เป้าหมาย จิตศึกษาระดับต้น : ให้มีสติชำนาญ มีความจดจ่อ มีการใคร่ครวญ เห็นความสัมพันธ์ที่เชื่อมกันอยู่ของตนเองและสิ่งต่าง ๆ และกำกับตัวเองได้
จิตศึกษาระดับกลาง :
2.1 มีวิจารณญาณในการเลือกกระทำสิ่งถูก และสามารถให้เหตุผลอย่างสมเหตุสมผล (ความมีจริยธรรม)
2.2 มีวิจารณญาณในการเลือกเพื่อนำตัวเอง (Leading Self) เช่น การเห็นคุณค่าเห็นความสามารถเห็นความถนัดการมีเป้าหมายของตนเองหรือการเห็นข้อบกพร่องแล้วปรับเปลี่ยนตัวเอง
ขั้นเตรียม : ครูและนักเรียนนั่งล้อมวง ไหว้ทักทายสวัสดีกันและกัน การรู้ตัวด้วย Bram gym ท่ากรรไกรกับไข่ ต่อด้วยครูนำนักเรียนกลับมารู้ตัวด้วยการรับรู้กาย และรับรู้ลมหายใจเข้าออก
ขั้นกิจกรรม :
ชง : ครูเล่าเรื่องเล่าของชายใจสิงห์ “มีชายคนหนึ่งเกิดมายากจนทำหน้าที่เป็นคนรับใช้เศรษฐี อยู่มาวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ชายคนหนีต้องงหนีเพราะได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการยายของเศรษฐีเจ้าของบ้าน เขาต้องหลบหนีอยู่หลายปี จนตัดสินใจออกบวชเพื่อเลือกเส้นทางชีวิตใหม่ เมื่อเป็นนักบวชในหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ห่างไกลอยู่ในป่าเขาถ้าจะเข้าเมืองก็ต้องเดินทางอ้อมภูเขาอยู่เป็นเดือน เขาได้เรียนรู้ศึกษาธรรมมะ และสกัดหินที่ภูเขาทุกวันจนทุกคนว่าเขาไม่ปกติเหมือนคนทั่วไป แต่เขาก็ยังคงทำสม่ำเสมอทุกวัน และพักอาศัยใกล้บริเวณที่ขุดด้วย จนเวลาผ่านไปหลายสิบปี ลูกชายของเศรษฐีที่ตายเพราะเขาก็ตามหามาจนพบกับเขาในขณะที่ยังเป็นพระที่กำลังสกัดหินอยู่”
เชื่อมตนเอง :
ครูตั้งคำถาม
1. ถ้านักเรียนเป็นพระจะตัดสินใจทำอย่างไรต่อไป / เพราะเหตุใด
2. ถ้านักเรียนเป็นลูกของเศรษฐีจะตัดสินใจทำอย่างไรต่อไป / เพราะเหตุใด
เชื่อมกันและกัน : นักเรียนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกัน ครูชวนสนทนา
ใช้ : ครูตั้งคำถาม ครูตั้งคำถาม : นักเรียนจะทำสิ่งใดที่มีคุณค่าต่อผู้อื่น และสิ่งต่าง ๆ นักเรียนเขียนใคร่ครวญลงในสมุดจิตศึกษา
ขั้นจบ : Empower คุณครูกล่าวขอบคุณ และชื่นชมความตั้งใจของทุกคน
เป้าหมาย จิตศึกษาระดับต้น : ให้มีสติชำนาญ มีความจดจ่อ มีการใคร่ครวญ เห็นความสัมพันธ์ที่เชื่อมกันอยู่ของตนเองและสิ่งต่าง ๆ และกำกับตัวเองได้
จิตศึกษาระดับกลาง :
2.1 มีวิจารณญาณในการเลือกกระทำสิ่งถูก และสามารถให้เหตุผลอย่างสมเหตุสมผล (ความมีจริยธรรม)
2.2 มีวิจารณญาณในการเลือกเพื่อนำตัวเอง (Leading Self) เช่น การเห็นคุณค่าเห็นความสามารถเห็น
ความถนัดการมีเป้าหมายของตนเองหรือการเห็นข้อบกพร่องแล้วปรับเปลี่ยนตัวเอง
ขั้นเตรียม : ครูและนักเรียนนั่งล้อมวง ไหว้ทักทายสวัสดีกันและกัน นำการรู้ตัวด้วย Bram gym ท่าจีบกับเอวสลับข้างกัน โดยนับลดทีละ 5 จาก 50 ต่อด้วยครูนำนักเรียนกลับมารู้ตัวด้วยการรับรู้กาย และรับรู้ลมหายใจเข้าออก
ขั้นกิจกรรม :
ชง : ครูเปิดคลิปวีดีโอ “VTR งานวันทะเลโลก 2561” https://www.youtube.com/watch?v=REqHlFPOXMs
เชื่อมตนเอง :
ครูตั้งคำถาม
1. ในฐานนะคนดูคลิปวีดีนักเรียนคิดความคิดหรือความรู้สึกอย่างไร /เพราะเหตุใด
2. คลิปวีดีโอนี้ผู้ทำต้องการสื่อสารอะไรให้เราเข้าใจเชื่อมกันและกัน : นักเรียนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกัน ครูชวนสนทนา
ใช้ : ครูตั้งคำถาม ครูตั้งคำถาม : เราจะช่วยลดขยะในทะเลหรือโลกได้อย่างไร นักเรียนเขียนใคร่ครวญลงในสมุดจิตศึกษา
ขั้นจบ : Empower คุณครูกล่าวขอบคุณ และชื่นชมความตั้งใจของทุกคน
เป้าหมาย จิตศึกษาระดับต้น : ให้มีสติชำนาญ มีความจดจ่อ มีการใคร่ครวญ เห็นความสัมพันธ์ที่เชื่อมกันอยู่ของตนเองและสิ่งต่าง ๆ และกำกับตัวเองได้
จิตศึกษาระดับกลาง :
2.1 มีวิจารณญาณในการเลือกกระทำสิ่งถูก และสามารถให้เหตุผลอย่างสมเหตุสมผล (ความมีจริยธรรม)
2.2 มีวิจารณญาณในการเลือกเพื่อนำตัวเอง (Leading Self) เช่น การเห็นคุณค่าเห็นความสามารถเห็นความถนัดการมีเป้าหมายของตนเองหรือการเห็นข้อบกพร่องแล้วปรับเปลี่ยนตัวเอง
ขั้นเตรียม : ครูและนักเรียนนั่งล้อมวง ไหว้ทักทายสวัสดีกันและกัน การรู้ตัวด้วย Bram gym ท่าความเกรงใจ ต่อด้วยครูนำนักเรียนกลับมารู้ตัวด้วยการรับรู้กาย และรับรู้ลมหายใจเข้าออก
ขั้นกิจกรรม :
ชง : ครูอ่านข่าว “ช่วงหยุดอยู่บ้านกลุ่มขยะจากการส่งอาหารออนไลน์ ผลจากมาตรการควบคุมโรค ทำให้ประชาชนอยู่บ้าน เลี่ยงการเดินทางจับจ่ายซื้อของ โดยประชาชนใช้วิธีสั่งอาหารให้พนักงานมาส่งที่บ้านทำให้ปริมาณขยะ ประกอบด้วยถุงพลาสติก กล่องพลาสติก และพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง ไม่ว่าจะเป็นช้อน ส้อม ไม้จิ้ม เพิ่มขึ้น 15% หรือเพิ่มขึ้นเป็น 6,300 ตันต่อวัน จากปกติประเทศไทยผลิตขยะพลาสติก 2 ล้านตันต่อปี หรือประมาณ 1,500 ตันต่อวัน โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม. เพิ่มขึ้นถึง 1,500 ตันต่อวัน และยังพบว่าปริมาณขยะเศษอาหารหรือขยะเปียก ถูกทิ้งปะปนมากับขยะทั่วไปมีปริมาณเพิ่มขึ้นอีกด้วย และปริมาณขยะที่เกิดจากหน้ากากอนามัยใช้แล้ว ซึ่งถูกทิ้งอย่างถูกวิธีผ่านการทิ้งแบบคัดแยกขยะ มีจำนวนทั่วประเทศประมาณ 1.5 – 2 ล้านชิ้นต่อวัน โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม. เพิ่มขึ้นถึง 150 ตันต่อวัน”
เชื่อมตนเอง :
ครูตั้งคำถาม
1. จากข่าวที่ฟังนักเรียนเกิดความรู้สึกและความคิดอะไรบ้าง / เพราะเหตุใด
2. ข่าวกำลังสื่อสารเรื่องใดกับเรา
เชื่อมกันและกัน : นักเรียนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกัน ครูชวนสนทนา
ใช้ : ครูตั้งคำถาม ครูตั้งคำถาม : นักเรียนจะลดขยะที่บ้านได้อย่างไร /เพราะเหตุใด
นักเรียนเขียนใคร่ครวญลงในสมุดจิตศึกษา
ขั้นจบ : Empower คุณครูกล่าวขอบคุณ และชื่นชมความตั้งใจของทุกคน
เป้าหมาย จิตศึกษาระดับต้น : ให้มีสติชำนาญ มีความจดจ่อ มีการใคร่ครวญ เห็นความสัมพันธ์ที่เชื่อมกันอยู่ของตนเองและสิ่งต่าง ๆ และกำกับตัวเองได้
จิตศึกษาระดับกลาง :
2.1 มีวิจารณญาณในการเลือกกระทำสิ่งถูก และสามารถให้เหตุผลอย่างสมเหตุสมผล (ความมีจริยธรรม)
2.2 มีวิจารณญาณในการเลือกเพื่อนำตัวเอง (Leading Self) เช่น การเห็นคุณค่าเห็นความสามารถเห็นความถนัดการมีเป้าหมายของตนเองหรือการเห็นข้อบกพร่องแล้วปรับเปลี่ยนตัวเอง
ขั้นเตรียม : ครูและนักเรียนนั่งล้อมวง ไหว้ทักทายสวัสดีกันและกัน การรู้ตัวด้วย Bram gym ท่าฝึกสมอง ต่อด้วยครูนำนักเรียนกลับมารู้ตัวด้วยการรับรู้กาย และรับรู้ลมหายใจเข้าออก
ขั้นกิจกรรม :
ชง : ครูอ่านข่าว “ข่าว เก๋งชนสลดด.ญ.10ขวบ! ศพยังสวมหน้ากากอนามัย กำเงินเหรียญวิ่งข้ามถนนไปซื้อขนม วันที่ 27 เม.ย. ร.ต.อ.ธีระ สัจจะ รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.เมืองระนอง รับแจ้งอุบัติเหตุรถยนต์ชนเด็กหญิงเสียชีวิต บนถนนเพชรเกษม หลักกม.ที่ 588 ต.ทรายแดง อ.เมือง จ.ระนอง จึงประสานแพทย์ ร.พ.ระนอง แล้วรุดไปตรวจสอบพร้อมหน่วยกู้ภัยมูลนิธิระนองสงเคราะห์ ที่เกิดเหตุพบร่างเด็กหญิง นอนเสียชีวิตสภาพเลือดอาบใบหน้าซึ่งยังคาดหน้ากากอนามัย มือขวายังกำเหรียญบาทไว้ ใกล้กันมีรถเก๋งมิตซูบิชิเอ็กซ์แพนเดอร์ สีขาว ทะเบียน 9 กม 1371 กทม. จอดอยู่สภาพฝากระโปรงรถมีรอยบุบ โดยมีพี่สาวยืนร้องไห้อยู่ริมถนน สอบสวนพี่สาวให้การว่า เป็นแรงงานชาวเมียนมา มาทำงานเป็นลูกจ้างอยู่สวนยางพาราฝั่งตรงข้าม ส่วนน้องสาวอายุ 10 ปี เดินทางมาจากจังหวัดเกาะสอง ประเทศเมียนมา มาเที่ยวช่วงปิดภาคเรียน แต่เกิดโรคโควิดระบาดทำให้กลับบ้านที่เมียนมาไม่ได้ ก่อนเกิดเหตุน้องสาววิ่งออกจากบ้านจะข้ามถนนไปซื้อขนมที่ร้านค้าฝั่งตรงข้ามแต่มาถูกรถชนเสียชีวิต ด้านนายธีรยุทธ เกตุแก้ว อายุ 40 ปี คนขับรถเก๋ง ให้การว่า เดินทางกลับจากรพ.ระนอง เพื่อรับญาติผู้ใหญ่พากลับไปส่งบ้านที่ อ.กระบุรี ก่อนถึงจุดเกิดเหตุขับมาด้วยความเร็ว 80 ก.ม./ช.ม. ถนนโล่ง ไม่มีรถเลย เห็นเด็กในระยะไกลแล้ว นึกว่าจะไม่ข้ามถนน แต่จู่ๆเด็กก็วิ่งกระโดดขึ้นมาบนถนนจนต้องเบรกมาร่วม 20 เมตร แต่หยุดไม่ทัน และเด็กตกใจหยุดวิ่งหันหน้ามาหารถ ทำให้รถชนกลิ้งไปกับพื้นถนน จากนั้นเจ้าหน้าที่นำศพส่งรพ. พร้อมสอบสวนดำเนินการตามกฎหมาย ก่อนให้ครอบครัวรับศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป”
เชื่อมตนเอง :
ครูตั้งคำถาม
1. จากเหตุการณ์ถ้านักเรียนเป็นคนที่ขับรถชนเด็กจะรู้สึกอย่างไรและจะทำอย่างไรต่อไป / เพราะเหตุใด
2. ถ้านักเรียนเป็นพี่สาวของผู้ตายจะรู้สึกอย่างไรแล้วทำอย่างไรต่อไป
เชื่อมกันและกัน : นักเรียนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกัน ครูชวนสนทนา
ใช้ : ครูตั้งคำถาม ครูตั้งคำถาม : นักเรียนจะมีวิธีการดูแลตัวเองอย่างไรเมื่อต้องข้ามถนนที่มีรถวิ่งไปมาเร็วๆ นักเรียนเขียนใคร่ครวญลงในสมุดจิตศึกษา
ขั้นจบ : Empower คุณครูกล่าวขอบคุณ และชื่นชมความตั้งใจของทุกคน