วันที่โพสต์: Nov 03, 2013 2:58:44 PM
รำพึงความหลัง
โดย....ศรีนวล เซ็นนันท์
หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลงแล้ว (พ.ศ. 2485-2488) คุณพ่อสุริยา เซ็นนันท์ ซึ่งเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนพระคริสตธรรม ได้พาลูกสาวคือตัวข้าพเจ้า มาสมัครเข้าเรียนในโรงเรียนดาราวิทยาลัย
เมื่อเข้ามาตอนแรก ข้าพเจ้าสังเกตว่า โรงเรียนนี้มีบริเวณกว้างขวาง มีสนามเป็น 2 ส่วน มีร่องน้ำไหลผ่านแบ่งเป็นสนามนอกและสนามใน มีสะพานเล็ก ๆ เชื่อม ที่ใกล้สะพานมีต้นโอ้ค และกอไผ่พุ่มใหญ่น่าดูมาก ร่องน้ำนี้ทราบว่าเป็นลำเหมือง มีน้ำไหลมาจากแม่น้ำปิง ผ่านโรงเรียนปริ้นส์รอย ผ่านโรงพยาบาลแมคคอร์มิค แล้ววกผ่านเข่ามาในโรงเรียนดารา โดยน้ำในเหมืองจะไหลจากทางทิศตะวันตก อ้อมไปทางทิศตะวันออกแล้วลงสู่ทุ่งนาด้านหลัง ทุ่งนาตอนนั้นอยู่ตรงตึกคหกรรมไปจนถึงบริเวณแผนกอนุบาลปัจจุบัน ยังคงมีแนวลำเหมืองตื้นเขินหลงเหลือให้เห็นอยู่
สมัยก่อนจะมีน้ำใส เห็นตัวปลาใหญ่น้อย มีต้นกูด ต้นเฟิร์น และกอหญ้า มีดอกไม้ป่าขึ้นตามริมเหมือง หลังตึกอำนวยการ สมัยนั้นยังไม่มีตัวตึก มีต้นมะเดือต้นใหญ่ ลูกดก สีแดง เขียว คละกัน ดูแล้วสวยงามมาก ผีเสื้อบินว่อน เห็นตัวกระรอกมากินลูกมะเดื่อ และที่นี่ใกล้ ๆ กัน มีบ่อน้ำใสสะอาด ซึ่งนักเรียนทุนบ้าน A ใช้ทั้งอาบ – กิน โดยมีห้องน้ำกั้นด้วยฝาสังกะสี
สนามส่วนหน้าของโรงเรียนอยู่ติดกับถนนแก้วนวรัฐ ต่อมามีการสร้างอาคารเรียน ม.ปลาย เป็นตึกชั้นเดียว และปัจจุบันใช้เป็นที่ฝึกซ้อมดนตรี และสอนวิชาเต้นรำ
สนามในส่วน (ตรงขวามือบริเวณตึกเฮเลนเดี๋ยวนี้) มีอาคารไม้ชั้นเดียว เรียกว่าตึกประถม ด้านหน้าสร้างเป็นห้องโถง ใช้เป็นที่แสดงละครเวลามีงานประจำปี ถัดเข้าไปเป็นลานต้นสนกว้างมาก มีประมาณ 10 กว่าต้น ใต้ต้นสนใช้เป็นที่ฝึกกิจกรรม พละ กายบริหาร และเป็นที่เล่น ที่พักผ่อนของนักเรียน เป็นสถานที่ร่มรื่น แต่ต่อมาต้องถูกตัดทิ้งทั้งหมด เพราะได้สร้างหอประชุมขึ้นแทนต่อจากลานต้นสน ก็เป็นตึกเขียว (เพราะทาสีเขียว) เป็นบ้านพักของอาจารย์ฝรั่ง ทางซ้ายมือของตึกเขียว คือตึกใหญ่ใช้เป็นหอพักและห้องเรียนรวมกัน (ปัจจุบันใช้เป็นหอพัก) มีถนล้อมรอบสนามวงกลม ผ่านหน้าตึกพอดี ถนนนี้เริ่มตั้งแต่ประตูเข้าโรงเรียน
ถัดจากตึกใหญ่ มีบ้านไม้ 2 ชั้นรวม 3 หลัง มีชื่อเรียกว่า บ้าน A บ้าน B และบ้าน C ชั้นบนเป็นบ้านพักครู ชั้นล่างทำเป็นห้องเรียน ต่อมามีการสร้างอาคารเรียนแทรกระหว่างบ้าน B และบ้าน C อีกหลังหนึ่ง ระหว่างบ้าน C และตึกใหญ่ มีอาคารไม่ใช้เป็นห้องครัว ด้านหลังห้องครัว มีอาคารซักรีด และเก็บของ
ทั้งหมดที่เล่ามานี้ คือ อาคาร สถานที่ที่มีอยู่ในสมัยนั้น
ข้าพเจ้าได้พักที่ตึกใหญ่พร้อมกับเพื่อน ๆ ห้องเรียนก็อยู่ที่ตึกนี้ คุณครูผู้ควบคุม คือ คุณครูอัมพร อุดมใหม่ ท่านเป็นคนเข้มงวดในกฎระเบียบมาก ถ้าใครทำความผิดจะถูกลงโทษทันที เช่น ใช้ไม้บรรทัดตีที่น่อง ใบหน้าเคร่งเครียดของท่านเป็นที่เกรงขามของนักเรียนมาก จนไม่มีความสุข ข้าพเจ้าเรียนหนังสือไม่ได้ในปีแรก ทั้ง ๆ ที่เคยเรียนดีมาก่อน เผอิญตอนนั้นได้ป่วยเป็นไข้ไทฟอยด์ สาเหตุที่ป่วยเป็นโรคนี้ เพราะข้าพเจ้าหิวข้าว รับประทานอาหารไม่ทันเพื่อน และรับประทานช้าต้องใช้ช้อนส้อม ซึ่งก็ยังใช่ไม่เป็น ข้าวก็เป็นข้าวจ้าว คุณครูคอยกวดขันตลอดเวลา ทั้งยังหมดเวลาไว้แบบทหาร เมื่อหิวพบสิ่งใดที่รับประทานได้ก็จะไม่เลือก ไม่ระวัง จึงรับเชื้อโรคชนิดนี้เข้า ข้าพเจ้าผอมมาก สุขภาพไม่ดี คุณครูท่านหวังดีให้ยาควิวนินรับประทานจนหูอื้อ สีเสียงดังราวจิ้งหรีดร้องในหู แถมบังคับให้ดื่มนมแพะ ความจริงอร่อย มีรสหวานมัน ข้าพเจ้าคิดว่าตัวเองคงอ้วนขึ้นแน่ ๆ แต่ตรงข้าม ดื่มเข้าไป 10 นาที ต้องวิ่งเข้าห้องส้วมเพราะท้องเดินทุกครั้ง ในที่สุดก็ล้มป่วย ต้องหยุดเรียนไปเลย เมื่อกลับไปบ้านคุณพ่อพาเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจนหายดีแล้ว ปีต่อมาจึงกลับมาเรียนต่อ
การเรียนสมัยนั้น เริ่มชั้นอนุบาล ชั้นประถม ชั้นมัธยมต้น ชั้นมัธยมปลาย และวิชาครู หลักเกณฑ์มีว่าถ้าคะแนนรวมทุกหมวดวิชาไม่ถึง 50% ต้องเรียนซ้ำชั้น ไม่มีการสอบแก้ตัว ข้าพเจ้าสอบผ่านทุกปี เริ่มมาเข้าเรียนชั้นประถมปีที่ 5 และเรียนจนจบชั้นมัธยมปีที่ 6
สุดท้ายนี้ ข้าพเจ้าขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณคณะมิชชั่นนารี ขอบคุณคุณาจารย์ คุณครูทุกท่านที่ได้ให้ความรู้ อบรมสั่งสอนข้าพเจ้า ทำให้ข้าพเจ้าได้มีโอกาสเรียนต่อสูงขึ้น และกลับมาเป็นครูสอนอยู่ในโรงเรียนดาราจนเกษียณอายุ นับว่าข้าพเจ้าได้สร้างตัวทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ดำเนินชีวิตได้อย่างราบรื่นจนทุกวันนี้
**************************************************
ที่มา : หนังสือ 120 ปีดาราวิทยาลัย