>>> หน่วยที่ 6 พระไตรปิฎก พุทธศาสนสุภาษิต และคำศัพท์ทางพระพุทธศาสนา
สาระการเรียนรู้
เรื่อง พุทธศาสนสุภาษิต >>>
2. สติ โลกสฺมิ ชาคโร
แปลว่า สติเป็นเครื่องตื่นในโลก
สติ แปลว่า ความระลึกได้ หมายความว่า ในเวลาที่เราจะทำอะไรหรือจะพูดอะไรออกไปเราจะต้องระลึกอยู่เสมอว่า เรากำลังจะทำอะไรหรือกำลังจะพูดอะไร
สติเป็นเครื่องตื่นอยู่ในโลก หมายถึง เมื่อคนเรามีสติ คือ ความไม่ประมาทเล้ว เราจะต้องเป็นบุคคลที่ตื่นตัวต่อการรับทราบความเป็นไปและความเปลี่ยนแปลงของโลกอยู่เสมอ พร้อมที่จะเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงนั้นอยู่ทุกขณะ หากขาดสติแม้เพียงเสี้ยววินาที ความหายนะแก่ชีวิตและทรัพย์สินอาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นผู้ที่ปรารถนาความสุขความเจริญและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินจึงจำต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา
ในที่นี้จะขอยกสุภาษิตที่เกี่ยวข้องกับการที่เราจะต้องมีสติ คือคำที่ว่า “ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว” อันเป็นคำพูดของคนโบราณใช้สอนลูกหลาน และเป็นการปลูกฝังสติปัญญา นำไปประพฤติปฏิบัติหน้าที่ในชีวิตประจำวันเพื่อควบคุมการกระทำสิ่งต่างๆให้ไม่ผิดพลาด โดยใช้สติสัมปชัญญะแยกแยะดีชั่วในการกระทำทั้งปวง ต้องไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ให้ได้รับความเดือดร้อน ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม คำว่า “ใจ” ในที่นี้ ถ้าเป็นใจที่มีสติควบคุมเฝ้าดูแลใจไม่ให้เผลอไผล “กาย” เป็นผู้ทำหน้าที่แสดงการกระทำต่างๆตามที่”สติ”เป็นผู้สั่งการ หากเปรียบกายเป็นรถยนต์ คนขับเหมือนสติก็ไม่ผิด เพราะการที่รถยนต์จะวิ่งไปสู่เป้าหมายได้ด้วยความปลอดภัย ก็ขึ้นอยู่กับคนขับเป็นผู้รู้เท่าทันสิ่งต่างๆที่จะเกิดขึ้น จึงจำเป็นต้องตื่น(การมีสติ) อยู่ในการกระทำหน้าที่ตลอดเวลา เผลอไผลไม่ได้ เมื่อใดขาดสติ ชีวิตก็จะตั้งอยู่ในความประมาททันที และความประมาทก็เป็นบ่อเกิดแห่งความเสื่อมและความตายในที่สุด หรือแม้ในขณะนี้ถ้าเราอ่านหนังสือด้วยสติ ก็จะทำให้ตื่นอยู่ตลอดเวลาโดยการตั้งใจเรียน ไม่คุยกันในเวลาครูสอน ทำงานและทำการบ้านส่งตามกำหนด ก็จะประสบความสำเร็จ มีอนาคตที่ก้าวไกลต่อไป
ภาพที่ 6.3 การฝึกสติด้วยการนั่งสมาธิ
ที่มา : จิตราภรณ์ บัวจำรัส, 2551.
ภาพที่ 6.4 การฝึกสมาธิด้วยการเดินจงกรม
ที่มา : จิตราภรณ์ บัวจำรัส, 2551.
ดังนั้นสติที่ได้รับการฝึกอบรมดีแล้ว ย่อมก่อให้เกิดปัญญา เราจึงมักเรียกรวมกันว่าสติปัญญา เป็นธรรมฝ่ายกุศลจิต ที่เป็นกำลังส่งเสริมให้เกิดหิริ คือ ความละอายใจต่อการกระทำความชั่วต่างๆ และโอตตัปปะคือความเกรงกลัวต่อบาป และผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันจะช่วยโลก คุ้มครองโลกให้สุขสงบโดยบริบูรณ์
จุดมุ่งหมายของพุทธศาสนสุภาษิตบทนี้
มีจุดมุ่งหมายต้องการสอนให้เราเห็นความสำคัญของการมีสติ และโทษของการขาดสติ ขณะเดียวกันก็สอนให้เรารู้จักดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท เพราะพระพุทธองค์ตรัสว่า ผู้ที่ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท คือ มีสติอยู่เสมอ ย่อมชื่อว่าเป็นผู้ประเสริฐ และจะประสบแต่ความสุขความเจริญตลอดเวลา
แหล่งอ้างอิง
จรัส พยัคฆราชศํกดิ์และกวี อิศริวรรณ. หนังสือเรียนสาระการเรียนรู้พื้นฐาน พระพุทธศาสนา ช่วงชั้นที่ 4 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ : วัฒนาพานิช, 2548
วิทย์ วิศทเวทย์ และเสถียรพงษ์ วรรณปก. พระพุทธศาสนา ม.6. กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศน์, 2548.