วันที่โพสต์: Nov 03, 2013 2:49:28 PM
ณ. . . ที่นั้น
โดย . . . 4945
แสงสีทองปรากฏที่ท้องฟ้า นกกาต่างพากันบินออกจากรังเพื่อหาอาหารกิน ดอกไม้ต่าง ๆ ค่อย ๆ คลี่บานชูช่อไสวสิ่งกลิ่นหอมไปทั่ว เสียงไก่ขันเจื้อยแจ้ว ปลุกฉันให้ตื่นจากภวังค์...........
ฉันทอดสายตาจากหน้าต่างมองดูธรรมชาติรอบด้านอยู่เพลิน แต่แล้วก็ต้องสะดุ้ง เมื่อมีมือน้อย ๆ โอบรอบคอฉันไว้
“มองอะไรอยู่หรือลูก” แม่พูดขึ้น “ป่านนี้มิสายแล้วหรือ ลูกบอกว่าวันนี้โรงเรียนเปิด ทำไมมัวโอ้เอ้อยู่ล่ะ” ฉันนึกออกเดี๋ยวนี้เองว่าได้บอกอะไรแม่ไว้ ฉะนั้น ฉันจึงลุกด้วยอาการขี้เกียจ จนแม่มองดูตาเขียวพร้อมทั้งพูดสั่งสอน “เป็นผู้หญิงอย่าหัดเกียจคร้านนักนะจ๊ะ”
Honda ของฉันซึ่งคุณพ่อซื้อให้เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันเกิด จอดรถฉันอยู่ที่บันไดอย่างสง่า และนำฉันไปยังบริเวณแห่งหนึ่งที่มีหญ้าเขียวขจี ล้อมรอบด้วยรั้วสีขาวมีตึกสีเหลือง, ฟ้า, เขียว ตั้งตระหง่านอยู่ข้างหน้า ทุกก้าวที่เหยียบบ่างช่างทำให้ฉันสุขใจเหลือเกิน ทุกคนช่างดีต่อฉันฟอร์มสีแดงตัดกับสนามหญ้าและตึกดูเด่นมาก บรรยากาศอันสดชื่นแจ่มใส มีอยู่ในห้องตลอด 6 ช.ม. ของวันหนึ่ง ๆ ยามว่างฉันมักจะนั่งโคนต้นมะพร้าวและบนพื้นสีเขียวแห่งนั้น มีความสุขใจไม่อยากลืมเลย
ออด ๆ ๆ สัญญาเข้าแถวเคารพธงชาติดังขึ้นเมื่อเวลา 8.10 น. ในแถวพวกเรายังคุยและเล่นกันแบบเด็ก ๆ เสมอ เมื่อครูเห็นก็ทำหน้าตาเฉยฟังโอวาทไว้
“ เฮ้ เธอนี่ ไม่รู้หรือไงว่าคนท้ายแถวเขาจะเจ็บ” เสียงจากผู้ที่อยู่ทางปลาย ๆ แถวพูดขึ้นด้วยความโกรธ “เขาทำให้สนุกต่างหาก อยากอยู่ท้ายแถวนี่นา เหมือนรถไฟตกรางจริงนะ” คนที่ชอบแกล้งเพื่อนแก้ตัว พร้อมกับแสดงท่าทาง
เสียงรองเท้าครูดังขึ้น ใครนั่งใกล้ประตูก็ตะโกนบอกทุกคนเงียบกริบ ตั้งใจฟังคำอธิบายจากครูในวิชานั้น แต่เมื่อครูพ้นประตูห้อง เสียงต่าง ๆ ก็กระหึ่มขึ้นจนฟังไม่ได้ศัพท์ บ้างก็พูดเรื่องเรื่อย ๆ เป็นต้นว่า
“เธอ ๆ ขอตังค์ค่าห้องหน่อยซิ”
“เอ้าเธอก็ฉันทำให้เธอดูแล้วยังทำไม่เป็นอีกหรือนี่”
“ร้ายจริง ร้านจริง ความรักที่ชัง กรูกันมาประดัง....”
“ทุกคนฟังทางนี้ ช.ม. ภาษาไทยแล้วนะคงได้ยินใคร อยากจะฟังให้ตลกอีกเชิญฟัง” คำพูดเหล่านี้ไม่สามารถจะลอดออกข้างนอกได้ วิธีของพวกเราที่ดีที่สุดก็คือ ปิดประตู เสียงต่าง ๆ ค่อยเบาลง เพลงที่กำลังฮิตที่สุดแว่วมาจากวิทยุตรงมุมห้อง ไม่มีเพลงใดที่พวกเราไม่คิดจะร้องตาม เริ่มต้นตั้งแต่ตัวจี้เส้นข้างหลังห้อง จนถึงหน้าห้องแล้วก็...ทั้งห้อง
“หนิงหน่อง หนิงหน่อง นวลน้องมาเมื่อไร ทำไมไม่ทักไม่ทายหรือจำไม่ได้ว่าฉันชื่อ หนิงหน่อง”
“โอ้โฮ สวยงามสง่า..............”
“ทำไมพวกเธอถึงเป็นแบบนี้ ไม่เกรงใจห้องอื่นเขารำคาญหรือไงโตป่านนี้แล้วนะยังทะเล้นได้” เสียงครูตวาดโดยที่ไม่ทันรู้ตัว ต่างคนก็ปิดปากที่กำลังร้องเพลงเงียบกริบทันที
“ครูคิดว่า ห้องนี้เป็นห้องที่ดีเหมือนกับครูคนอื่นชม เดี๋ยวนี่หมดศรัทธาแล้ว รู้แล้วว่าตัวเองเป็นชั้นสูงสุดของโรงเรียน แทนที่จะทำตัวอย่างอันดีให้แก่รุ่นน้อง ดีนะที่อาจารย์ใหญ่ไม่ได้ยิน ยังกลัวเหมือนกันหรือถึงกับปิดประตูหน้าต่างเสียเจ้าวิทยุนั้นทีนี้อย่านำมานะ ขืนจับได้จะยึดไว้เลย”
ครูไม่ยอดลดเสียงเลย เลือดฉีดขึ้นเต็มหน้าด้วยความโกรธ จอมทะเล้นไม่นึกกลัวครูเลย แถมยังพยายามให้ครูหายโกรธเสียอีก
“งานปี ใครจะเสริฟ์เป็นมาคเกอร์บ้าง” หัวหน้าตะโกน มือทั้ง 40 คนชูสลอน จนไม่สามารถนับได้ จึงเปลี่ยนวิธีใหม่ “ให้จับคู่มา” พูดยังไม่จบ ผลึบผลับล้อมโต๊ะหน้า เต็มไปหมด แหม ! ยุ่งจริงแฮะ
“ ฉันคู่คนนี้ คนนั้น” พูดกันไปเต็มห้อง แม้จะบอกให้เงียบสักเท่าไหร่ก็ตาม ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา.............
คืนนั้นพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวโปรยแสงสีเงินไปทั่วบริเวณต้นไม้ พุ่มไม้ ประดับด้วยแสงไฟหลากสี มีร้านอาหารคอยบริการ สิ่งสำคัญที่สุดคือเวที และห้องประชุม สองสถานที่นี้คละเคล้าไปด้วยน้ำตาแห่งความปิติยินดีที่ได้จบจากสถาบันแห่งนี้ และน้ำตาที่ไหลด้วยแววแห่งความเศร้า เราต้องจากเพื่อนรัก คุณครูที่เคารพไป
ข้าทั้งหลายขอสรรเสริญ ดาราถิ่นข้าเคยรู้เรียน
ข้าทั้งหลายขอสดุดี ถิ่นสถานเคยเรียนวิชา
เคยสนุกร่วมทุกข์ ด้วยกัน มีวิชาเป็นพรหมหันต์
เราจะไม่ขอลืมดารา ๆ ...............
ผู้จัดการ อาจารย์ใหญ่ ให้โอวาทแก่พวกเรา ฉันเป็นคนหนึ่งที่ต้องเสียน้ำตา ฉันคิดถึงดารา ฯ เหลือเกิน แม้ว่าขณะนั้นฉันยังไม่จาก แต่เวลาก็ใกล้เข้ามา ฉันจำต้องลาจากไป จากดารา ฯ ดารา ฯ จากไปเพื่ออนาคต หวัวว่าภายภาคหน้าเราคงจะได้กลับมาพบกันที่ดารา ฯ อีก
ไหน ๆ ก็ต้องจากกันแล้ว ขอให้พวกเธอจารึกตัวอักษรใน Friend Ship นี้ เพื่อเป็นสัญลักษณ์มิตรภาพของเรา
ทุกคนยินดีจารึกอักษรโดยการรุมที่โต๊ะซึ่งมี Friend Ship ของทุกคนวางอยู่ อา ! บัดนี้ฉันภูมิใจที่มีเพื่อนจารึกอักษรให้
โอ...... ทุ่งหญ้าที่เขียวสด ที่ฉันเดิน, นั่ง ตึกเรียนที่เคยเป็นสถานที่ให้วิชาแก่ฉัน ฉันขอลาเธอทั้งหมดไปก่อน ทุ่งหญ้าจ๋า ก้าวแต่ละก้าวที่เหยียบย่างไปบนตัวเธอ ขอให้เป็นรอยจารึกสำหรับฉันว่าครั้งหนึ่งฉันเคยเป็นเพื่อนเธอ ตึกเรียนที่เป็นสถานศึกษาที่ดีสำหรับรุ่นน้องต่อไป ฉันจะเทิดทูนครูบาอาจารย์ที่ฉันรักและเคารพ ซึ่งได้ประสาทวิชาให้ฉัน ก้าวสุดท้ายพ้นรอบรั้วแดง-ขาว ใจฉันสั่น หวนมองดูอีกครั้งหนึ่งแล้วฉันต้องจากไป มองดูพร้อมกับให้คำมั่นกับตัวเองว่า ฉันไม่ขอลืมดาราฯ สถานที่ ณ ที่นี้ ที่นั้น ตลอดชั่วชีวิต ......
**************************************************
ที่มา : หนังสือ DARA 2508