ในปี ค.ศ. 1916 (พ.ศ. 2459) Miss Julia Hatch ได้ดำรงตำแหน่ง ผู้จัดการโรงเรียนพระราชชายา (ปัจจุบันคือที่ตั้งของคริสตจักรที่หนึ่งเชียงใหม่) และครูสุดา อินทราวุธ เป็นครูใหญ่ กิจการด้านการจัดการศึกษาของโรงเรียนได้เจริญขึ้น มีนักเรียนจำนวนมาก และเนื่องจากโรงเรียนคับแคบ ไม่สามารถขยายพื้นที่ได้ ในปี 2464 ทางโรงเรียนจึงได้ซื้อที่ดินที่ตำบลหนองเส้งจำนวน 77 ไร่ เพื่อขยายโรงเรียนพระราชชายา มายังสถานที่แห่งใหม่ และได้สร้างอาคารขึ้น 2 หลัง ให้เป็นบ้านพักมิชชันนารี 1 หลัง และอาคารหลังใหญ่ใช้เป็นอาคารเรียนและหอพักนักเรียนประจำ
ในวันอาทิตย์ ที่ 3 กันยายน ค.ศ. 1921[1] (2464)โดยศาสนาจารย์ศรีโหม้ วิชัย ศิษยาภิบาลของคริสตจักรที่ 1 เชียงใหม่เป็นผู้ประกอบพิธีวางศิลาหัวมุม มีการอ่านพระธรรมสดุดีบทที่ 144 ข้อ 12 ความว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายผู้ซึ่งบรรดาบุตรชายของข้าพเจ้า เมื่อเขายังหนุ่ม ๆ อยู่เป็นเหมือนต้นไม้โตเต็มขนาด ซึ่งบรรดาบุตรหญิงของข้าพเจ้าเป็นเหมือนเสาหัวมุม สลักออกมาตามแบบพระราชวัง” ผู้ถูกกำหนดให้เป็นผู้วางศิลาหัวมุมคือนางโซเฟีย บรัดเลย์ แมคกิลวารี ผู้ก่อตั้งโรงเรียน ภรรยาของศาสนาจารย์ ดร. ดาเนียล แมคกิลวารี แต่เนื่องจากมีฝนตกหนักนางโซเฟีย บรัดเลย์ แมคกิลวารีจึงมอบหมายให้บุตรสาวคือ Mrs. Roderick Gillies(Miss Margaret Alexandra McGilvary) ผู้ซึ่งเคยเป็นครูใหญ่ของโรงเรียนพระราชชายาในช่วงปี ค.ศ. 1895-1905(พ.ศ. 2438-2448) เป็นผู้วางศิลาหัวมุมแทน การก่อสร้างอาคารหลังแรกของโรงเรียนซึ่งเป็นอาคารสองชั้น ชั้นที่ 1 เป็นสำนักงาน ห้องประชุมและห้องเรียน ส่วนชั้นที่ 2 เป็นห้องพักสำหรับนักเรียนประจำ การก่อสร้างอาคารดังกล่าวสำเร็จและมีการเปิดโรงเรียนบนพื้นที่ใหม่เมื่อวันที่ 18 มกราคม ค.ศ. 1924[2] (พ.ศ. 2466) มีการย้ายนักเรียนชั้นมัธยมศึกษามาอยู่ในโรงเรียนใหม่ ส่วนนักเรียนชั้นประถมยังคงอยู่ที่โรงเรียนเดิมโดยมีนางสุดา อินทราวุฒิ เป็นครูใหญ่ และ Miss Julia A. Hatch เป็นผู้จัดการ
[1]วารสาร The Siam Outlook . ฉบับเดือนตุลาคม ค.ศ. 1921 หน้า 47.
[2] เอกสารจดหมายเหตุ ศธ.54.9 แฟ้มที่ 49 (เอกสารเก็บรักษาที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรุงเทพฯ)