ภาพที่ 8.3 นางจุฬสุภัททาเป็นธิดาของอนาถบิณฑิกเศรษฐ
ที่มา : < http://www.kalyanamitra.org/th/article_detail.php?i=63>
นางจูฬสุภัททาเป็นธิดาของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ได้บรรลุธรรมเป็นพุทธสาวิกา ตั้งแต่ยังเด็ก ข่าวว่าในสมัยหนุ่มท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีเป็นเพื่อนร่วมรุ่นในสำนักเรียนเดียวกันกับอุคคเศรษฐี ชาวอุคคนคร และเคยตกลงกันไว้ว่า ถ้ามีบุตรธิดาจะเกี่ยวดองกัน เมื่อเรียนจบแล้วต่างก็แยกย้ายกลับเมือง และดำรงตำแหน่งเศรษฐีประจำเมืองนั้นๆ สืบต่อมา
วันหนึ่ง ท่านอุคคเศรษฐีได้มาค้าขายที่เมืองสาวัตถี เมื่อทราบข่าวว่าเพื่อนมาเยี่ยมก็ดีใจยิ่งออกมาต้อนรับพร้อมกับเรียกลูกสาวจูฬสุภัททาอยู่คอยปรนนิบัติท่านอุคคเศรษฐี นางได้ปรนนิบัติท่านเศรษฐีอย่างเต็มที่ สร้างความพอใจให้กับท่านเป็นอย่างยิ่ง เมื่อมีโอกาสอยู่กันตามลำพัง กับอนาถบิณฑิกเศรษฐี ก็เอ่ยปากทวงถามถึงสัญญาที่เคยให้ไว้แก่กัน จึงขอนางจูฬสุภัททาไปเป็นลูกสะใภ้
ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐียังไม่รับปากทันที จะให้คำตอบในเวลาเย็น เพราะทราบว่าท่านอุคคเศรษฐีมิได้นับถือพระพุทธศาสนา ท่านนับถือลัทธิชีเปลือย จึงเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้ากราบทูลให้ทรงทราบ พระพุทธองค์เห็นอุปนิสัยของอุคคเศรษฐีที่จะบรรลุธรรม จึงทรงอนุญาต อนาถบิณฑิกเศรษฐีกลับจากวัดแล้ว จึงปรึกษากับภรรยา ก็ตอบตกลงรับคำกับอุคคเศรษฐี แล้วได้กำหนดวันแต่งงาน
ในวันส่งตัวเจ้าสาว อนาถบิณฑิกเศรษฐีได้ส่งนางจูฬสุภัททาด้วยขบวนอันใหญ่โตมโหฬาร ให้โอวาท 10 ข้อ ส่งพราหมณ์ 8 คน คอยเป็นที่ปกป้องลูกสาวทำนองเดียวกันกับธนัญชัยเศรษฐีส่งนางวิสาขาไปบ้านสามี ได้ถวายทานแก่ภิกษุสงฆ์ที่พระพุทธเจ้าเป็นประมุข ประกาศให้ชาวเมืองทราบเป็นอย่างสมเกียรติ
ในวันแต่งงาน อุคคเศรษฐีได้เชิญชีเปลือยที่ตนเคารพนับถือมาในงานนี้ด้วย แล้วเรียกนางจูฬสุภัททาว่าที่ลูกสะใภ้ให้เข้าไปไหว้ชีเปลือยเหล่านั้นด้วยคำว่า”ไปไหว้พระอรหันต์” นางจูฬสุภัททาพอได้ยินคำว่าพระอรหันต์เท่านั้นก็ดีใจรีบไป แต่พอเยี่ยมหน้าไปเห็นสมณะชีเปลือยเหล่านั้นเท่านั้น นางก็เดินกลับห้องไปพร้อมกับว่า “ผู้ไม่มีความละอาย ไม่ควรเป็นพระอรหันต์” สร้างความอับอายและเสียใจแก่เศรษฐีเป็นอย่างยิ่ง พวกชีเปลือยด่าเศรษฐีหาว่านำคนไม่ดีมาสู่ตระกูลครอบครัว ยุงยงให้ส่งนางกลับคืนบ้านไป ด้วยอารมณ์โกรธที่มีอยู่แล้ว เศรษฐีจึงเอ่ยปากขับไล่นางกลับบ้านไป
นางจูฬสุภัททาได้เรียกพราหมณ์ทั้ง 8 คนมารับทราบ พร้อมกับยืนยันความบริสุทธิ์ของตน พราหมณ์ได้ชี้แจงให้ท่านเศรษฐีทราบและยินยอมยกโทษให้ถึงกระนั้นก็อยากจะทราบว่าสมณะที่ลูกสะใภ้นับถือและสรรเสริญว่าเป็นพระอรหันต์นั้นเป็นเช่นไร จึงเอ่ยปากให้นางนำมาแสดงภายในพรุ่งนี้เช้า
ภาพที่ 8.3.1 นางจุฬสุภัททา อธิฐานจิต นิมนต์พระพุทธเจ้า
ที่มา : พจีรจิต ถนอมทรัพนย์, 2551
ในตอนเย็นของวันนั้น นางจูฬสุภัททาจึงขึ้นไปยืนอยู่บนปราสาทชั้นบนผินหน้าไปทางวัดเชตวัน ไหว้ด้วยความเคารพ พร้อมอธิษฐานจิตระลึกถึงพระพุทธคุณ กราบทูลนิมนต์พระพุทธเจ้าพร้อมภิกษุสงฆ์จำนวน 500 รูป ฉันภัตตาหารเช้าในวันพรุ่งนี้ แล้วก็โปรยดอกมะลิ 8 กำไปในอากาศ ดอกไม้ได้ปรากฏเป็นเพดานลอยอยู่บนพระพุทธเจ้าที่กำลังแสดงธรรมอยู่ ณ วัดเชตวันในขณะนั้นเอง
เมื่อพระพุทธองค์แสดงธรรมจบ อนาถบิณฑิกเศรษฐีได้กราบนิมนต์ฉันเช้าในวันพรุ่งนี้ พระพุทธองค์จึงได้ตรัสให้ทราบว่า นางจูฬสุภัททาได้นิมนต์พระองค์พร้อมภิกษุสงฆ์จำนวน 500 รูป ไปฉันที่อุคคนครแล้ว “จูฬสุภัททาอยู่ไกลตั้ง 120 โยชน์มานิมนต์ได้อย่างไร พระเจ้าข้า “ท่านเศรษฐี สัตบุรุษแม้อยู่ที่ไกล ก็ปรากฏเหมือนยืนที่ตรงหน้า” แล้วตรัสเรียกพระอานนท์ให้ไปแจกสลากแก่ภิกษุสงฆ์ที่บรรลุพระอรหันต์และอภิญญา 6 จำนวน 500 รูป
ดึกคืนนั้นนางจูฬสุภัททานอนไม่หลับเพราะไม่สบายใจว่าพระพุทธองค์จะทรงรับกิจนิมนต์ของนางหรือไม่ ท้าวเวสสุวรรณมหาราชจึงมาบอกให้นางทราบว่าพระพุทธเจ้าทรงรับกิจนิมนต์ของนางแล้ว นางดีใจเป็นอย่างยิ่ง ได้ตระเตรียมถวายทานอย่างเดียว
ท้าวสักกะมหาราชพอทราบว่าพระพุทธเจ้ารับคำนิมนต์นางจูฬสุภัททาแล้ว ก็สั่งให้วิสสุกรรมเทพบุตรไปนิเนรมิตเรือนยอด 500 หลัง เพื่อรับเสด็จพระพุทธเจ้าและภิกษุสงฆ์จำนวน 500 รูปเพื่อฉันภัตตาหารที่อุคคนคร
พระพุทธองค์ได้เสด็จไปอุคคนครพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ 500 รูป รับการถวายทานของนางจูฬาสุภัททา ท่านเศรษฐีและชาวเมืองเห็นการเสด็จมาของพระพุทธเจ้าและภิกษุสงฆ์อย่างยิ่งใหญ่ได้เกิดความเลื่อมใสตั้งถวายทาน และฟังธรรมของพระพุทธเจ้า ในเวลาจบพระธรรมเทศนาท่านเศรษฐีและชาวเมืองได้บรรลุโสดาปัตติผล และได้นิมนต์พระพุทธเจ้าเพื่อถวายมหาทานอีกเป็นเวลา 7 วัน พระพุทธศาสนาได้ไปประดิษฐาน ณ อุคคนครตั้งแต่วันนั้น
นับได้ว่านางจูฬสุภัททามีบทบาทที่สำคัญมาในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาและเป็นพุทธสาวิกาที่ควรนำเอามาเป็นแบบอย่างที่ดีได้ เป็นที่พึ่งทั้งแก่ตนเองและผู้อื่นได้ สามารถชักนำอุคคเศรษฐีให้หันมานับถือพระพุทธศาสนาเป็นที่พึ่งของชาวเมืองได้
คุณธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง
1. เป็นผู้มีความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา นางจูฬสุภัททา ถึงแม้ว่าจะได้แต่งงานและกลับไปอยู่ยังเรือนของสามี แต่ก็มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา และแนะนำบิดาของสามีตลอดถึงบุคคลในบ้านให้เลื่อมใสนับถือพระพุทธศาสนาด้วย
2. เป็นผู้ปฏิบัติตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา นางจูฬสุภัททา นับว่าเป็นพุทธสาวิกาตัวอย่างในการปฏิบัติตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา และเป็นผู้มีบทบาทที่สำคัญอย่างยิ่งในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้แก่ผู้ที่ยังไม่นับถือ ไม่เลื่อมใส ให้นับถือและเลื่อมใส
แหล่งอ้างอิง
จรัส พยัคฆราชศํกดิ์และกวี อิศริวรรณ. หนังสือเรียนสาระการเรียนรู้พื้นฐาน พระพุทธศาสนา ช่วงชั้นที่ 4 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ : วัฒนาพานิช, 2548
วิทยา ปานะบุตร. คู่มือเสริมการเรียนรู้ด้วยตนเอง ช่วงชั้นที่ 4 สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์เพิ่มทรัพย์การพิมพ์, 2548
วิทย์ วิศทเวทย์ และเสถียรพงษ์ วรรณปก . พระพุทธศาสนา ม.6. พิมพ์ครั้งที่ 10. กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศน์, 2550.
ธรรมะประจำวัน.อนาถบิณฑิกเศรษฐี ตอนที่ 20 นางจุฬสุภัททา . 30 มิถุนายน 2548. ที่มา : <http://www.kalyanamitra.org/daily/dhamma/index.php?option=com_content&task=view&id=60&Itemid=99999999>. 28 ธันวาคม 2550
นางจุฬสุภัททาอธิฐานจิตนิมนต์พระพุทธฌจ้า. ที่มา : นางสาวพจีรจิต ถนอมทรัพย์, 2551.