วันที่โพสต์: Nov 03, 2013 3:3:16 PM
ศิษย์เก่าเล่าความหลัง
จากผู้เล่าคือศิษย์เก่า ม.6 รุ่น 2496
เมื่อครั้งอยู่ประจำที่โรงเรียนดาราวิทยาลัย เชียงใหม่ (แบบย่อ)
ฉันเป็นเด็กบ้านนอก แต่มาคลอดที่ในเมือง เมื่อมีร่างกายแข็งแรงดี คุณพ่อ คุณแม่ก็พาไปอยู่บ้านนอก พออายุได้ 7 ขวบ แม่ก็พาฉันมาเรียนที่โรงเรียนดารา โดยเข้ามาเป็นนักเรียนประจำ แม่เห็นว่าฉันเล็กนัก แม่ก็มาเป็นแม่บ้านอยู่พักหนึ่ง ฉันอาศัยอยู่บ้านเล็กจะเรียกว่ากระต๊อบก็ไม่เชิงเพราะใหญ่กว่ากระต๊อบหน่อยหนึ่ง เขาเรียกบ้านเหนือ ตั้งอยู่บริเวณตึกอำนวยการตอนนี้ ฉันอยู่กับรุ่นพี่หลายคน เช้าขึ้นมาฉันจะเดินไปตึกเรียน ซึ่งเป็นตึกประถมชั้นเดียว บริเวณที่ตั้งตึกเฮเลนเดี๋ยวนี้ ฉันเรียนประถมปีที่หนึ่งได้ไม่ถึงปี เกิดสงครามขึ้น ฉันและแม่ก็กลับบ้านนอก ฉันเรียนซ้ำประถมหนึ่งที่บ้านนอกจนจบชั้นประถมปีที่สี่ แล้วมาต่อมาที่โรงเรียนดารานี้อีก ในชั้นมัธยมปีที่หนึ่ง ซึ่งเป็นประถมปีที่ห้าสมัยนี้
ตอนนั้น ฉันอยู่ที่บ้าน A ในบริเวณโรงเรียนจะมีบ้านไม้สามหลังคือ บ้าน A, B, C ฉันอยู่บ้าน A แรก ๆ ฉันจะทำกับข้าวไปตลาดเอง มีรุ่นน้องเป็นคู่ ทำพอกินได้ไม่มีรสชาติ ทำพอให้รู้ว่านี่คืออาหาร ทั้งนี้เพราะฉันเป็นนักเรียนทุน ไม่ใช่เพราะเรียนเก่งฉันเรียนพอปานกลาง ที่ฉันเรียนทุนเสียครึ่งหนึ่งเพราะฐานะทางบ้านไม่ค่อยจะดี มาระยะหลังมีแม่ครัวทางตึกใหญ่ทำก็เลยไปรับอาหารจากตึกใหญ่มาทานกัน
กิจวัตรประจำวันของฉันคือ เช้าขึ้นมาฉันพร้อมเพื่อน ๆ จะตื่นนอนเมื่อมีเสียงกระดิ่งจากตึกใหญ่ปลุกลุกขึ้นมาล้างหน้าแต่งตัว ทำเวร บางเวรหนึ่งคน บางเวรสามคม เวรที่มากที่สุดคือเวรล้างจาน เพราะต้องล้างกันถึงสี่น้ำสี่ถัง ส่วนเวรจัดโต๊ะปัดกวาดห้องนอน ห้องรับแขก จะลดหลั่นไป เวรเก็บผงจะมีคนเดียวเก็บทั่วบริเวณสนาม หน้าร้อนค่อยยังชั่ว แต่ถ้าหน้าหนาวเกล็ดน้ำค้างลงบนใบหญ้า หนาวมากเลย เวรนี้ก็จะเปลี่ยนคนทำไปเป็นเดือน ๆ เดือนหนึ่งก็จะเปลี่ยนครึ่งหนึ่ง วนเวียนไปกลับมาคนเดิมอีก
ที่ตึกใหญ่เวลาอาบน้ำ ครูเวรจะให้อาบเป็นเวลา กำหนดกลุ่มละห้านาที พอหมดเวรครูเวรจะสั่นกระดิ่งให้พวกใหม่เข้าไปอีก เป็นเช่นนี้ทุกวัน ฉันอยู่บ้าน A จะอาบนานเท่าไหร่ก็ได้ขอให้ทันเวลาทานข้าว พวกบ้าน A, B จะไปอาบน้ำที่บ่อน้ำหลังตึกอำนวยการเดี๋ยวนี้ อาบน้ำเสร็จ ทานข้าว เดินเล่นสักพักก็ถึงเวลาท่องหนังสือ เด็กบ้าน A, B, C จะมาท่องรวมกันหมดที่ตึกใหญ่ ก่อนท่องหนังสือจะมีนมัสการสั้น ๆ ร้องเพลง อธิษฐาน และท่องหนังสือ เด็กประถมขึ้นนอนก่อน ต่อมามัธยมต้น และมัธยมปลายตามลำดับ ระหว่างที่ท่องหนังสือจะเงียบมาก ไม่มีเสียงกระซิบกระซาบกันเลย เงียบจนกระทั่งจะได้ยินเสียงหายใจของตัวเอง ฉะนั้นถ้ามีเสียงไม้บรรทัดหรือดินสอปากกาตกพื้นนี้จะตกใจกันมาก มีอยู่ครั้งหนึ่งซึ่งนักเรียนประจำ จะไม่มีวันลืมเหตุการณ์ครั้งนี้เลย เพราะขณะที่นั่งท่องหนังสือ มีตุ๊กแกตกลงมาบนโต๊ะ ๆ หนึ่ง นักเรียนคนหนึ่งในโต๊ะนั้นตกใจร้องกรี๊ดสุดเสียงแล้ววิ่งไปห้องโน้นทีห้องนั้นที เหมือนกับจะไม่พ้นอันตราย นักเรียนทุกคนก็กรี๊ดเหมือนกันหมดแล้ววิ่งตามกันไปหมดเข้าห้องนั้นออกห้องนี้ ทั้งวิ่งทั้งร้อง ลองคิดดูเถอะนักเรียนเป็นร้อยสองร้อย เสียงจะดังขนาดไหน นักเรียนที่วิ่งสวนมายังไม่รู้ว่ามันคืออะไร เขากรี๊ดเราก็กรี๊ด เขาวิ่งเราก็วิ่งจนบางคนติดอยู่เก้าอี้ออกไม่ได้ ตอนเข้า ๆ ได้ แต่ตอนออก ๆ ไม่ได้ อาจารย์ถามตอบไม่ถูก “เขาวิ่งหนูก็วิ่งค่ะ” เสียงกรี๊ดดังไปทั่วรอบโรงเรียน ขณะนั้นคนงานก่อสร้างตึกอำนวยการขณะนั้นคิดว่าโจรขโมยขึ้นปล้น แหม่ม อาจารย์ผู้ปกครองก็พากันมาถามไถ่ดู แล้วปล่อยให้อยู่ในความสงบ แล้วให้แยกย้ายกลับที่พักของใครของมัน ต่อมาในคืนวันเสาร์มีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีกจะเป็นเสียงอะไรไม่รู้มีคนกรี๊ดขึ้นมาอีก ทุกคนก็กรี๊ดพร้อมกันแล้ววิ่งตามกันไปตามกันมาอีกเหมือนครั้งก่อน ผลที่ได้รับคือ อาจารย์ผู้ปกครองใช้ไม้บรรทัดตีน่องคนละสองที บางคนหน้าบ้างหน่อย ก็เป็นรอยให้เห็นชัดที่น่องเมื่อไปโบสถ์ตอนเช้า
วันอาทิตย์เราจะไปโบสถ์คริสตจักรที่หนึ่งเชียงใหม่ แล้วกลับมาทานข้าวกลางวันเสร็จแล้วนอนหลับประมาณบ่ายสามโมงครึ่งกระดิ่งปลุกให้อาบน้ำแล้วจะแต่งตัวเข้าแถวไปโบสถ์โรงเรียนปริ้นส์ จะเป็นเช่นนี้ทุกวันอาทิตย์
ฉันอยู่ประจำหกปีกว่า รวมทั้งชั้นประถมปีที่หนึ่งอีกเกือบปี ระหว่างที่อยู่ประจำฉันมีความสุขมาก ฉันซักผ้าเองจะทยอยซักทุกวัน หลังจากอาบน้ำเสร็จ และจะนำมาผึ่งราวใต้ถุนบ้าน เช้าวันเสาร์ก็รวบรวมมารีด สมัยก่อนเวลาซักลงแป้งเยอะเวลารีดจะเป็นกลีบแข็ง เล่นเอาจะลุกจะนั่งลำบากหน่อย กลัวยับ ตะใช้เตารีดถ่าน พอรีดเสร็จถึงเวลาทานข้าวกลางวัน ทานเสร็จฉันและเพื่อน ๆ สี่ห้าคนจะเอาเสื่อไปปูใต้ต้นสนที่เป็นบริเวณหอประชุมเดี๋ยวนี่ จะนอนเล่นหัดร้องเพลงไทยสากล เพลงที่จะร้องจะเป็นเพลงสมัยเก่าเย็น ๆ เนิบ ๆ ไม่ใช้ดิ้นเหมือนสมัยนี้ จะหัดร้องกันหลายสิบเพลง ที่จำไดมีเพลง มนต์เมืองเหนือ แก้วลืมคอน ม่านไทรย้อย ใต้ร่มมลุลี บัวขาว ยอดสน สักขีแม่ปิง จุฬาตรีคูณ สวนนันทวัน สายทิพย์ เมื่อใกล้คริสต์มาสก็จะหัดร้องเพลงวันคริสต์มาส เสียงโซปราโน แอลโต เทนเนอร์ ประสานกัน เพื่อนฉันเขาเก่งทางนี้มาก ตอนฉันเด็ก แหม่มจะให้ฉันไปเรียนเปียโน ฉันไม่สนใจ ฉันมานึกตอนโต ฉันเสียใจมากไม่งั้นฉันคงเป็นนักเปียนโนเอกแน่ ๆ วันเสาร์ก็จะมีญาติหรือพ่อแม่มาเยี่ยม แม่ฉันมักจะเอาน้ำพริกแดงมาให้
นักเรียนประจำจะอยู่ในเขตจำกัด คือด้านหน้าไม่ให้ล้ำลำเหมืองเล็กไปตามตึกเตรียม สมัยนั้นยังไม่มีตึกเตรียมด้านหลังก็แค่หลังตึกใหญ่ วันเสาร์ไหนที่ครูเวรเกิดใจดี ก็จะให้ล้ำไปบริเวณด้านหน้าถึงรั้งถึงประตู หรือถ้าไปด้านหลังก็จะออกรั้วไปเก็บหอย เก็บปู ตามทุ่งนา ซึ่งเป็นป่าฉำฉา และบริเวณสระว่ายน้ำตอนนี้ และบางเสาร์เราก็จะไปเที่ยวกันตามหน้าโรงเรียนเพื่อเปิดหูเปิดตา ก็เบิกบานกันไปอีกวันหนึ่ง เรามีโอกาสซื้อขนมแปลก ๆ มาทานกัน
ฉันอยู่บ้าน A มักจะตื่นเช้ากว่ากระดิ่งตึกใหญ่ เพราะฤดูผลไม้สุกถ้าไม้สุกถ้าไม่ตื่นเช้าก็ไม่มีโอกาสได้ผลไม้มารับประทาน ฉันตื่นเช้าฉันจะไปเก็บมะม่วงสุก กระท้อน มะกอก เอามาเก็บไว้กินต่างขนม สมัยนั้นขนมไม่มีกินพร่ำเพรื่อเหมือนสมัยนี้ แม่ค้าก็มีไม่กี่เจ้า
เมื่อฉันเรียนมีปิดเทอมสามครั้ง ปิดเทอมครั้งใดฉันจะกลับบ้านนอก ระหว่างนั้นฉันจะรับจ้างถางหญ้า ขนอิฐผสมทรายก่อตึก ได้เงินมาสองสามร้อยก็มากโข ขนมตอนนั้นราคาบาทสองบาทก็กินไปได้หลายวัน มีอยู่ครั้งหนึ่งฉันได้เงินมาร้อยกว่าบาท มาถึงโรงเรียนฝนตกหลายวัน น้ำท่วม น้ำนองในโรงเรียนเราก็น้ำท่วมหน้าโรงเรียนปริ้นส์ ข้างโรงเรียนปริ้นส์ ถนนทุ่งโฮเต็ลน้ำท่วมไปหมด โรงเรียนปิด ที่ท่วมมาก ๆ คือที่เจดีย์ขาวหน้าเทศบาล และถนนไนท์บาร์ซาร์ ครูพาเที่ยวน้ำนอง ฉันได้เงินมาจากบ้านร้อยกว่าบาท ฉันฝากที่พี่ฉันไว้ระหว่างไปเที่ยวน้ำนอง ครูปล่อยให้ซื้อขนม ฉันไปเอาเงินที่ฝากพี่ฉัน ฉันเสียใจแทบเป็นลมเมื่อพี่ฉันคลำดูในกระเป๋าก็ไม่มี เป็นอันว่าวันนั้นฉันไม่ได้ซื้อขนม ฉันก็บอกพี่ฉันว่าไม่เป็นไรค่อยหาใหม่อีกได้ พี่ฉันก็เสียใจไม่น้อยเหมือนกัน
ฉันกลับบ้านปิดเทอม บางครั้งฉันจะช่วยแม่ฉันตำข้าว เอาข้าวสารไปขาย ทำข้าวควบ ข้าวแคบ ขนมลอดช่องไปขาย ขนมพื้นบ้านแม่ฉันเก่งทางนี้
โรงเรียนมีกีฬาสี นักเรียนประจำรวมกันจะเป็นสีหนึ่ง ฉันเป็นนักกีฬากับเขาด้วย ไม่ใช่ฉันวิ่งเร็วแต่เนื่องจากตัวนักกีฬาไม่มี
ก่อนนี้ทุกปีที่มีงานฤดูหนาว ทางโรงเรียนดาราของเราจะไปออกร้านในงานฤดูหนาวทุกครั้ง เขาจะจัดที่สนามโรงเรียนยุพราช ฉันเป็นนักเรียนประจำไม่ค่อยได้ไปเที่ยว ครูเวรจะพาไปเที่ยวเหมือนกันแต่ไม่บ่อยครั้ง ฉันเลยสมัครไปเป็นนักเรียนเสริฟ์ที่ร้านของโรงเรียน และบางคืนก็สมัครอยู่เวรห้องโชว์ ห้องศิลปะ ฉันจึงได้ไปบ่อย ฉันมีเพื่อนรักและสนิทหลายคน จนเดี๋ยวนี้ยังติดต่อกันอยู่ เมื่อฉันเรียนจบมัธยมหก คือมัธยมสามสมัยนี้ ฉันก็ไปเรียนครูสองปี และไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ
หนึ่งปี พ่อแม่ของฉันขายบ้านที่บ้านนอกย้ายเจ้ามาอยู่ในเมืองในช่วงนี้เองพ่อฉันก็เสีย ฉันเรียนจบแล้วทำการสอนที่โรงเรียนดาราวิทยาลัย เริ่มแรกฉันสอนที่สาขาดาราวิทยาลัย เมื่อปีที่จำได้ง่ายคือสองพันห้าร้อย ที่ตั้งของโบสถ์คริสตจักรที่หนึ่งเดี๋ยวนี้ ฉันสอนที่สาขาดาราเป็นเวลาสิบปี โรงเรียนยุบไปรวมที่ที่ดาราหนองเส้งปัจจุบัน ฉันก็เลยมาสอนที่ดาราหนองเส็งรวมเวลาที่ฉันอยู่ดาราสามสิบเก้าปี และใช้ชีวิตอยู่ที่โรงเรียนดารานี้เกือบสี่สิบหกปี ตอนนี้ฉันอายุหกสิบห้าปี
***************************************************************
ที่มา : หนังสือ 120 ปีดาราวิทยาลัย