ประวัติและความสำคัญของเห็ดฟาง
ชื่อสามัญ : Straw Mushroom
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Volvariellavovacea(Bull. Ex.Fr.) Sing
ชื่ออื่น เห็ดบัว ภาคอีสานเรียกว่า เห็ดเฟียง
ถิ่นกำเนิด ประเทศจีน
เห็ดฟางเป็นเห็ดยอดนิยมของคนไทย นิยมเพาะกันบนกองฟางข้าวชื้นๆ โคนมีสีขาว ส่วนหมวกสีน้ำตาลอมเทา หาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดตลอดทั้งปีเดิมคนไทยเรียกเห็ดฟางว่า เห็ดบัว เพราะมีเกิดขึ้นได้เอง ในกองเปลือกเมล็ดบัวที่กะเทาะเมล็ดภายในออกแล้ว ต่อมาเมื่อมีการส่งเสริมให้ใช้ฟางเพาะจึงนิยม เรียกว่า เห็ดฟาง เห็ดฟาง เป็นพืชชั้นต่ำซึ่งจัดเป็นราชนิดหนึ่ง ไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้ ไม่มีสารสีเขียว ต้องอาศัย สารอินทรีย์จากสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตอื่น ๆ เพื่อใช้ในการเจริญเติบโต มนุษย์สามารถนำมาใช้เป็นอาหารได้ เนื่องจากเห็ดเป็นอาหารที่มีรสชาติดี นอกจากเห็ดจะมีประโยชน์ต่อชีวิตประจำวันของมนุษย์ในแง่ของอาหาร และยาป้องกันรักษาโรคแล้ว เห็ดยังมีความสำคัญทางเศรษฐกิจอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทย ซึ่งมีสภาพแวดล้อมเหมาะสมสำหรับการเพาะเห็ดหลายชนิด ประกอบกับต้นทุนในการผลิตเห็ดแต่ละชนิด ค่อนข้างต่ำจึงทำให้ผู้เพาะเห็ดมีรายได้ดี เห็ดฟาง เป็นพืชเกษตรชนิดหนึ่ง ที่ให้ผลตอบแทน (Magin) สูง ไม่มีปัญหาเรื่องผลผลิตราคาตกต่ำ หรือขาดทุนจากการเพาะเลี้ยง แต่ทั้งนี้จะต้องมีความรู้ในเชิงทฤษฏี และประสบการณ์การการเพาะเลี้ยง จึงจะประสบผลสำเร็จ และจะให้ผลตอบแทนอย่างคุ้มค่ามาก ขนาดสามารถสร้างฐานะทางเศรษฐกิจ ให้กับตนเองได้ เป็นอย่างดี เห็ดฟาง เป็นพืชที่เพาะเลี้ยงและสามารถให้เก็บผลผลิตได้โดยใช้ระยะเวลาสั้น ประมาณ 15-20 วัน ก็สามารถเก็บดอกเห็ดไปจำหน่ายได้ ดอกเห็ดฟางจำหน่ายได้ราคาดี ตลาดมีความต้องการมาก อาชีพการเพาะ เห็ดฟางจึงเป็นอาชีพที่ทำรายได้ให้แก่เกษตรกรมากอย่างหนึ่ง สิ่งสำคัญประการหนึ่งสำหรับผู้เพาะเห็ดฟางคือ อัตราเติบโตของปริมาณผลการผลิตเห็ดฟาง มีอัตราต่ำกว่าการเติบโตของการบริโภค และยังมีตลาดรองรับที่ แน่นอน ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องราคาผลผลิตตกต่ำ
การเพาะเลี้ยงเห็ดฟางมีหลายแบบ แต่หากคิดที่จะผลิตเห็ดเพื่อขายในเชิงพาณิชย์ จะต้องใช้วิธีการการเพาะเลี้ยงแบบโรงเรือน ทั้งนี้เพาะในช่วงหน้าฝนและหน้าหนาว สามารถผลิตเห็ดได้ดีกว่าการเพาะเลี้ยงใน รูปแบบอื่น ๆ ทำให้มีรายได้สม่ำเสมอทั้งปี ยิ่งในช่วงที่ฝนตกหรือมีอากาศหนาว ราคาเห็ดฟางจะมีราคาสูงขึ้น กว่าช่วงอื่นๆ อีกทั้งการเพาะเลี้ยงในโรงเรือน สามารถการดำเนินงานได้สะดวกรวดเร็ว ใช้พื้นที่น้อยกว่าการเพาะเห็ดฟางแบบอื่นๆ การเพาะเห็ดฟางนี้ก็ยังมีข้อเสียคือ มีการลงทุนในขั้นแรกที่ค่อนข้างจะสูง มีหลักวิธีการปฏิบัติและขั้นตอนการเพาะมากพอสมควร ดังนั้นผู้ที่จะทำการเพาะเห็ดฟางในเรือน จำเป็นต้องศึกษาให้ทราบและเข้าใจเป็นอย่างดีเสียก่อน เพราะหากกระทำไม่ถูกวิธีแล้วจะทำให้เกิดความเสียหายขึ้นได้ เหตุใดเห็ดฟางจึงเป็นพืชที่ให้ผลตอบแทนสูง เพราะการเพาะเลี้ยงเห็ดฟางครั้งหนึ่งๆ จะให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าแรงงาน ค่าวัสดุเพาะ ค่าหัวเชื้อ ค่าเชื้อเพลิง ค่าใช้จ่ายอื่นๆ แล้วจะมีกำไรอยู่ประมาณ 50-65 เปอร์เซ็นต์ โดยคิดราคาถัวเฉลี่ยที่ขายได้อยู่ประมาณ 65 บาท ต่อกิโลกรัม แต่เหตุใด หรือทำไม จึงมีผู้ประสบผลสำเร็จได้น้อย อันเป็นเหตุให้ราคาเห็ดฟางคงที่อยู่ตลอดทั้งปี และในบางช่วงราคาอาจสูงถึงกิโลกรัมละ 70 – 90 บาท ซึ่งมีเหตุผลดังต่อไปนี้
1. เห็ดฟาง เป็นพืชที่อ่อนไหวต่อการดูแลรักษาการผลิตมาก มีขั้นตอนการทำงานมาก ซึ่งถ้าหากมีการ ทำงานผิดพลาดในขั้นตอนต่าง ๆ เพียงขั้นตอนเดียว ก็จะมีผลต่อปริมาณของผลผลิตแล้ว
2. ผู้เพาะเลี้ยงส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ในเชิงทฤษฏี รู้แต่วิธีและขั้นตอนการเพาะเลี้ยงที่ถูกกำหนดไว้ตายตัว ซึ่งเห็ดฟางเป็นพืชที่อ่อนไหวต่อสภาพแวดล้อม เช่น อุณหภูมิ ความชื้น แสง อากาศ หากสภาพแวดล้อมเปลี่ยน ขั้นตอนการเพาะเลี้ยงจะต้องปรับเปลี่ยนตามไปด้วย มิเช่นนั้นจะทำให้มีผลผลิตที่ต่ำลง
3. ในการเพาะเลี้ยงเห็ดฟาง จะมีปัญหาเรื่องกลิ่นเหม็น (ก๊าซแอมโมเนีย) และมีปัญหาเรื่องแมลงไร ทำให้หาแรงงานได้ยาก แต่ถ้าหากขั้นตอนการทำงานถูกต้อง ปัญหานี้จะน้อยลงไปมาก ด้วยเหตุผลทั้ง 3 ประการข้างต้น จึงทำให้ผู้เพาะเลี้ยงรายเดิมเลิกเพาะเลี้ยง หรือหยุดเพาะเลี้ยงในบางช่วงที่อากาศหนาว ในขณะที่ผู้เพาะเลี้ยงรายใหม่ ก็ไม่มีประสบการณ์ในการเพาะเลี้ยง ทำให้ประสพปัญหาขาดทุน และเลิกเลี้ยงไปในที่สุด ซึ่งส่งผลให้อัตราการผลิตน้อยลงไปทุกที ในขณะที่การบริโภคไม่ลดลง ซึ่งทำให้ ราคาผลผลิตสูงอยู่ตลอด และบางช่วงราคาสูงมาก เพื่อเป็นแรงจูงใจให้เกษตรกร ยังคงต้องเพาะเลี้ยงต่อไป
คุณสมบัติของเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จในการเพาะเห็ด
1. มีความรู้ในเชิงทฤษฎีซึ่งสามารถหาอ่านได้ทั่วไป
2. มีเงินทุนเริ่มต้น 300,000 บาท พอใช้สำหรับ 5 โรงเรือน ในเวลา 4-5 เดือน
3. มีพื้นที่ทำงาน 1 – 2 ไร่
4. มีความอดทน และเข้าใจว่าในระหว่างหาประสบการณ์ ประมาณ 10–20 ครั้ง การผลิต หรือ ประมาณ 3–6 เดือน จะต้องขาดทุนค่าแรงงาน
5. มีแหล่งหาความรู้ในการทำงานเพาะเลี้ยง หรือสอบถามปัญหา
6. ไม่มีปัญหาเรื่องแรงงาน
7. เป็นคนมีวินัยในการทำงาน และเป็นคนทำงานจริงจัง คุณก็สามารถจะสร้างรายได้ ขั้นต่ำเดือนละ 20,000-30,000 บาท และถ้าสามารถขยายงานออกไปได้ สามารถทำการตลาดเองได้ ก็จะทำให้มีความมั่นคงในอาชีพ
ความรู้ทางทฤษฏี โดยความเข้าใจของคนทั่วไป มักจะเข้าใจวิธีการเพาะเลี้ยงเห็ดฟาง เป็นความรู้ทางทฤษฏี จริงๆ แล้ว เป็นเพียงขั้นตอนและวิธีปฏิบัติในการเพาะเลี้ยงเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น ในการอบไอน้ำวัสดุเพาะเห็ด บางตำรา ให้อบไอน้ำที่อุณหภูมิ 60 องศา เป็นเวลา 4-6 ชั่วโมง บางทีให้อบที่อุณหภูมิ 65 องศา เป็นเวลา 4-5 ชั่วโมง บางทีให้อบที่อุณหภูมิ 70 องศา เป็นเวลา 2-4 ชั่วโมง ในการเพาะเลี้ยงเห็ดจะต้องมีการหมักวัสดุเพาะ อุณหภูมิของอากาศ ความชื้นของกองวัสดุเพาะ ความ สูงของการกองวัสดุเพาะ ความหนาของการกองวัสดุเพาะ ประเภทของวัสดุที่ใช้เป็นวัสดุเพาะ มีผลต่ออุณหภูมิ ของกองวัสดุเพาะ หากกองวัสดุเพาะและวัดอุณหภูมิได้เท่าใด จะต้องอบไอน้ำให้ได้เท่านั้นบวกกับ 10 องศา เพื่อให้ราที่เกิดในวัสดุเพาะอ่อนแอลงเป็นอาหารให้กับเห็ดฟาง หากอบไอน้ำน้อยกว่า 10 องศามาก ๆ จะทำให้ราเหล่านี้ยังแข็งแรงและจะกินเชื้อเห็ดฟางเป็นอาหาร หากอบไอน้ำมากกว่า 10 องศามาก ๆ จะทำให้ราอาหาร เห็ดอ่อนแอจนเกินไป ไม่สามารถจะแพร่ขยายต่อไปจะทำให้เห็ดฟางที่จะเก็บในรอบที่ 2 หรือ รอบที่ 3 มีขนาดดอกเล็กและน้อยลง เพราะขาดอาหาร ส่วนระยะเวลาในการอบไอน้ำถ้าวางแผนจะเก็บดอกเห็ดแค่รอบแรก แล้วรื้อทิ้งทำใหม่ ก็อบแค่ 2-3 ช.ม. ก็พอ หากคิดจะเก็บรอบสองหรือสามด้วย ก็ต้องอบไอน้ำให้นานขึ้น ไม่เช่นนั้นเห็ดอื่นจะขึ้นงามกว่าเห็ดฟางในการเก็บเห็ดรอบหลัง เหล่านี้เป็นความรู้ทางทฤษฏีที่ต้องรู้ ไม่เช่นนั้น ก็จะเพาะเห็ดได้มากบ้างน้อยบ้าง ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของอากาศ ความชื้น ความสูงและความหนาของกองวัสดุเพาะ จำนวนวันในการหมักวัสดุเพาะของแต่ละครั้ง ทำให้ผลผลิตที่ได้ไม่สม่ำเสมอ