ตราประจำตัวพระสีมาปัจจิมเขตต์
ภาพจากคุณภชร รัมพณีนิล
ตราประทับมีบทบาทต่อสังคมไทยมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา จวบจนสมัยกรุงรัตนโกสินทร์และเป็นรากฐานของการประทับตราในหน่วยงานราชการในปัจจุบัน ตราประทับเป็นสิ่งที่ใช้แทนบุคคล กลุ่มบุคคล สถานที่ หรือหน่วยงานมีไว้เพื่อให้ทราบถึงตำแหน่ง อำนาจหน้าที่ ความเป็นเจ้าของ หรือเพื่อรับรอง ความถูกต้อง การใช้ตราปรากฏในวัฒนธรรมต่างๆ ทั่วโลกตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีทั้งตราที่เป็นตัวอักษร หรือรูปประดิษฐ์อื่นๆ สำหรับประเทศไทยมีการใช้ตราหลายประเภท ทั้งตราประจำหน่วยงานราชการ ตราประจำตำแหน่ง และตราประจำบุคคล ในสมัยอยุธยาพบว่ามีตราที่ใช้เป็นตราประทับที่ราชสำนักจีนส่งมาให้สยามเพื่อใช้ประทับพระราชสาร์นคำหับที่จะส่งไปถวายจักรพรรดิจีน เป็นการรับรู้อำนาจและยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างกันเรียกว่าตราโลโต นอกจากนี้ยังมีพระราชลัญจกรอื่นๆ และตราประจำตำแหน่งขุนนางสำคัญ ดังระบุไว้ในพระอัยการลักษณะพระธรรมนูญในกฎหมายตราสามดวง ซึ่งตราประจำตัวบุคคล ที่เก่าแก่พบว่าเป็นตรารูปนกเหยี่ยวของเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) ซึ่งเป็นตราประจำตัวที่พบครั้งแรกในประเทศไทยเป็นตราที่ใช้ในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ สมัยกรุงศรีอยุธยา
ครั้นถึงสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปวเรนทราเมศมหิศเรศรังสรรค์ พระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระมหากษัตริย์ไทยสองพระองค์แรกที่โปรดเกล้าฯ ให้เชิญพระราชลัญจกรประจำพระองค์พิมพ์ลงบนกระดาษทรงพระอักษรแบบตะวันตก ดังปรากฏในพระราชหัตถเลขาที่ทรงมีไปมากับชาวต่างชาติอย่างสม่ำเสม อย่างไรก็ตามยังทรงใช้พระราชลัญจกรประทับตามขนบธรรมเนียมเดิมควบคู่ไปด้วย หลังจากนั้นพระบรมวงศานุวงศ์และขุนนางจึงนิยมพิมพ์ตราประจำพระองค์และประจำตัวขึ้นโดยลำดับ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมักมีการประดิษฐ์ตราอิงรูปแบบจากการผูกตราตามธรรมเนียมโบราณของอัศวินยุโรป(Heraldry) จะเห็นได้ถึงการปรับเปลี่ยนและดัดแปลงองค์ประกอบของตราในแง่มุมต่างๆ ผสานให้เข้ากับศิลปวัฒนธรรมไทย เช่น เปลี่ยนจากหมวกเกราะเป็น ศิราภรณ์ต่างชนิด เช่น พระเกี้ยว พระชฎา พระมาลา และลอมพอก เปลี่ยนรูปสัตว์บนยอดตรา เป็นรูป ๑๒ นักษัตร หรือเปลี่ยนประคองข้าง เป็นสัตว์ตามภูมิทักษาของนาม เปลี่ยนคติพจน์ ที่ปรากฏบนแพรแถบหรือม้วนกระดาษ เป็นพุทธศาสนสุภาษิต เป็นต้น ก่อให้เกิดตราที่แสดงถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของท่านผู้เป็นเจ้าของ ทั้งมีทรวดทรงและลวดลาย ที่งดงาม ซึ่งในระยะหลังมีการนำเอาตราประทับต่างๆ ทั้งได้รับพระราชทานใช้และประดิษฐ์เองใช้เป็นตราประจำตระกูลที่มีความหมายบ่งบอกถึงความเป็นมา ตำแหน่ง ของบรรพบุรุษตระกูลนั้นๆ[ปรีดี พิศภูมิวิถีและคณะ. สมุดตราสะสมเจ้าจอมเลียม ในรัชกาลที่ 5, ( กรุงเทพฯ: สยามเรเนซองส์, 2559), หน้า คำนิยม. ]
สำหรับตราของพระสีมาฯ ในภาพนั้นเป็นตราประจำตัวที่แกะจากไม้ รูปเทวดาเดินป่า เป็นตราประจำตำแหน่งผู้ปกครองกองนอกยางอนันต์ เมื่อครั้งยังขึ้นตรงต่อเมืองขุขันธ์ (ตำแหน่งยุคนั้นเรียกว่า นายกองนอก หรือ หัวหน้าสำรองเจ้าเมืองหรือว่าที่เจ้าเมือง) ได้รับสืบทอดตามสายเลือดผู้ปกครองในอดีตตามลำดับไม่ขาดช่วงคือ>พระสีมาปัจจิมเขตต์(ดวง) >พระนรินทร์ภักดี(สวาย) บุตรชายคนโตของพระสีมาฯ เมื่อมีการปฏิรูปการปกครองแล้วตำแหน่งกองนอก เปลี่ยนสถานะเป็นตำแหน่งกำนัน หลวงทิพย์โอสถ (น้อม) บุตรชายลำดับที่ 4 ของพระสีมาฯ ได้เป็นกำนันตำบลยางคนแรก และรับมรดกตราประทับคลั่งสืบต่อไป
ต่อมาเมื่อหมดบุตรชายพระสีมาฯ ที่สืบสกุลสายตรงแล้ว แต่มีบุตรีที่ได้แต่งงานกับสายสกุลอื่น บรรดาบุตรเขย เครือญาติของพระสีมาฯ จึงได้ขึ้นตำแหน่งกำนันแทน ตราประทับครั่งนี้ต่อมาจึงตกไปเป็นของลูกเขย และหลานๆ ของพระสีมาฯ ที่ดำรงตำแหน่งเป็นกำนัน คนต่อๆ มา ได้แก่ หลวงวิจิตรอักษร (เสาะ ทรงศรี) บุตรเขยอำแดงโคตร บุตรสาวพระสีมาฯ >นายพรหม กลิ่นสุคนธ์ บุตรเขยบุญธรรมของพระสีมาฯ ที่สมรสกับอำแดงกา ธิดาเลี้ยงของพระสีมาฯ
ในที่สุดถึงมือของกำนันยุทธ รัมพณีนิล มีศักดิ์เป็นหลานของพระนรินทรภักดี เมื่อมีการเลิกใช้ตราประทับคลั่งแล้ว ตรานี้จึงตกอยู่ในการดูแลของกำนันยุทธ ซึ่งเป็นผู้รับตกทอดคนสุดท้าย ปัจจุบันตราไม้ชิ้นนี้จึงกลายเป็นมรดกตกทอดถูกเก็บรักษาในบุคคล "สายสกุลรัมพณีนิล" ซึ่งเป็นหนึ่งในสกุลสัมพันธ์สายเขยของพระสีมาฯ ผ่านทางอำแดงโคตร ธิดาพระสีมาฯ ที่สมรสกับพระสท้านธรณี (มี) กรมการเมืองยางอนันต์ บุตรชาย หลวงกลางสังขะเขต กรมการเมืองสังขะ ซึ่งปัจจุบันทางทายาทใช้เป็นสื่อตัวแทนสายเลือด สายสกุลทุกสกุลที่สืบเชื้อสายทั้งสายตรง และสายสัมพันธ์ เพื่อระลึกนึกถึงพระสีมาปัจจิมเขต์ ผู้เป็นบุตรโลกตาเปตี๊ยะธม (ท่านบ้านใหญ่) หลานพระยาไกรภักดีศรีนครลำดวน (ตากะจะ) ผู้ซึ่งเป็นบรรพบุรุษ
บรรณานุกรรม
อ้างอิงจากหนังสือ
พระยาอนุมานราชธน. (2493). พระราชลัญจกรและตราประจำตัวประจำตำแหน่ง. พระนคร: พระจันทร์.
ปรีดี พิศภูมิวิถีและคณะ. (2559). สมุดตราสะสมเจ้าจอมเลียม ในรัชกาลที่ 5. กรุงเทพฯ: สยามเรเนซองส์.
อ้างอิงจากเว็บไซด์
Tanadol Suthummo Wilachan. (2559). แกะตราประทับแบบไทยโบราณ สืบค้นเมื่อ 23 ธันวาคม 2560, จาก https://www.bloggang.