จากลงทุนแมน December 7, 2017

โดยเขาจบการศึกษาระดับประถมที่โรงเรียนวัดศาลาลอย และระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนสุรวิทยาคาร ก่อนจะไปเรียนต่อที่แผนกวิชาพาณิชยศิลป์ วิทยาลัยเพาะช่าง

เมื่อตอนเป็นเด็ก โน้สเป็นเด็กเกเร ไม่ตั้งใจเรียน ครั้งหนึ่งเขาเคยหนีออกจากบ้าน หนีแม่จากสุรินทร์ มาอยู่ที่ชลบุรีกับญาติ เพียงเพราะคิดว่าแม่จน ไม่มีเงิน มาอยู่กับญาติแล้วจะมีชีวิตที่สบายกว่า

แต่อย่างไรก็ตาม ครั้งหนึ่งในช่วงปิดเทอม โน้สได้บวชเรียนภาคฤดูร้อน เหตุการณ์ที่โน้สคาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น ในระหว่างฉันข้าว เมื่อจู่ๆ มีผู้หญิงคนหนึ่งจูงมือเด็กตัวเล็กๆ มาเกาะที่กุฏิวัดแล้วชะโงกดูโน้ส เมื่อโน้สเงยหน้าขึ้น และเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นคือ “แม่” ที่มาเยี่ยม

มันทำให้น้ำตาของเขาไหลออกมาทันที..

เหตุการณ์นี้เป็นจุดเริ่มต้นทำให้โน้สคิดได้ว่า “ทำไมเขาถึงทิ้งแม่ปล่อยให้เผชิญกับความยากจนเพียงลำพัง ทั้งที่แม่เองก็มีผิวคล้ำ ฟันหลอ แก่ลงทุกวัน” เขาสัญญากับตัวเองไว้ว่าจะต้องทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของแม่ดีขึ้นให้ได้

เมื่อเรียนจบ โน้ส ได้เข้าทำงานมีอาชีพเป็นนักเขียนการ์ตูนที่นิตยสารชัยพฤกษ์การ์ตูน โดยใช้นามปากกาว่า “โน้ต หน้ามึน” ได้รับค่าจ้าง 150 บาทต่อการวาดการ์ตูน 2 ช่อง

ต่อมา โน้สก็ได้มีโอกาสเข้าสู่วงการบันเทิง โดยการสมัครเป็นนักแสดงตัวประกอบในรายการวิก 07 ของเจเอสแอล ก่อนจะได้รับการชักชวนเข้าร่วมรายการยุทธการขยับเหงือก และรายการอื่นๆอีกมากมาย จนได้รับฉายาว่า “เสนา โน้ส” ในเวลาต่อมา

เงินจำนวน 35,000 บาท คือเงินก้อนแรกที่โน้สเก็บได้ แล้วนำไปเช่าบ้านที่ อ.บ้านบึง ให้แม่ได้อาศัยอยู่ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นตามที่เขาได้สัญญากับตัวเองไว้

หลังจากประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว โน้สก็ได้ตัดสินใจแยกตัวออกมาจากรายการยุทธการขยับเหงือก เพื่อมาทำเดี่ยวไมโครโฟนขึ้นครั้งแรก เนื่องจากเขาได้รับคำชมจากเพื่อนๆหลายคนว่า โน้สเป็นคนพูดเก่ง เล่าเรื่องเก่ง มีพรสวรรค์ด้านการพูด

โดยเดี่ยวไมโครโฟน ครั้งแรก เกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2538 ที่หอประชุมเมืองไทยประกันชีวิต โดยใช้เงินทุนในการจัดไป 400,000 บาท

ปัจจุบัน เดี่ยวไมโครโฟนได้เกิดขึ้นมาแล้วทั้งหมด 11 ครั้ง และรวมกับหมู่อีก 1 ครั้ง ซึ่งในแต่ละครั้งที่ โน้ส อุดม จัดการแสดงนี้ เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จแทบทุกครั้ง จากที่นั่งรับชมการแสดงเพียง 450 ที่นั่งต่อรอบในครั้งแรก ก็ได้ขยายออกมาเป็น 3,108 ที่นั่งต่อรอบในปัจจุบัน

โดยรายได้ในการแสดงเดี่ยวไมโครโฟนจะอยู่ในบริษัท พอดีพานิช จำกัด ซึ่งมีรายได้ในแต่ละปี ดังต่อไปนี้

ปี 2556 มีรายได้ 181.9 ล้านบาท กำไร 39.5 ล้านบาท

ปี 2557 มีรายได้ 22.8 ล้านบาท กำไร 1.5 ล้านบาท

ปี 2558 มีรายได้ 198.1 ล้านบาท กำไร 44 ล้านบาท

ปี 2559 มีรายได้ 167.1 ล้านบาท กำไร 26.7 ล้านบาท

หมายเหตุ – รายได้ปีที่เกิน 100 ล้านบาท จะเป็นปีที่มีการจัดเดี่ยวไมโครโฟน ส่วนปี 2557 นั้นไม่มีการจัดการแสดง

และนอกจากนี้ โน้สยังได้ทำธุรกิจไอศครีมเบเกอรี่ เปิดร้านโลคอล คาเฟ่ (Local Café) ที่ตั้งอยู่ในโครงการ Think Park ถนนนิมมานเหมินทร์ จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ชื่อบริษัท ทุเรียน จำกัดอีกด้วย ซึ่งมีรายได้ในแต่ละปี ดังต่อไปนี้

ปี 2557 มีรายได้ 24.5 ล้านบาท กำไร 1 ล้านบาท

ปี 2558 มีรายได้ 31.3 ล้านบาท ขาดทุน 2 แสนบาท

ปี 2559 มีรายได้ 34.4 ล้านบาท กำไร 1.4 ล้านบาท

ซึ่งจากทั้งหมดนี้เราจะเห็นได้ว่า โน้ส อุดม ก็ไม่ได้มีชีวิตต่างจากคนอื่นๆทั่วไป เกเรบ้าง ทำในสิ่งที่ผิดบ้าง แต่สิ่งที่เป็นตัวอย่างที่ดีให้เราสามารถเรียนรู้ได้คือ เขาเลือกที่จะแก้ไข ไม่ยอมแพ้กับอดีตที่ผิดพลาด ต่อสู้กับปัญหาเสมอ

ที่น่าสนใจคือ เขาเคยมีความคิดที่จะฆ่าตัวตายถึง 3 ครั้ง ไม่ว่าจะเป็นตอนอกหักสมัยเรียนหนังสือ ตอนเป็นหนี้หลายล้านจากการค้ำประกันให้เพื่อนสนิท และตอนเมื่อรู้ว่าถูกโกงต่างๆนานา ซึ่งสุดท้ายแล้วเขาก็ผ่านมันมาได้เสมอ

ตอนนี้เรากำลังเจอเรื่องอะไรที่ทำให้เราท้อแท้ ลองเอาเรื่องโน้ส อุดม มาเป็นตัวอย่างในการลุกขึ้นสู้ได้

ทุกคนย่อมมีปัญหาทะเลาะกับพ่อแม่ ทุกคนย่อมมีปัญหาทะเลาะกับแฟน ทุกคนย่อมมีปัญหาในการถูกโกงเงิน

เรื่องพวกนี้เป็นเรื่อง ธรรมดา ของโลกใบนี้

ถ้าเราคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ มันก็จะเป็นเรื่องใหญ่จนเราอยากตาย

แต่ทำไมทุกคนผ่านมันมาได้?

จริงๆแล้วปัญหาในชีวิตเรา ไม่ได้อยู่ที่สิ่งภายนอก

แต่อยู่ที่ตัวเราเอง..

———————-