>>> หน่วยที่ 1 ประวัติและความสำคัญของพระพุทธศาสนา
สาระการเรียนรู้
เรื่อง พระพุทธศาสนาฝึกคนไม่ให้ประมาท
ความสำคัญของพระพุทธศาสนาในด้านการฝึกตนไม่ให้ประมาท
ความประมาท คือ ความเลินเล่อ เผลอสติ ไม่สำรวมระวัง กาย วาจา ใจ ส่วนความไม่ประมาทมีวินัยตรงกันข้าม ได้แก่ ความรอบคอบ มีสติคอยกำกับการกระทำ วาจา ใจ
ความไม่ประมาท เป็นหลักธรรมสำคัญอย่างยิ่งของพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าถึงกับตรัสย้ำไว้เป็นปัจฉิมวาจาก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพานว่า
"ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย... บัดนี้ เราเตือนท่านทั้งหลาย สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลาย จงทำความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด"
อาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพ ได้อธิบายไว้ว่า... พระพุทธเจ้าตรัสสอน เรื่องความไม่ประมาท เป็นพระโอวาทสุดท้าย ในที่อื่น ทรงสั่งสอนว่า กุศลธรรมทั้งหมด รวมลงในความไม่ประมาท เหมือนรอยเท้าสัตว์เดินดินต่าง ๆ รวมลงในรอยเท้าช้างฉะนั้น ความไม่ประมาท จะเป็นเหตุให้เราเตือนใจ ตามคำสอนที่ทรงเตือนไว้ว่า "วันคืนล่วงไป บัดนี้ เราทำอะไรอยู่" เราจะได้หมั่น พิจารณาดูตน และ หาโอกาสเพิ่มพูนคุณงามความดี ละความชั่วให้ลดน้อยลง ความไม่ประมาทจะเตือนไม่ให้เราลืมตน เห็นเป็นจริงเป็นจังกับชีวิตในโลก ประหนึ่งว่า จะดำรงอยู่ได้ชั่วกัปชั่วกัลป์ ในที่สุด ทุกคนจะต้องจบลงด้วยความตาย ทรัพย์สมบัติต่าง ๆ ก็จะเปลี่ยนมือไปเป็นของคนอื่น ที่ดินที่เรานึกว่าเป็นของเรา แต่ถ้าเราจะกลายเป็น เถ้าถ่าน ฝังเรี่ยรายอยู่บนพื้นดินนั้น หรือ บางที เขาก็จะเก็บไว้ในโกศเล็ก ๆ เหมือนของเด็กเล่น แต่ไม่มีใครอยากจับต้อง ถึงที่สุด เหมือน ๆ กันเช่นนี้ ในขณะที่มีชีวิตอยู่ จึงควรตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ถือเอาสาระจากชีวิตที่เน่าเปื่อย ไม่มีสาระนี้ ไว้ให้ได้ด้วยการบำเพ็ญคุณงามความดี บำเพ็ญประโยชน์ท่าน ให้สมบูรณ์เถิด..
จากข้อความดังกล่าวจะเห็นว่า พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ว่า ท่านทั้งหลาย จงมีความไม่ประมาท หมายความว่า ท่านทั้งหลายจงทำประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่นให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท
ภาพที่ 1.4 พระพุทธเจ้าประทานปัจฉิมโอวาทเรื่องความไม่ประมาท
ที่มา: กองศิลปวัฒนธรรม. <http://art-culture.uru.ac.th/Page12.html>
นอกจากนี้พระมหาสุเทพ อคฺคเมธ. 2542 : อ้างอิงมาจากพระไตรปิฎก. ยังกล่าวถึง คำสอนของพระพุทธเจ้าที่ทรงสอนให้ทำความดีตามแนวอัปปมาทธรรม คือ ความไม่ประมาท
ความไม่ประมาทนี้ถือว่าเป็นยอดแห่งธรรม เพราะธรรมทั้งหมดรวมลงในความไม่ประมาท เหมือนรอยเท้าของสัตว์ทุกชนิดรวมลงในรอยเท้าช้าง เพราะรอยเท้าช้างใหญ่กว่าร้อยเท้าของสัตว์อื่น ๆ นั่นเอง
หน้าที่ที่ควรปฏิบัติต่อความไม่ประมาท คือ รักษาความไม่ประมาทไว้ เหมือนคนรักษาทรัพย์อันประเสริฐไว้ แต่การจะรักษาความไม่ประมาทได้นั้น จะต้องอาศัยปัญญาจึงจะรักษาไว้ได้
ผลจากการไม่ประมาท ผู้ปฏิบัติตามความไม่ประมาทนั้น จะได้รับผลดีมากมาย เช่น
-พระจูฬปันถกท่องหนังสือเพียง 4 บรรทัดไม่ได้ เมื่อไม่ประมาทก็บรรลุอรหัตตผล พร้อมกับปฏิสัมภิทา มีมโนมยิทธิ (ฤทธิ์ทางใจ) สามารถเนรมิตกายได้เป็น 1,000 องค์
-ในเรื่องภิกษุสองสหาย คือ รูปหนึ่งขยันไม่ประมาท อีกรูปหนึ่งประมาท ทรงเปรียบเทียบไว้อย่างยอดเยี่ยมว่า
ผู้มีปัญญาดี เป็นผู้ไม่ประมาท ในเมื่อผู้อื่นประมาท
เป็นผู้ตื่นอยู่โดยมาก ในเมื่อผู้อื่นหลับ
ย่อมละทิ้งคนมีปัญญาทรามไปไกล
เหมือนม้าฝีเท้าจัด วิ่งละทิ้งม้าที่หมดแรงไว้
ภาพที่ 1.2 พระพุทธเจ้าแสดงธรรมโปรดพุทธสาวก
ที่มา: กองศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ. <http://art-culture.uru.ac.th/Page12.html>
ฉะนั้นความไม่ประมาทย่อมให้ผลไปจนตาย เช่น ครั้งหนึ่ง พระนางสามาวดี พระชายาของพระเจ้าอุเทน พระนางเลื่อมใสในพระพุทธเจ้ามาก ต่อมา ถูกพระนางมาคันธิยาพระชายาอีกองค์หนึ่งของพระเจ้าอุเทนสั่งให้จุดไฟเผาตายทั้งเป็นพร้อมกับบริวารอีก 500 นาง การตายของพระนางทำให้พระราชาทรงโทมนัสยิ่งนัก ทรงกริ้วมาก จึงรับสั่งให้จับพระนางมาคันธิยาเผาไฟตายทั้งเป็นเช่นเดียวกัน เนื่องจากพระนางสามาวดีเป็นพระโสดาบัน ผู้เข้าถึงกระแสนิพพาน จึงชื่อว่าเป็นผู้ไม่ประมาท พระพุทธเจ้าทรงปรารภเรื่องนี้จึงได้ตรัสพระคาถาธรรมบทเพื่อเป็นคติสอนใจว่า
อปฺปมาโท อมตํ ปทํ ปมาโท มจฺจุโน ปทํ
อปฺปมตฺตา น มียนฺติ เย ปมตฺตา ยถา มตา ฯลฯ
ความไม่ประมาทเป็นทางแห่งอมตะ(ความไม่ตาย) ความประมาทเป็นทางแห่งความตาย
คนผู้ไม่ประมาท ชื่อว่าย่อมไม่ตาย คนผู้ประมาท จึงเหมือนคนตายแล้ว ฯลฯ
จากคติสอนใจดังกล่าว จะเห็นว่าพระพุทธเจ้าให้ความสำคัญของความไม่ประมาท ซึ่งเมื่อเราได้ศึกษาแล้วเราสามารถนำมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศึกษา การประกอบอาชีพ หรือการทำงานใด ๆ ถ้าคนเราไม่ประมาท ก็ย่อมประสบความสำเร็จและมีสวัสดิภาพในการดำเนินชีวิตเสมอ ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราประมาท ย่อมดำเนินชีวิตไปสู่ความตาย ทั้ง ๆ ที่ยังไม่สมควรตาย เช่น คนที่ขับรถด้วยความประมาท มักจะประสบกับอุบัติเหตุอยู่เสมอ นอกจากจะทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแล้ว บางครั้งยังทำให้ตนเองบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้วย หรือนักเรียนที่ตั้งอยู่ในความประมาท เกียจคร้าน ไม่ขยันหมั่นเพียรในการศึกษาเล่าเรียนก็ย่อมไม่ประสบกับความสำเร็จ เช่นสอบตก หรือทำคะแนนได้ไม่ดี เป็นต้น
ภาพที่ 1.3 ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย
ที่มา: ไทยรัฐ. <http://www.thaigov.go.th>
แหล่งอ้างอิง
กรมประชาสัมพันธ์. "สถานการณ์ข่าว".ไทยรัฐ . 18 ธันวาคม 2549. ที่มา:<http://www.thaigov.go.th/pageconfig/viewcontent/viewcontent1.asp?pageid=451&directory=1782&contents=710&searchtxt=> 21 พฤศจิกายน 2550.
กองศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์. วันวิสาขบูชา.(ม.ป.ป.) ที่มา: <http://art-culture.uru.ac.th/Page12.html> 21 พฤศจิกายน 2550.
พระมหาสุเทพ อัคคเมธ. พุทธวิธีในการสอนตามแนวธรรมบท. 2542.ที่มา : <http://www.mcu.ac.th/mcutrai/menu2/Article/article_11.htm> 21 พฤศจิกายน 2550.
สุชีพ ปุญญานุภาพ. สาระแห่งธรรม. 29 พฤษภาคม 2550. ที่มา: <http://gotoknow.org/blog/rainalone/99468> 21 พฤศจิกายน 2550.