ประการที่ 1 ปัจจัยภายนอกได้แก่ ข้อมูลด้านอาชีพพอสรุปได้ดังนี้
1. แนวโน้มของตลาดแรงงาน เป็นข้อมูลเกี่ยวกับความต้องการผู้ทำงานในด้านต่าง ๆ ปัจจุบัน และ การพยากรณ์ความต้องการในอนาคต
2.ลักษณะงาน งานที่ต้องทำเป็นประจำมีลักษณะอย่างไร ผู้ทำงานจะต้องทำอะไรบ้างเป็นงานที่ทำให้ เกิดความเพลิดเพลินหรือเบื่อหน่ายงานใหญ่ หรืองานเล็ก มีความรับผิดชอบที่สำคัญมากหรือไม่ ฯลฯ
3. สภาพแวดล้อมของงาน ได้แก่ สภาพแวดล้อม บรรยากาศ ของงาน เช่น ร้อน สกปรก ฝุ่นมาก เสียงดัง มีสารพิษ มีความขัดแย้งต่าง ๆ ในหน่วยงาน ฯลฯ
4. คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ อายุ ได้มีการกำหนดอายุก่อนเกษียณอย่างไร เพศ ต้องการเพศ อะไร
5. การเข้าประกอบอาชีพ การเข้าประกอบอาชีพต้องมีวิธีการอย่างไร โดยการสมัครงานกับนายจ้าง หรือสอบข้อเขียน สอบสัมภาษณ์
6. รายได้ ในการประกอบอาชีพมีรายได้โดยเฉลี่ยเท่าไหร่
7. ความก้าวหน้า อาชีพนั้น ๆ มีความก้าวหน้าเพียงใด ต้องมีการอบรมเพิ่มเติม และมีความสามารถ เท่าไหร่ถึงจะเลือนขั้นเงินเดือน หรือตำแหน่ง
8. การกระจายของผู้ประกอบอาชีพ มีผู้ประกอบอาชีพมากน้อยเพียงใดกระจายอยู่ทั่วประเทศหรือมีอยู่เพียงบางจังหวัด
9. ข้อดีและข้อเสีย อาชีพแต่ละอย่างมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ขึ้นอยู่กับความพอใจและความต้องการของ ผู้ประกอบอาชีพนั้น
ประการที่ 2 ปัจจัยภายใน ได้แก่ ปัจจัยส่วนบุคคล ความสนใจ บุคลิกภาพ สติปัญญา ความถนัดทักษะ แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ ความรับผิดชอบ ความอุตสาหะ เพศ เชื้อชาติ อายุ ความแข็งแรง สุขภาพ ความปลอดภัย ความมั่นคง การทำงานเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นหรือไม่ ฯลฯ
กระบวนการตัดสินใจเลือกอาชีพ กระบวนการที่บุคคลจะพิจารณาเพื่อประกอบการตัดสินใจ เป็นกระบวนการที่สลับซับซ้อน เช่น ต้องพิจารณาค่านิยม ความสนใจ ความถนัด และคุณสมบัติอื่น ๆ การตัดสินใจสัมพันธ์กับทักษะที่ได้เรียนรู้ ลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ของบุคคล เช่น หลักในการตัดสินใจ เป็นการสำรวจหนทางที่ จะเป็นไปได้กำหนดว่าจะทำอะไร จะเกิดผลอะไร ในการตัดสินใจ เราต้องรู้จัก ความสามารถ ความสนใจ ค่านิยมของตนเองและรู้ประสบการณ์ที่เกี่ยวข้อง นำความรู้ไปพิจารณาตัวเลือกต่าง ๆ ถ้าได้ข้อมูลมากเท่าใด บุคคลนั้นก็มีโอกาสได้ผลที่พึงปรารถนามากขึ้นเท่านั้น ข้อมูลจากการประเมิน นำไปสู่การอภิปรายลักษณะพิเศษของบุคคลที่สามารถเชื่อมโยงกับความต้องการทางการศึกษาและอาชีพ
จะทราบได้อย่างไรว่าอาชีพไหนเหมาะสมกับเรา คนเรามีความถนัด ความสามารถ และความสนใจในงานอาชีพแตกต่างกัน บางคนเหมาะที่จะทำงานด้านหัตถกรรม บางคนเหมาะที่จะทำงานเกี่ยวกับเครื่องกล หรืองานทางด้านวิทยาศาสตร์ ส่วนบางคนเหมาะกับงานทางด้านที่จะสอนดนตรี แต่ละคนย่อมแตกต่างกัน ข้อสำคัญคือท่านต้องรู้จักตนเอง และรู้จักงานอาชีพต่าง ๆ อย่างกว้างขวางรวมทั้งพิจารณาดูว่า มีงานอะไรบ้าง ที่ท่านชอบและสนใจมากที่สุด และงานนั้น ๆ เหมาะกับอุปนิสัยและบุคลิกภาพของท่านหรือไม่
การเลือกอาชีพและสาขาวิชาที่จะศึกษาให้เหมาะสมกับตัวเอง โดยเน้นเรื่องของบุคลิกภาพ บุคคลแต่ละบุคลิกภาพที่แตกต่างกัน แต่ละคนจะมีลักษณะที่ชี้เฉพาะตนไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณ หรือนิสัยใจคอ มีนักวิชาการบางท่านได้ให้ความหมายของ คำว่า "บุคลิกภาพ" คือ ลักษณะส่วนรวมของบุคคล ซึ่งประกอบด้วยสิ่งที่ปรากฏทางร่างกาย นิสัยใจคอ ความรู้สึกนึกคิด และพฤติกรรมรวมของบุคคลนั้น ซึ่งได้รวมอยู่ด้วยกันอย่างผสมกลมกลืนในตัวบุคคลนั้น รวมถึงสิ่งที่เขาชอบและไม่ชอบ สิ่งที่เขาสนใจและไม่สนใจ เป้าหมายต่างๆ ในชีวิตของเขา สิ่งจูงใจต่างๆ ของเขา ความสามารถด้านต่างๆ ของเขา ลักษณะบุคลิกภาพเฉพาะของแต่ละคนนั้น หากบุคคลรู้จักและเข้าใจบุคลิกภาพของตนเอง จนสามารถมองตนได้ตามสภาพความเป็นจริง ย่อมช่วยให้บุคคลตัดสินใจเลือกแนวทางชีวิตการศึกษาและอาชีพ ได้อย่างสอดคล้องกับตัวเองมากที่สุดเพราะบุคลิกภาพมีอิทธิพลต่อการเลือกอาชีพ โดยบุคคลจะเลือกอาชีพที่ เหมาะสมกับบุคลิกภาพของตน บุคลิกภาพเฉพาะอย่างจะมีความสัมพันธ์กับอาชีพเฉพาะอย่าง
ทฤษฎีการเลือกอาชีพของจอห์นแอลฮอลแลนด์ มีแนวคิดพื้นฐาน 4 ประการ
ประการที่ 1 อาชีพเป็นเครื่องแสดงออกทางบุคลิกภาพบุคคลจะเลือกอาชีพใด ย่อมแสดงว่าบุคลิกภาพ ของเขาจะปรากฏออกมาในทิศทางเดียวกัน
ประการที่ 2 บุคลิกภาพของเขาแต่ละบุคคลมีความสัมพันธ์กับชนิดของสิ่งแวดล้อมในการทำงานของ บุคคลนั้น ดังนั้น บุคคลจึงมีแนวโน้มจะหันเข้าหางาน หรืออาชีพที่สอดคล้องกับบุคลิกภาพของเขา
ประการที่ 3 บุคคลจะค้นหาสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยให้เขาได้ฝึกทักษะ และใช้ความสามารถของเขา ทั้งยังเปิดโอกาสให้เขาได้แสดงเจตคติ ค่านิยม และบทบาทของเขา
ประการที่ 4 บุคลิกภาพและสิ่งแวดล้อมจะเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมของแต่ละบุคคล ดังนั้น เมื่อสามารถทราบบุคลิกภาพและสิ่งแวดล้อมของบุคคลแล้ว ก็จะทำให้ทราบผลที่จะติดตามมาของบุคคลนั้นด้วย เช่น การเลือกอาชีพ ความสำเร็จในอาชีพ ตลอดจนทั้งพฤติกรรมต่างๆ ทั้งการศึกษาอาชีพและสังคมด้วย
ขั้นตอนการตัดสินใจเลือกอาชีพ
1. กำหนดปัญหาหรืออุปสรรคให้ชัดเจนว่า เรากำลังตัดสินใจเรื่องอะไร เช่น เรากำลังเลือกแผนการเรียนอะไร หรือเลือกที่จะประกอบอาชีพอะไร
2. สำรวจตัวเลือกต้องรู้จักแผนที่จะเลือกหรืออาชีพที่จะเลือก
3. เปรียบเทียบแต่ละตัวเลือกแตกต่างกันอย่างไร
4. สำรวจข้อมูลเกี่ยวกับการตัดสินใจที่จะเลือกแผนหรืออาชีพทั้งหมด
5. แปลความข้อมูลต้องกำหนดน้ำหนักความสำคัญให้แต่ละตัวเลือก การตัดสินใจเลือกอาชีพมักเกิดขึ้น เมื่อมีอาชีพให้เราตัดสินใจเลือกมากกว่าหนึ่งอาชีพ มีความรู้และประสบการเกี่ยวกับอาชีพที่จะเลือก
6. จัดการกับข้อมูลโดยการให้น้ำหนักความสำคัญแต่ละตัวเลือกในแต่ละประเด็นเมื่อเราเข้าใจว่าทำไม เราจึงเลือกตัวเลือกนี้มากว่า จะทำให้ตัวเลือกลดลง จนเหลืออาชีพที่เราสนใจเท่านั้น
7. เรียงลำดับประโยชน์ของตัวเลือกจากมากไปหาน้อย จะช่วยให้เห็นความสำคัญของตัวเลือกแต่ละตัว มากขึ้น
8. ตัดสินใจ การตัดสินใจเลือกอาชีพที่ดีจะต้องไม่กังวลใจว่าตัวเลือกที่เหลือจะเหมาะสมกับตัวเรามาก น้อยเพียงใด เมื่อเราได้พิจารณาตัวเลือกหลายปัจจัย ได้คิดอย่างรอบคอบ เราต้องตระหนักว่าเราทำดีที่สุดแล้ว ในขณะนั้น แม้ว่าโดยทั่วไปการตัดสินใจเลือกจะมีความเสี่ยง เพราะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต ปัญหาของเราคือเราจะต้องพยายามเลือกอาชีพที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อตัวเรามากที่สุด ไม่ตัดสินใจด้วยอารมณ์ และความรู้สึก ต้องพิจารณาจากความสนใจ บุคลิกภาพ ค่านิยม และความต้องการ
ข้อสรุปก่อนตัดสินใจเลือกอาชีพ
1. ผู้ตัดสินใจเลือกควรรู้จักตนเองให้ดีเสียก่อน โดยเฉพาะในด้านอุปนิสัยใจคอ ความรู้ ความถนัด ความสามารถ สุภาพ นิสัย ทัศนคติเกี่ยวกับอาชีพนั้น ๆ และฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัว ฯลฯ
2. ควรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอาชีพต่าง ๆ ลักษณะของงานอาชีพต่าง ๆ ลักษณะของงานอาชีพ ค่าจ้าง สวัสดิการ ความก้าวหน้า ความต้องการของตลาดแรงงาน ฯลฯ
ปัจจัยหลักของการประกอบอาชีพ
ปัญหาสำคัญของการเริ่มต้นประกอบอาชีพจะต้องพิจารณาว่าจะประกอบอาชีพอะไร โอกาสและ ความสำเร็จมีมากน้อยเพียงไรจะต้องเตรียมตัวอย่างไรจึงจะทำให้ประสบผลสำเร็จ ซึ่งมีหลายประการ เช่น
1. ทุน คือสิ่งที่จำเป็นปัจจัยพื้นฐานของการประกอบอาชีพใหม่ โดยจะต้องวางแผนและแนวทางการดำเนินธุรกิจไว้ล่วงหน้า เพื่อที่จะทราบว่าต้องใช้เงินทุนประมาณเท่าไร บางอาชีพใช้เงินทุนน้อยปัญหาย่อมมีน้อยแต่ถ้าเป็นอาชีพที่ต้องใช้เงินทุนมากจะต้องพิจารณาว่ามีทุนเพียงพอหรือไม่ ซึ่งอาจเป็นปัญหาใหญ่ ถ้าไม่พอจะหาแหล่งเงินทุนจากที่ใด อาจจะได้จากเงินเก็บออมหรือจากการกู้ยืมจากธนาคารหรือสถาบัน การเงินอื่น ๆ อย่างไรก็ตามในระยะแรกไม่ควรลงทุนจนหมดเงินเก็บออมหรือลงทุนมากเกินไป
2. ความรู้ หากไม่มีความรู้เพียงพอต้องศึกษาขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติม อาจจะฝึกอบรมจากสถาบันที่ให้ความรู้ด้านอาชีพ หรือทำงานเป็นลูกจ้างคนอื่นๆหรือทดลองปฏิบัติด้วยตนเอง เพื่อให้มีความรู้ความชำนาญและมีประสบการณ์ในการประกอบอาชีพนั้นๆ
3. การจัดการ เป็นเรื่องของเทคนิคและวิธีการ จึงต้องรู้จักการวางแผนการทำงาน ในเรื่องของตัวบุคคลที่จะร่วมคิดร่วมทำและร่วมทุน ตลอดจนเรื่องเครื่องมือเครื่องใช้และกระบวนการทำงาน
4. การตลาด เป็นปัจจัยที่สำคัญมากที่สุดปัจจัยหนึ่ง เพราะหากสินค้าและบริการที่ผลิตขึ้นไม่เป็นที่นิยมและไม่สามารถสร้างความพอใจให้แก่ผู้บริโภคได้ ก็ถือว่ากระบวนการทั้งระบบไม่ประสบผลสำเร็จ ดังนั้น การวางแผนการตลาดซึ่งปัจจุบันมีการแข่งขันสูง จึงควรได้รับความสนใจในการพัฒนารวมทั้งต้องรู้และ เข้าใจในเทคนิคการผลิต การบรรจุและการหีบห่อ ตลอดจนการประชาสัมพันธ์ เพื่อให้สินค้าและบริการของเรา เป็นที่นิยมของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายต่อไป
การวิเคราะห์ข้อมูลตนเองเกี่ยวกับอาชีพ
ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่มีผลต่อความสำเร็จในการประกอบอาชีพ คือ ตัวผู้ประกอบอาชีพจะต้องมี ความสนใจ ความถนัด ความสามารถ ทักษะทางอาชีพ รวมทั้งคุณสมบัติที่พึงมีในการประกอบอาชีพนั้น ๆ ดังนั้นผู้ที่ตัดสินใจประกอบอาชีพอย่างใดอย่างหนึ่งจึงต้องสำรวจ วิเคราะห์ตนเองให้รู้จักและเข้าใจตนเอง โดยพิจารณาด้านต่าง ๆ ต่อไปนี้
1. ด้านความสนใจ ความชอบ ความต้องการ ควรจะพิจารณาว่าตนเองมีความสนใจความชอบ ความต้องการที่จะประกอบอาชีพใดบ้าง เพราะเหตุใด
2. ด้านความรู้ ความสามารถ ความถนัด ควรจะพิจารณาว่าอาชีพที่สนใจจะทำนั้นต้องใช้ความรู้ ความสามารถ ความถนัด ทักษะทางอาชีพนั้น ๆ หรือไม่ ถ้ายังไม่มีหรือยังขาดอยู่ จะสามารถหาความรู้หรือ ทักษะเพิ่มเติมได้อย่างไร หรือจะแก้ปัญหาโดยหาผู้ร่วมงานที่มีความรู้นั้น ๆ ได้หรือไม่ อย่างไร
3. ด้านคุณลักษณะที่พึงมีในการประกอบอาชีพนั้น ๆ เนื่องจากคุณลักษณะ นิสัยที่จำเป็นสำหรับผู้ประกอบการในแต่ละอาชีพจะมีความแตกต่างกัน เช่น ผู้ประกอบอาชีพผลิตสินค้าหรือจำหน่ายสินค้า ควรเป็นผู้มีนิสัยกล้าได้กล้าเสีย มีความอดทน มีความรู้ทันต่อเหตุการณ์ รู้ความต้องการของตลาด รู้กลยุทธ์การ แข่งขันด้านตลาด ผู้ประกอบอาชีพด้านบริการ ควรเป็นผู้ที่มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี มีความยิ้มแย้มแจ่มใสชอบให้บริการผู้อื่น ๆ อดทน อดกลั้น ฯลฯ ผู้ประกอบอาชีพรับจ้าง ควรเป็นผู้ที่มีความกระตือรือร้น ขยัน อดทน ยอมรับกฎเกณฑ์ มีความซื่อสัตย์
นอกจากนี้ จากการศึกษาวิจัยพบว่า คุณลักษณะที่สำคัญของบุคคลที่จะประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพนั้น ประกอบด้วย
1. ความขยันอดทน ทำงานประเภทหนักเอาเบาสู้ ไม่ท้อถอยในการทำงาน
2. ประหยัด
3. ฉลาดมีไหวพริบ
4. มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
5. รู้เท่าทันคน เหตุการณ์ และมองการณ์ไกล
6. ซื่อสัตย์ มีคุณธรรม
7. มีมนุษยสัมพันธ์ดี
8. มีสุขภาพดี
9. มีความสามารถและความถนัดในงานอาชีพ
10. มีทัศนคติที่ดีต่ออาชีพที่ทำ รักงานที่ทำ
11. ตรงต่อเวลา มีความรับผิดชอบ
12. ใฝ่หาความรู้ แสวงหาแนวทางใหม่ในการทำงาน
องค์ประกอบในการตัดสินใจเลือกอาชีพ
การตัดสินใจเลือกอาชีพ การนำข้อมูลหลาย ๆ ด้าน ที่เกี่ยวกับอาชีพที่จะเลือก มาพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนรอบคอบ เพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกประกอบการให้เหมาะสมกับสภาพขีดความสามารถของตนเองให้มากที่สุด มีปัญหาอุปสรรคน้อยที่สุด
การตัดสินใจเลือกอาชีพ มีองค์ประกอบที่สำคัญดังต่อไปนี้
1. ข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ซึ่งจะพิจารณาข้อมูล 3 ด้าน คือ
ก. ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง คือ ข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการประกอบอาชีพที่ตนเองมีอยู่ เช่น เงินทุน ที่ดิน อาคารสถานที่ แรงงาน เครื่องมือ เครื่องใช้ วัสดุ อุปกรณ์ ความรู้ ทักษะต่าง ๆ ที่จะนำมาใช้ใน การประกอบอาชีพมีหรือไม่ อย่างไร
ข. ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมและสังคม เช่น ผู้ที่จะมาใช้บริการ (ตลาด) ส่วนแบ่งของตลาด ทำเล การคมนาคม ทรัพยากรที่จะเอื้อที่มีในท้องถิ่น แหล่งความรู้ ตลอดจนผลที่จะเกิดขึ้นต่อชุมชน
ค. ข้อมูลทางวิชาการ ได้แก่ ความรู้ทางเทคนิคต่าง ๆ ที่จำเป็นต่ออาชีพนั้น ๆ เช่น การตรวจ ซ่อมแก้ไข เทคนิคการบริการลูกค้า ทักษะงานอาชีพต่าง ๆ ฯลฯ
2. ความถนัด โดยทั่วไปคนเราจะมีความถนัดในเชิงช่าง แต่ละคนจะแตกต่างกันไป เช่น ความถนัดในการทำอาหาร ถนัดในการประดิษฐ์ ฯลฯ ผู้ที่มีความถนัดจะช่วยให้การทำงานนั้น เป็นไปได้อย่างสะดวก รวดเร็ว คล่องแคล่ว รวมทั้งยังช่วยให้มองเห็นลู่ทางในการพัฒนาอาชีพนั้น ๆ ให้รุดหน้าได้ดีกว่าคนที่ไม่มีความถนัด
3. เจตคติที่ดีต่องานอาชีพ เป็นความรู้สึกภายในของแต่ละคนที่มีต่องานอาชีพ ได้แก่ ความรัก ความศรัทธา ความภูมิใจ ความจริงใจ ฯลฯ ความรู้สึกต่าง ๆ เหล่านี้จะเป็น แรงผลักดันให้คนเกิดความมานะ อดทน มุ่งมั่น ขยัน กล้าสู้ กล้าเสี่ยง ทำให้ประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพได้
การที่จะตัดสินใจเลือกอาชีพ ผู้ประกอบการต้องนำเอาข้อมูลต่าง ๆ มาวิเคราะห์โดยมีแนวทางในการพิจารณา คือ
1. วิเคราะห์สภาพที่เป็นอยู่ หมายถึง สิ่งที่เป็นอยู่ในขณะนั้นเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ต้องวิเคราะห์ตามสภาพจริงที่เป็นอยู่
2. วิเคราะห์ทางออก หมายถึง แนวทางในการดำเนินงานที่ผู้วิเคราะห์เห็นว่า ในกรณีที่สภาพที่เป็นอยู่นั้นไม่เป็นไปตามความต้องการ หรือตามที่กำหนด แต่อาจมีแนวทางการดำเนินงาน หรือทางออกอื่น ๆ ที่จะทำให้เป็นไปตามที่ต้องการได้อีกหลายวิธี ซึ่งต้องตัดสินใจเลือกทางออก หรือวิธีการที่เหมาะสมเป็นไปได้มากที่สุด
3. วิเคราะห์ความเป็นไปได้ หมายถึง การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างสภาพที่เป็นอยู่กับทางออก แนวทางที่จะดำเนินการนั้น เป็นสิ่งที่สามารถจะทำให้เกิดขึ้น หรือเป็นไปได้จริงหรือไม่ตามทางออกที่คิดไว้
4. ตัดสินใจเลือก เป็นการสรุปตัดสินใจเลือกอาชีพหลังจากที่มีการวิเคราะห์ เปรียบเทียบอย่างละเอียด รอบคอบแล้ว การวิเคราะห์ความพร้อมและความเป็นไปได้ของอาชีพ ที่ตัดสินใจเลือก เมื่อตัดสินใจว่าจะประกอบอาชีพใดแล้ว เพื่อให้เกิดความมั่นใจ และเชื่อมั่นว่าอาชีพที่เลือกนั้น จะสามารถดำเนินการได้ตลอดรอดฝั่ง มีความจำเป็นต้องมีการวิเคราะห์ความพร้อม และความเป็นไปได้ของอาชีพที่ตัดสินใจเลือก โดยมีขั้นตอนการวิเคราะห์ดังนี้
ตัวอย่างการตัดสินใจเลือกอาชีพ
การเตรียมความพร้อมและความเป็นไปได้ของอาชีพ "ขายผลไม้"
เงินทุน การประกอบอาชีพขายผลไม้ ต้องใช้เงินทุน เมื่อเริ่มกิจการจำนวนเท่าใด ถ้าเปิดในลักษณะเป็นร้าน เป็นแผงลอย หรือเป็นรถเข็น จะต้องลงทุนแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร ตนเองมีเงินทุนหรือยัง ถ้ามีไม่ พอจะหาได้จากแหล่งใดบ้าง
แรงงาน อาชีพนี้ทำคนเดียวได้หรือไม่ หรือจำเป็นต้องมีผู้ร่วมงานด้วย ถ้าจำเป็นต้องมี จะหาได้หรือไม่ อย่างไร
วัสดุอุปกรณ์ ต้องใช้เครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์อะไรบ้าง จำนวนเท่าใด หาซื้อได้ที่ไหน
สถานประกอบการ สถานที่ในการขายผลไม้ต้องมีลักษณะอย่างไร ตนเองมีสถานที่นั้นหรือไม่ ถ้าไม่มี จะแก้ไขอย่างไร ถ้าเช่าหรือซื้อจะมีทุนพอหรือไม่ คุ้มกับการลงทุน และผลกำไรที่จะได้หรือไม่
วัตถุดิบ จะหาซื้อผลไม้จากแหล่งใด ไปซื้อเองหรือมีผู้มาส่งถึงที่
คุณสมบัติที่จำเป็นในอาชีพ ผู้ประกอบอาชีพขายผลไม้ต้องเป็นผู้มีมนุษยสัมพันธ์ดี รู้จักพูดคุย แนะนำ สินค้าแก่ลูกค้า รู้จักบริการลูกค้า เช่น หอบหิ้วของไปส่งให้ที่รถ
มีคุณธรรม จริยธรรม เช่น ไม่โกงตาชั่ง ไม่เอาผลไม้ที่เน่าเสียแล้วให้ลูกค้า ฯลฯ ตัวเราเองมีคุณสมบัติที่กล่าวมาหรือไม่อย่างไร
สุขภาพ ตนเองมีสุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์ เพียงพอในการประกอบอาชีพขายผลไม้ หรือไม่ โดยเฉพาะ ถ้าต้องขายในลักษณะเป็นรถเข็น ต้องเคลื่อนที่ไปบริการลูกค้าตาม สถานที่ต่าง ๆ
ความถนัด ความมีใจรักในอาชีพ ต้องพิจารณาว่าอาชีพขายผลไม้ ตนเอง มีคุณสมบัติที่จำเป็นเพียงพอ หรือไม่ มีความถนัดที่จะทำ หรือใจรักที่จะทำเพียงพอ ที่จะเผชิญปัญหาอุปสรรค ต่าง ๆ ในอาชีพหรือไม่ อย่างไร
ส่วนแบ่งของตลาด ต้องพิจารณาว่า อาชีพขายผลไม้ ตามสถานที่/ทำเล/แหล่งที่จะขายนั้นมีโอกาส ขายได้หรือไม่ มากน้อยแค่ไหน มีคู่แข่งมากน้อยแค่ไหน จะขายแข่งได้หรือไม่ จะใช้กลยุทธ์ทางการตลาด อย่างไรจึงจะจูงใจลูกค้า
การขยายงาน/กิจการ จะทำได้หรือไม่ จะมีปัญหา อุปสรรคอะไร
ความมั่นคงในอาชีพ อาชีพขายผลไม้มีความมั่นคงหรือไม่ จะขายแล้วคุ้มทุน หรือไม่ จะมีผลไม้ให้ขาย อย่างต่อเนื่องหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ฤดูเทศกาลของผลไม้ ประเภทที่ขายจะแก้ปัญหาอย่างไร ถ้าผลไม้นั้นเน่าเสีย จะทำอย่างไร เมื่อมีการวิเคราะห์ความพร้อมของตนเองในการประกอบอาชีพขายผลไม้แล้ว ตนเองตอบได้ว่า มีความพร้อมแล้ว และมีความพอใจกับการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของการประกอบอาชีพ ก็แสดงว่ามีความมั่นใจที่จะ ดำเนินอาชีพขายผลไม้ได้ ขั้นตอนต่อไปก็คือ การกำหนดโครงการและแผนงานในการขายผลไม้ต่อไป