เห็ดฟางนั้นผลิตภัณฑ์ที่นิยมทำกันมีอยู่ 3 รูปแบบ คือ
1. จำหน่ายเป็นเห็ดสด เห็ดฟางสดเป็นที่นิยมกันมากภายในประเทศแต่มักจะประสบปัญหาการขนส่งที่ต้องรักษาให้เห็ดยังสดอยู่ เมื่อนำออกมาจำหน่ายและปัญหาดอกเห็ดในระยะที่อากาศร้อนอบอ้าวทำให้ราคาจำหน่ายที่ได้รับลดลง การเก็บเห็ดเพื่อจำหน่ายสดนี้ เกษตรกรจะต้องเก็บเห็ดในตอนกลางคืนหรือเช้ามืด และส่งมาทันตลาดเมืองตอนเช้าให้ทันจำหน่าย ส่วนพ่อค้าเห็ดสดนิยมรักษาไว้ในห้องเย็นอุณหภูมิ 10-15 องศาเซลเซียส ซึ่งสามารถทำให้เห็ดชะงักการเจริญเติบโตได้ภายใน 6-8 ชั่วโมง หรือใช้วิธีง่ายๆคือการใส่ภาชนะปากกว้าง เช่น ถาดบรรจุไม่ให้แน่นเกินไป
สำหรับการจำหน่ายเห็ดสดในตลาดต่างประเทศนั้น ลักษณะการส่งออกบรรจุในถาดโฟมหุ้มด้วยพลาสติกส่งทางเครื่องบิน เมื่อถึงประเทศปลายทางก็พร้อมจะนำเข้าจำหน่ายตามซุปเปอร์มาเก็ตได้ทันที ปัจจุบันตลาดสำคัญของเห็ดสดหรือเห็ดแช่เย็นคือสหรัฐอเมริกาและซาอุดิอาระเบีย ซึ่งมูลค่าการส่งออกไปยัง ทั้งสองประเทศนี้คิดเป็นร้อยละ 72.5 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด ประเทศที่แนวโน้มนำเข้าเพิ่มขึ้นคือลิเบีย สำหรับประเทศที่มีศักยภาพพอที่จะขยายส่งออกก็คือฮ่องกง ญี่ปุ่น ออสเตรเลียและสิงค์โปร์ ซึ่งประเทศ เหล่านี้เคยนำเข้าเห็ดสดแช่เย็นจากประเทศไทย แต่เป็นการนำเข้าที่ไม่สม่ำเสมอ คาดหมายว่าถ้าประเทศไทย สามารถปรับปรุงให้ปริมาณผลผลิตในประเทศมีสม่ำเสมอและคุณภาพอยู่ในระดับมาตรฐานแล้วโอกาสในการขยายตลาดยังมีมากมายพอสมควร
2. จำหน่ายเป็นเห็ดแห้ง เห็ดฟางแห้งเป็นผลิตผลจากการแปรรูปเห็ดสดโดยอบในตู้อบหรือตากแดด ตลาดเห็ดฟางแห้งในประเทศไทยไม่นิยมแพร่หลายนัก เพราะเห็ดสดมีให้ซื้อได้ทุกวันอยู่แล้ว แต่สำหรับตลาดต่างประเทศให้ความสนใจเห็ดฟางแห้งมากเพราะเห็ดฟางแห้งมีกลิ่นดีกว่านอกจากนี้เมื่อนำเห็ดฟางแห้งไปปรุงอาหารแล้วจะมีความหนืดและกรอบคล้ายเห็ดโคน เห็ดฟางที่นำมาทำแห้งควรเป็นดอกที่เพิ่งบานใหม่ ๆ จะทำให้สีและรสชาติดีกว่า ดอกตูมหรือดอกแก่จนครีบใต้ดอกเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแล้ว โดยปกติเห็ดสด 10-13 กิโลกรัมเพื่อทำให้แห้งจะได้เห็ด 1 กิโลกรัม ในโรงงานอุตสาหกรรมนิยมนำเห็ดสดไปอบอุณหภูมิประมาณ 40-50 องศาเซลเซียส จนกระทั่งดอกเห็ดแห้งสนิทดี ทำให้ดอกเห็ดเบา และกรอบเวลาในการอบแห้งประมาณ 18-24 ชั่วโมง
สำหรับตลาดของเห็ดฟางต่างประเทศปริมาณและมูลค่าการส่งออกเห็ดแห้งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมาก โดยตลาดประเทศคู่ค้าที่สำคัญคือฝรั่งเศส เยอรมันตะวันตก และสหรัฐอเมริกา การส่งออกไปทั้งสามประเทศเป็นร้อยละ 88-89 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดประเทศคู่ค้าที่มีความสำคัญรองลงมา ได้แก่ ซาอุดิอาระเบีย ออสเตรีย ญี่ปุ่น แคนาดา และเนเธอร์แลนด์ การขยายตัวของการส่งออกเห็ดแห้งยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก ทั้งในประเทศคู่ค้าเดิมและตลาดใหม่ๆ ถ้าประเทศไทยได้ปรับปรุงให้คุณภาพและปริมาณผลผลิตสม่ำเสมอและได้มาตรฐาน ตลาดใหม่ๆ ที่มีศักยภาพที่จะขยายตัว คือ ฮ่องกง ซึ่งเคยนำเข้าจากไทยอยู่ระยะหนึ่ง แต่ภายหลังงดการนำเข้าไปนอกจากนี้ตลาดอื่น ๆ ได้แก่ ยุโรปตะวันออกกลาง และเอเชีย โดยเฉพาะญี่ปุ่น
3. จำหน่ายเป็นเห็ดกระป๋อง เห็ดที่ส่งเข้าโรงงานจะมีขนาดรูปร่างและสีสันตามมาตรฐานสากลที่ใช้เป็นบรรทัดฐานในการรับซื้อ ดอกเห็ด และการตีราคาของโรงงานอุตสาหกรรมซึ่งจะกำหนดชนิดลักษณะสีสันคุณภาพขนาดและตำหนิไว้ อย่างละเอียด นอกจากนี้ยังมีการคิดค้นผลิตภัณฑ์ชนิดอื่นจากเห็ดฟางโดยนำมาทำกะปิเห็ด ซอสหรือน้ำปลา เห็ดน้ำพริกเผาและข้าวเกรียบเห็ด เป็นต้น
ตลาดต่างประเทศ สำหรับเห็ดฟางกระป๋องนั้นแต่เดิมการส่งออกมี เฉพาะซาอุดิอาระเบียและสหรัฐอเมริกาเท่านั้นปัจจุบันตลาดขยายไปอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะในตลาดยุโรป และเอเซียโดยประเทศที่คาดว่าจะเป็นลูกค้าประจำต่อไป ได้แก่ บาห์เรน ออสเตรเลีย แคนาดา สวิสเซอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์ นอกจากนี้คาดว่าจะขยายตลาดไปในบางประเทศที่การนำเข้ายังไม่สม่ำเสมอ เช่น ฝรั่งเศส คูเวต ญี่ปุ่น ฮ่องกง เดนมาร์กและมาเลเซีย ปัญหาที่สำคัญคือวัตถุดิบมีไม่เพียงพอ และคุณภาพไม่ได้มาตรฐานตามที่ต้องการกล่าวคือ เห็ดฟางกระป๋องที่ตลาดต้องการนั้นเป็นเห็ดที่หมวกสีดำ ขนาดเล็กซึ่งเป็นสายพันธุ์ของไต้หวันที่ใช้เพาะในลักษณะเห็ดอุตสาหกรรม เนื่องจากไต้หวันเป็นผู้บุกเบิกเห็ดฟางกระป๋อง ดังนั้นตลาดจึงเคยชินกับเห็ดฟางกระป๋องในลักษณะนี้