื่อว่า" พี่อ๊อด "ได้มาสอนผมเล่นกีต้าร์อยู่ประมาณ ๑ เดือนแล้วแกก็ไปเล่นดนตรีที่คลับไม่มีเวลามาสอนผมอีก แต่ผมก็ถือว่าแกเป็นอาจารย์ของผมตลอดชีวิต ... อย่างแน่แท้ ...

... หลังจากนั้นผมก็ฝึกด้วยตัวเองปราศจากครูบาอาจารย์ที่จะชี้แนะนำอีกต่อไป ...

... [ พี่อ๊อด ที่ได้กล่าวถึง ได้มรณะกรรมไปแล้วเมื่อวันที่ ๖ ก.พ. ๒๕๕๕ ] ...

... ในตอนนั้นผมอยู่ร.ร.เซ็นต์คาเบรียลก็มีเพื่อนนักเรียนชวนรวมวงขึ้นมาเล่นตามงานต่างๆไปเรื่อย จนเกิดความชำนาญอยู่ ๔ - ๕ ปีพอจบ ม.๖ ก็ไปเล่นดนตรีที่แสมสารซึ่งเป็นแค๊มป์ฝรั่งสมัยนั้น ... ผมก็เล่นมาเรื่อยๆเดิมทีเล่นกีต้าร์ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นคีย์บอร์ด สลับไปสลับมาหยุดบ้างเล่นบ้างไปเรื่อย จนพ.ศ.๒๕๓๘ บิดาผมป่วยหนักเลยไปที่วัดบวรหาโหรให้ดูดวงคุณพ่อผม ทางโหรเขาก็รู้จักคุณพ่อผมดีบอกว่า ...

" ท่านอายุยืนไม่เป็นไรหรอกอยู่ถึง ๙๐ ปีกว่าแน่นอน "

ผมฟังแล้วก็ดีใจอย่างมากแต่พอหลังจากนั้น บิดาผมได้รับการผ่าตัดและเสียชีวิตใน ๒ วันหลังผ่าตัดทั้งๆที่แพทย์บอกว่า ...

"ผลของการผ่าตัดเป็นที่พอใจของแพทย์ " ?...

หลังจากที่บิดาเสียชีวิตไป ผมก็มาครุ่นคิดว่า " จะทำอย่างไรกับชีวิตตัวเองดี "...

พอดีที่บ้านคุณพ่อมีหนังสือโหราศาสตร์อยู่ ๓ เล่มคือ ...

...[ ที่จริงมีเยอะแต่ตอนนั้นยังไม่เจอ ] ...

๑. อ.บรรเทา ๒. อ.พลูหลวง ๓. อ.ประทีป "โหรทายหนู"...

... ผมก็เลยเริ่มศึกษาวิชาโหราศาสตร์ กินข้าวเย็น ๖โมงขึ้นห้องพระอ่านตำราจนถึง๑๐โมงเช้าทำอย่างนี้ทุกวันเป็นเวลา๒ปีเต็มและต่อมา ผมก็รู้สึกได้ด้วยตัวเองว่า ...

" โหราศาสตร์เป็นศาสตร์ที่สุดยอดและลึกล้ำจริงๆ "

เพราะยิ่งเรียนมากเข้ายิ่งเหมือนกับว่าเราแทบไม่รู้อะไรเลย ! เข้าตำราว่า ...

" ยิ่งเรียนยิ่งโง่ ยิ่งโตยิ่งเซ่อ พอนานไปยิ่งมึน "

กระมังครับ...คือยิ่งเรียนมากขึ้นเราจะรู้สึกว่ารู้น้อยมากขึ้นไปทุกที ...

...ท่านผู้อ่านเอาละครับตอนนี้พอแค่นี้ก่อนมีตอนต่อไปอย่างแน่นอน ... เรื่องราวพึ่งจะเริ่มต้นเท่านั้นเองครับ ...

...กว่าจะมาเป็นโหร...

... ผมชื่อ ธนเทพ ปฏิพิมพาคม เกิดเมื่อ วันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ ๒๔๙๕ ...

... บิดาชื่อ พล.ต.ท.ชัยยงค์ ปฏิพิมพาคม ...

... มารดาชื่อ นางอุสา ศรีดามา ...

... ครอบครัวของผมมีทั้งหมด ๕ คน ...

... คนที่ ๑. นางนงเยาว์ ทรัพย์ประดิษฐ์ [ พี่อ๊อด ]

๒. นางพิมประไพ จันทร์สืบ [ พี่แอ๊ด ]

๓. นายขจรชัย ปฏิพิมพาคม [ พี่อู๊ด ]

๔. นางแน่งน้อย ศรีดามา [ พี่อี๊ด ]

๕. อ.ธนเทพ ปฏิพิมพาคม [ น้องสุดท้อง - เอ็ก ]

... ผมเป็นลูกชายคนสุดท้อง ...ในตระกูล ได้รับการตามใจมาแต่เยาว์วัย

จนน่าที่จะเสียผู้เสียคนแต่ด้วยเมื่ออายุได้ ๕ ขวบ ...

บิดาได้อบรมสั่งสอนโดยการ ให้ลูกๆทุกคนก่อนที่จะเข้านอนให้ไป

รวมตัวกันที่ห้องพระ ...ในนั้นจะมีหนังสือสวดมนต์อยู่ด้วย ...

คุณพ่อก็จะบอกให้ทุกคนสวดมนต์พร้อมกันหลังจากสวดมนต์เสร็จสรรพ

ก็จะให้ทุกคนนั่งทำสมาธิกันประมาณ ๕-๑๐ นาที ...

ให้หลับตา สำรวมจิตนึกถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่ตั้งแล้วให้

ภาวนา พุทโธ ตามลมหายใจเข้า-ออก ...

ซึ่งพฤติกรรมทั้งหลายนี้ ให้ทำทุกค่ำคืนเป็นนิจศีล ...

... ผมจึงคิดว่า ด้วยกุศลบุญที่ได้ปฏิบัติธรรมมาตั้งแต่เยาว์วัย ทำให้ผม

ไม่ได้ตกอยู่ในอบายมุขใดๆ ... มาจนตราบเท่าทุกวันนี้ ...

... ในวัยเด็ก ผมเติบโตมาท่ามกลางความอบอุ่นจาก บิดาและมารดา

ซึ่งคอยดูแลเอาใจใส่ผมเป็นอย่างดี [ จิงป่าว! ] ตั้งแต่เยาว์วัย ...

ผมยังจำได้ตราบเท่าทุกวันนี้ ตอนผมยังเป็นเด็กเล็ก ยังไม่โต ...

ในตอนเช้าที่จะต้องตื่นนอนเพื่อที่จะไปโรงเรียน คุณแม่จะต้องปลุกลูกๆทุกคน

ไปโรงเรียน ท่านจะปลุกพวกพี่ๆ ๔ คนในตอนเวลา 5.30 น.

แต่ปลุกผม 6.00 น. [ ลำเอียง ] ...

พอตื่นขึ้นมา พวกพี่ๆ จะนั่งกินอาหารไทย กัน ทั้ง 4 คน ...

ส่วนผมนั่งกินอาหารฝรั่ง [ มิน่าโตขึ้นถึงร้องเพลงฝาหรั่ง ] กับคุณพ่อทุกวันกัน 2 คน

เรื่องขนมหรือไอติม ฯ ผมได้ 5 แท่ง พวกพี่ๆ ได้คนละ 3 แท่ง [ คุณแม่น่ารัก ] ...

เป็นเช่นนี้จนกระทั่งผมอายุ 16 ปี จากบ้านไปเล่นดนตรีนั่นแหละครับ ...

... ตราบจนกระทั่งแตกเนื้อหนุ่ม ...

... ในช่วงนี้จะเป็นประวัติของผมที่ว่า ...

... กว่าจะมาเป็นโหรให้ทุกท่านได้รับฟัง ณ.บัดนี้ ...

...ในตอนที่ ๑. เรื่อง การจากไปของบิดาข้าพเจ้า...

...พล.ต.ท.ชัยยงค์ ปฏิพิมพาคม...

... ตอนปี ๒๕๓๕ ปลายๆปี ... ขณะนั้น ผมยังเล่นดนตรีอยู่เป็นประจำ ... เกิดความรู้สึกอยากศึกษาเกี่ยวกับการดูดวง ...

ในตอนแรกๆก็หัดดูไพ่ยิปซี ซึ่งตอนนั้นกำลังเป็นที่นิยมกันผมก็ซื้อหนังสือของ อ.ต่างๆที่เกื่ยวกับไพ่ยิปซี...

มาอ่านอยู่หลายเล่มด้วยกัน ...

ดูไปดูมายังรู้สึกสับสนอยู่มาก ... ก็เลยไปหาซื้อตำรากร๊าฟ เลข ๗ตัวฯลฯ

มาลองศึกษาดู ... หัดทายเพื่อนๆและญาติ ...

ไปเรื่อยก็ยังไม่ประสบกับความสำเร็จใดๆ ... ทายถูกบ้าง ผิดบ้าง ...

... จนรู้สึกเริ่ม ...ท้อแท้ ... หาความแน่นอนอะไรจากตัวเองไม่ได้ ...

... จนค่อยๆรามือลงไป ... ในที่สุด ...

... จนกระทั่งมาเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๖ ปลายๆปี ถึงปี ๒๕๓๘...ระยะนั้นคุณพ่อผมอาการไม่ดีต้องนอนอยู่ที่

ร.พ. ตำรวจผมก็ไปเยี่ยมท่านอยู่เป็นประจำ ... บางทีก็ถามคุณพ่อเกี่ยวกับเรื่องโหราศาสตร์ ...

... ซึ่งท่านเคยศึกษามาอยู่ก่อนแล้วแต่ท่านก็บอกว่า...

ตอนนี้ท่านจำอะไรไม่ได้แล้วเกี่ยวกับวิชาโหราศาสตร์ ... มันลืมไปแล้วหมดสิ้น ...

[ แม้กระทั่งเซ็นต์ชื่อตัวเองยังทำไม่ได้ต้องใช้ปั๊มลายนิ้วมือเอาเลย ! ]

... ในบางครั้งพี่ชายผมมาเยี่ยมท่านยังจำไม่ได้ต้องถามว่า " คนอ้วนๆที่ยืนข้างแม่แกเป็นใครกันละ "

ผมก็เข้าใจท่านและไม่ได้ถามท่านอีกต่อไป ... ตัวคุณพ่อผมเองเดิมทีสามารถทาย

ดวงชาตาได้อยู่ในขั้นไม่ธรรมดาเพราะเคยเห็นบรรดาญาติๆ และมิตรสหาย ...

มาให้ท่านดูดวงกันอยู่เป็นประจำ ...

คุณพ่ออยู่โรงพยาบาลมาตั้งแต่ปี ๒๕๓๖ ...

ต่อมาในเดือนมีนาคม ๒๕๓๘ คุณพ่ออาการไม่ค่อยดี ...

มีปัญหาหมอลงความเห็นว่าควรจะต้องผ่าตัดซึ่งจะต้องปรึกษากับบรรดา

ญาติก่อน ... ตอนนั้นผมก็คิดอะไรไม่ออก ...

พอคิดออกมาได้ก็รีบไปที่หน้าวัดบวรทันที ... ในสมองสั่งงานว่าต้องไปดูดวง

ให้คุณพ่อจะดีกว่าที่หน้าวัดบวรจะมีชมรมโหราศาสตร์อยู่ ...

มี ... อ.หมอดูอยู่หลากหลาย ... เมื่อไปถึงที่นั่นผมก็ตรงไปหา อ.ผู้หนึ่งบอก ...

วัน เดือน ปีเกิดและชื่อของคุณพ่อให้ อ.ดูดวง ... ให้ ...

พอเห็นชื่อคุณพ่อ อ.ท่านนั้นก็จำได้ ... หลังจากตรวจดวงชาตาคุณพ่อ

เสร็จก็กล่าวว่า " ท่านอายุยืนผ่าตัดได้ ...ไม่มีปัญหาอะไรครับ "

ผมได้ฟัง ...ใจก็มาเป็นกองรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก ...

พอกลับมาถึงบ้าน ... คุณแม่และพี่ๆของผมได้ลงความเห็นกันแล้วว่าต้อง

ยอมให้หมอ ... ผ่าตัดคุณพ่อในตอนนั้น ...

ผมก็เสริมไปอีกว่า ไปดูดวงมาแล้ว ... อ.หมอ บอกว่าผ่าตัดได้เลย ไม่มีปัญหา ...

ทุกคนก็มีสีหน้าดูดีขึ้น ... คือเลิกเครียดกัน ... หลังจากวันนั้น ...

ในวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๓๘ได้พาคุณพ่อไปผ่าตัดที่ ร.พ.กรุงเทพพอเช้าวันที่ ๒

หมอก็ลงมือผ่าตัดคุณพ่อ ...

เสร็จสรรพหลังผ่าตัด มีคุณหมอท่านหนึ่งเดินมาเยี่ยมคุณพ่อ ... แล้วกล่าวว่า

" ผลการผ่าตัดครั้งนี้ เป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่งครับ "

ทุกคนได้ฟังแล้ว ... ก็รู้สึกคลายใจกันไปทุกคน ... แต่แล้ว ... อย่างไม่คาดฝัน

ในตอนเที่ยงๆของวันที่๔ มีนาคม ๒๕๓๘ พี่สาวได้โทรศัพท์มาหาผมแล้วบอกว่า

" เอ็กซ์ คุณพ่อ อาการไม่ดีรีบมา ร.พ. ด่วน "

เท่านั้น ผมก็รีบไป ร.พ. อย่างรวดเร็ว...ทันที...

ที่หน้าเตียงคุณพ่อ ... ห้อมล้อมไปด้วยครอบครัวของผม ...

พวกเราเวียนกันเข้าออกดูอาการของ ... คุณพ่อ ...

จนกระทั่งถึงเวลา ๑๙.๐๕ น.คุณหมอได้เข้ามาถามบรรดาญาติๆว่าจะให้ดึง

สายยางออกจากตัวคุณพ่อไหม? พวกเราก็บอกไปว่า ...ไม่ต้อง ...ให้ท่านจากไป

โดยตามธรรมชาติ ... ดีกว่าหลังจากนั้นพวกเราก็ยืนห้อมล้อมรอดูการจากไป

ของท่านอย่างสงบ ... พอถึงเวลา ๑๙.๔๕ น.คุณพ่อก็ได้จากพวกเราไป ...

อย่างไม่มีวันกลับ ... จะไม่ได้พบพานกันอีกตลอดกาล ...ในชาตินี้ ...

... ติดตาม กว่าจะมาเป็นโหรตอน ๒ ...

... กว่าจะมาเป็นโหร ตอน ที่ ๒ ...

... เกร็ดย่อยๆก็คิอ...ในช่วงแรกของการเรียนรู้โหราศาสตร์...ผมซื้อหนังสือที่เกี่ยวกับโหร...จนหมดร้านเขษมบรรณากิจ [ ค่อยๆซื้อนะครับ ... ทีละ๑๐๐๐ - ๒๐๐๐...จนบางครั้งวันเดียว ๗๕๐๐บาท ... ทีเดียวครับ ] บางที

ก็มีเงินซื้อเอง ... บางทีพี่สาวก็ช่วยออกเงินซื้อให้ ... หรือว่าบางครั้ง ... เพือนๆผมที่มีสตางค์ก็ให้ตังค์มามา

ซื้อเอง ... ครับ ... เลยรู้สึกว่า ... ตัวเราเองนี่ค่อนข้างจะเฮงเอามากๆนะ

[ น่าจะเป็นเพราะ ดาว ๕ ในดวงเดิมผมมีตำแหน่ง ราชาโชค ก็เป็นได้ ...

ก็เลยเฮงอยู่บ่อยๆ แต่ต้องเฮงตอนที่ลำบากนะ เพราะดาว ๕ ผมอยู่ภพอริลัคน์ ] ...

ครับ...หนังสือโหราศาสตร์...ในบางอาจารย์...ไม่มีขายในท้องตลาดครับ...ต้องไปซื้อด้วยตนเองหรือ...สั่งทางไปรษณีย์เช่น ของ อ.จำรัส ศิริ ...

อ.สถิตย์ สถิตยืนยง...และ อ.เสวก นิ่มวงศ์ ฯลฯ ...

... ตอนที่ ๒ วิถีชีวิตของการเป็นโหร ...

หลังจากการจากไปของบิดา ... ผมก็เกิดความรู้สึกว่า ... ทุกสิ่งทุกอย่างใน

โลกเรานี้ ... ล้วนแต่เป็น ... อนิจจัง ... ทุกขัง ... อนัตตา ...

หาความแน่นอนอะไรไม่ได้ ... คิดไปคิดมา ...พอคิดตกก็ตรงดิ่งไปที่บ้านคุณพ่อ

ทันทีแล้วก็เข้าไปในห้องสมุดค้นหนังสือโหราศาสตร์ของคุณพ่อได้มา ๓ เล่มคือ ...

๑. พื้นฐานของโหราศาสตร์ ความมหัศจรรย์ของตัวเลข...ของอ.พลูหลวง

๒. ตำราโหรทายหนู ของ อ.ประทีป อัครา

๓. เคล็ดลับกลไกโหราศาสตร์ของ อ.มหาบรรเทา ...

พอได้หนังสือทั้ง ๓ เล่มก็รีบเดินทางกลับบ้านผมในทันทีทันใดไม่รอช้า ...

หลังจากวันนั้นผมก็เริ่มศึกษาวิชาโหราศาสตร์จากหนังสือคุณพ่อทั้ง ๓ เล่มนั้นอย่างขมักเขม้น กล่าวคือพอกินข้าวเย็นเสร็จประมาณ ๑๙.๐๐ น.ก็ขึ้นไปที่ห้องพระ ... ปิดประตูแล้วก็เริ่มลงมือศึกษาค้นคว้า ... อย่างจริงจัง ... จนถึง ๑๐.๐๐ น.เช้าวันรุ่งขึ้น เป็นเวลา ๒ ปีเ็ต็ม ... อย่างเอาเป็นเอาตาย ...

ในเวลา ๓ วัน ผมสามารถท่องจำ ดวงดาวมาตราฐานเช่น ดาวเกษตร ดาวอุจจ์ ดาวราชาโชค ... ดาวมหาจักร ฯลฯ ได้จนขึ้นใจ ... นอนหลับตาก็เห็นภาพดวงดาวต่างๆลอยอยู่เต็มไปหมด ... พอจำดวงตำแหน่งมาตราฐานได้ ก็ต้องมาทำความเข้าใจกับ ยามอํฐกาล หรือความหมายของดวงดาวต่างๆอีกมากมาย ...

ท่องโคลงกลอนโหราศาสตร์อีกหลายบทกลอน ...จนหัวตื้อไปหมด ...

เพราะการเริ่มเรียนรู้โหราศาสตร์นั้น ขั้นแรกจะต้องเข้าใจความเป็นมาของดวงดาวทั้งหมดมีทั้งดาวคู่มิตร ดาวคู่ศัตรู คู่ธาตุ คู่สมพล...ตอบว่าเพียบแหละครับ แต่ถ้าให้ดีควรท่องโคลงกลอนของโหราศาสตร์ให้ได้ก่อนอันดับแรก...ทำความเข้าใจกับดวงดาวต่างๆ เพราะความรู้นั้นเกิดความเข้าใจ ...ไม่ใช่การท่องจำ ... แต่ว่าก็เป็นสิ่งที่แปลกประลาดเกิดขึ้นกับผม ... กล่าวคือ ในระยะที่ผมเริ่มศึกษาโหราศาสตร์ไปซักพัก ... กลับมีคนข้างบ้านหรือเพื่อนบางคน ... มาให้ผมดูดวงให้อยู่เป็นจำนวนมาก แถมให้เงินค่าบูชาครูอย่างน้อยคนละ ๑๐๐ บาทเป็นอย่างน้อย ... บางครั้งยังต้องกางตำราดูดวงให้ผู้คนก็ยังมี [ เรื่องจริงครับ ] ...

และทุกคนก็เต็มใจในการที่กางตำราดูดวง ...

ซึ่งตอนนั้นผมก็รู้สึก ... กระอักกระอ่วนใจอยู่พอสมควรในการที่ต้องดูดวงคน ...โดยที่เราก็พึ่งศึกษาวิชานี้เป็นระยะเวลาแรกเริ่มเท่านั้น ...ในตอนนั้นประมาณ ๖ เดือนหลังจากที่ได้ศึกษาโหราศาสตร์... ผมได้ไปที่ร้านเขษมบรรณากิจ ... ที่เวิ้งนครเกษมไปซื้อหนังสือโหราศาสตร์ตามปกติวิสัย ...พอดีนึกขึ้นมาได้เลยได้ถาม ...

เจ้าของร้านถึงเบอร์โทรของ ... อ.พลูหลวง ... ทางเจ้าของร้านกับคุณพ่อผมสนิทสนมกันอยู่แล้ว ...

แกจึงบอก ... เบอร์โทร อ.พลูหลวงให้ผมมา ...

...พอกลับถึงบ้านผมก็รีบโทรไปหา...ท่าน อ.พลูหลวงทันที...ท่านเป็นคนรับสายเองผมก็บอกกับท่านว่าผมได้เบอร์ท่านมาจากเจ้าของร้านเขษมบรรณากิจอยากจะถามท่านว่าผมสามารถที่จะเรียนโหรได้ดีหรือไม่?...

ท่านก็ตอบว่า " คุณเป็นคนราศีอะไรละ?"... ผมก็ตอบว่า " ผมเป็นคนราศีพิจิกครับ...

มีเกตุกุมลัคน์ ... มี หนึ่ง สี่ หก ... เล็งลัคน์ ... ราหูเป็นเกษตรอยู่ภพพันธุ ...

เล็งดาวจันทร์ที่ภพกัมมะ ...

เสาร์เป็นอุจาวิลาศอยู่ที่ราศีกันย์ภพลาภะ ... อังคารเป็นประอยู่ที่ภพวินาศ...

ที่ราศีตุลย์...มฤตยูอยู่ภพมรณะ...ส่วนพฤหัสเป็นราชาโชคอยู่ที่ราศีเมษ ... ครับ "

ท่านถามว่า " แล้วเนปจูน พลูโต แบคคัสอยู่ที่ไหนละ? "...

ผมตอบว่า " เนปจูนอยู่ที่กันย์...พลูโตกับแบคคัสอยู่ที่กรกฏ...ครับ "

ท่านก็ตอบมาว่า " คุณเป็นคนที่มีญาณในการทำนาย...เรียนรู้ได้รวดเร็ว...

มีความสนใจในศาสตร์ลึกลับ...สามารถเป็นโหรได้..."

เท่านั้นแหละครับ...ใจผมมาเป็นกอง...นึกในใจว่า...ลุย...

แล้วท่านยังแนะนำให้ผมไปซื้ออุปกรณ์ในการดูดวง...จาก อ. มานิตย์...

เป็นโปรแกรมโหรอยู่ในเครื่องคิดเลข...หรือโปรแกรมโหรที่ใช้กับคอมพิวเตอร์...

ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานผมก็ไปซื้อที่ อ.มานิตย์...ทั้ง ๒ โปรแกรมๆละ ๕๐๐๐ บาท...

รวม ๒ โปรแกรม...๑๐๐๐๐ บาท...พอดี...มึนไปเลย...!

คุยกับท่านอยู่ประมาณ ๒๕ นาที... มีประโยชน์กับผมอย่างมหาศาล...

... มากในตอนนั้น ...

... เกร็ดย่อยประวัติของผม ...

... เกร็ดย่อยประวัติของผม ...

...ตั้งแต่เริ่มแรกเดิมทีมานั้นผมเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่อถือในเรื่องการดูดวง จากโหร หมอดู ฯลฯ ตอนเด็กๆมีหมอดูเดินมาบอกว่าจะดูดวงให้ ผมยังบอกว่า " ไปข้างหน้าก่อน " พูดกันชัดๆตามประสาเด็กพอโตขึ้นมาผมก็เห็นคุณพ่อท่านนั่งอ่านหนังสือโหราศาสตร์อยู่เป็นประจำๆ ในบางครั้งก็มีคนเข้ามาให้คุณพ่อผมตรวจดูดวงชาตาให้เป็นครั้งเป็นคราวอยู่ประจำ ...

​...โดยเฉพาะเมื่อเวลาที่คุณพ่อติดตามไปราชการกับคุณลุงพิชัย กุลละวณิชย์

[ตำแหน่งเจรตำรวจในสมัยนั้น ] ซึ่งถ้าไปแถวชะอำหรือ หัวหิน ผมก็มักจะได้ติดตามไปด้วยเสมอ...

[ ถือโอกาสไปเที่ยวด้วยนะ ]

และที่ผมเห็นอยู่บ่อยครั้งก็คือคุณพ่อต้องคอยตรวจดวงชาตาให้คุณลุงพิชัยใน

ทุกครั้งที่ไปในราชการ คือเรียกว่าเห็นกันจนชินนะแหละ...แต่ตอนนั้นก็ยังไม่ประสีประสาอะไรนัก ห่วงแต่เล่น ไม่เคยสนใจที่จะไปร่วมวงไพบูลย์ด้วยสักครั้ง ...

...ในช่วงตอนผมอายุได้ประมาณ ๓๐ ปี มีอยู่ครั้งหนึ่งเพื่อนนักดนตรีคนหนึ่งเป็นนักร้องดังสาวสวย มาหาที่บ้านผม และได้เข้าไปให้คุณพ่อผมตรวจดวงให้ ซึ่งคำทำนายมีผลปรากฏออกมา...จะต้องมีเกณฑ์เลิกกับแฟน ซึ่งผมก็นั่งฟังอยู่ด้วย นึกในใจว่า " คุณพ่อเอาอะไรมาทายเขานี่ " เพราะในตอนนั้นก็เห็นเขารักกันดี ตัวแฟนก็เป็นเพื่อนนักดนตรีของผมเหมือนกัน ฟังดูแล้วคิดว่าคุณพ่อน่าจะทายผิดแน่... แต่กาลต่อมาอีก ๑ ปีให้หลัง ทั้งคู่ก็เลิกลากันจริงตามคำทำนาย ทำให้ผมทึ่งคุณพ่อขึ้นมาอยู่มากพอสมควรในเรื่องคำทำนาย ...

...ผมมีลูกชายคนโตชื่อว่า"ลูกหนู" พอลูกหนูอายุได้ ๑๐ ขวบ คุณพ่อตรวจดวงชาตาหลานแล้วก็บอกกับทุกคนว่า " ลูกหนูจะอายุสั้น อายุไม่เกิน ๒๕ ปี ต้องหาทางแก้ไข " พอลูกหนูอายุได้ ๑๖ ปีคุณพ่อก็ให้ไปบวชเณรเพื่อเป็นการต่ออายุ

ครั้งที่ ๑ ...พอลูกหนูอายุ ๒๒ ปี คุณพ่อก็ก็ป่วยต้องเข้าไปรับการรักษา นอนที่ ร.พ.ตำรวจแบบชนิดที่ว่าไม่มีกำหนด ... ปีนั้นเป็นปี พ.ศ.๒๕๓๖ ลูกหนูได้ขี่จักรยานยนต์ หลบขบวนรถซื่ง ... วิ่งเข้าไปชนรถบรรทุกที่จอดอยู่ข้างทางไม่ได้เปิดไฟท้ายไว้ ... [ ชุ่ยสุดๆ ] หมวกกันน๊อคแตกหัวกระแทกกับรถบรรทุกตายคาที่...เรื่องนี้เกิดขึ้นมาเท่ากับว่าคำทำนายของคุณพ่อเป็นจริงขึ้นมาครั้งที่ ๒ ...

...แถมเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับยามอัฏฐกาล ... มีครั้งหนึ่งทางบาร์เขานัดวงดนตรีของผมให้ไปโชว์ [ audition ]

ให้เขาดู ... ผมก็เข้าไปหาคุณพ่อที่ห้องสมุด ...

ถามท่านว่า " พรุ่งนี้จะไปเล่นโชว์ให้ที่บาร์เขาดู จะได้ไหมครับ "

คุณพ่อคิดอยู่ในราว ๕ วินาที ก็ตอบมาว่า ...

" ไม่ได้งานหรอก เขาจะ cancel ไม่ให้ไป "

ตอนนั้นผมไม่เชื่อท่านหรอกเพราะคิดว่าเป็นไปไม่ได้ นัดกันเรียบร้อยแล้วนี่ ...

พอวันรุ่งขึ้นทางบาร์โทรมาว่า ได้วงเรียบร้อยแล้วไม่ต่องมาโชว์ ...

... เท่ากับคุณพ่อทายถูกเป็นคร้งที่ ๓ [ สำหรับผม ] ...

... สรุปว่าเรื่องราวทั้งหลายจากการทำนายของคุณพ่อ ทำให้ภายในจิตใจของผม

... เริ่มสั่นคลอนเกิดความเชื่อถือขึ้นมาว่า ...

...โหราศาสตร์เป็นวิชาที่สามารถทำนายโชคชาตาผู้คนได้อย่างแท้จริง ...

... พุทธานุภาพ ...

... พรหมานุภาพ ...

... เทวานุภาพ ...

... ภาพคุณพ่อ + ผม คนซ้าย + พี่ชาย ...

... บันทึก ...

... ๑๐ เมษายน ๓๓ ได้ผ่านไปแล้วโดยไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น จะเห็นว่า ... ดวงดาวกับบุคคลนั้น

ย่อมจะแตกต่างกัน คือ อาจไม่เป็นตามดวงดาวก็ได้

... ดวงดาวเพียงแต่แผ่รังสีลงมา แต่ถ้ามนุษย์มีพลังสูงกว่าแล้ว ...

... ก็อาจจะชนะดวงดาวได้ ...

... ๕ พฤษภาคม ๓๓ ...

... ยังมีเรื่องราวภาคพิสดาร ของดวงชาตา ...

... ลิงค์ไปที่ ... ชำแหละตนุลัคน์ควักลัคนา

... สวัสดีครับ ... ยังมีต่อโอกาสหน้า ...

... อ.ธนเทพ ปฏิพิมพาคม ...